ดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ มิใช่นักโทษการเมือง.... กวนน้ำให้ใส...สารส้ม.....แนวหน้าออนไลน์

กระทู้สนทนา
การเรียกร้อง “ปลดปล่อยนักโทษการเมือง” โดยพยายามตีขลุมรวมเอาผู้กระทำ
ผิดในคดีดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นนักโทษการเมืองที่สมควรจะได้รับ
การนิรโทษกรรมด้วยนั้น ควรถูกตั้งคำถามว่าถูกต้อง เหมาะสม แค่ไหน?

1) กฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้มีการใช้บังคับมาแต่เก่าก่อน ทุกยุคทุกสมัย
ทุกรัฐบาลไม่เกี่ยวกับรัฐประหารไม่เกี่ยวกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ผู้ชุมนุมเกือบทั้งหมด ผู้ปราศรัยทางการเมือง นักเขียน บรรณาธิการสื่อมวลชน ฯลฯ
ส่วนมากไม่ได้ถูกดำเนินคดีด้วยความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ม.112 ซึ่งมีแค่ไม่กี่คน
ที่มีพฤติกรรมจงใจกระทำผิดกฎหมายดังกล่าวไม่มีเหตุจำเป็นอันใด ที่จะต้องไป
นิรโทษกรรมให้กับคนที่จงใจกระทำผิดกฎหมาย ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งหาก
ต้องการได้รับการลดหย่อนโทษหรืออภัยโทษ ก็มีกระบวนการยุติธรรมตามปกติอยู่แล้ว

2) กฎหมายอาญา มาตรา 112 มีสภาใช้บังคับโดยถูกต้องชอบธรรมตาม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยดังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยชี้ขาด
ไปแล้ว ใจความบางประเด็นชี้ชัดว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 บัญญัติ
อยู่ในภาคความผิดลักษณะที่ 1 ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่ง
ราชอาณาจักร หมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท
และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นมาตรการของรัฐที่มีขึ้นเพื่อคุ้มครอง
สถาบันพระมหากษัตริย์จากหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย
ซึ่งการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ย่อมก่อให้เกิดผล
กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ เพราะพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
รับรองและคุ้มครองไว้ และเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทย ดังนั้นประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 112 จึงเป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ที่มีความหมายเช่นเดียวกับการเป็นกฎหมายที่มีขึ้นเพื่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 วรรคสอง ที่เป็นเงื่อนไขแห่งการจำกัดเสรีภาพในการ
แสดงความคิดเห็นของบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 วรรคหนึ่ง “อัตราโทษตาม
ที่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กำหนดไว้ก็เป็นการกำหนดเท่าที่จำเป็นเพื่อ
ให้รัฐธรรมนูญมาตรา 8 ที่รับรองสถานะของพระมหากษัตริย์มีผลใช้ได้อย่างสมบูรณ์
ในทางปฏิบัติ และเป็นการจำแนกการกระทำความผิดที่เหมาะสมและได้สัดส่วนกับ
สถานะของบุคคลที่ประมวลกฎหมายอาญาได้กำหนดไว้ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ใช้เป็น
การทั่วไป ไม่ได้มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง
เป็นการเจาะจงและไม่ได้กระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งเสรีภาพในการแสดง
ความคิดเห็นของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45วรรคหนึ่ง แต่ประการใดเพราะ
บุคคลทุกคนยังมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นภายในขอบเขตที่ไม่เป็นความผิด
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นี้”

3) การพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน แต่ละคดีก็มีข้อเท็จจริงและประเด็นข้อกฎหมาย
ชัดเจนศาลยุติธรรมมิได้พิพากษาคดีไปตามอำเภอใจยกตัวอย่างล่าสุด กรณีคดี
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุขคดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า นายสมยศหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและ
แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยการจัดพิมพ์ จัดจำหน่ายและเผยแพร่
นิตยสารเสียงทักษิณ (Voice of Taksin) ปีที่ 1 ฉบับที่ 15 ปักษ์หลังกุมภาพันธ์ 2553
บทความของผู้ใช้นามปากกา จิตร พลจันทร์ เรื่องแผนนองเลือด กับยิงข้ามรุ่น และ
นิตยสารเสียงทักษิณ (Voice of Taksin) ปีที่ 1 ฉบับที่ 16 ปักษ์แรก มีนาคม 2553
บทความคมความคิดของผู้ใช้นามปากกาว่า จิตร พลจันทร์ เรื่อง 6 ตุลาคม 2553
โดยทั้งสองบทความมีเนื้อหาใส่ร้ายสถาบันเบื้องสูง เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น
องค์พระมหากษัตริย์ศาลพิพากษาชัดเจนทั้งพฤติกรรมแห่งการกระทำผิด และประเด็น
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด มีพยานหลักฐานชัดเจน น่าเชื่อถือ

คำพิพากษาระบุว่า บทความคมความคิดในนิตยสารเสียงทักษิณทั้ง 2 ฉบับ มีเนื้อหา
ที่ไม่ได้กล่าวถึงชื่อบุคคล แต่เขียนโดยมีเจตนาเชื่อมโยงเหตุการณ์ในอดีต เมื่อนำ
เหตุการณ์ในอดีตมาเชื่อมโยงแล้วสามารถระบุได้ว่าหมายถึง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเนื้อหาของบทความเป็นการหมิ่นประมาท
ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ การที่จำเลยนำบทความ
ไปจัดพิมพ์ จัดจำหน่าย และเผยแพร่ จึงมีเจตนาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความ
อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 112  เมื่อมีการจัดพิมพ์นิตยสาร 2 ฉบับ ต่างกรรมต่างวาระกัน จึงเป็นการกระทำ
สองกรรมพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็น
การกระทำหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 91 ให้จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมสองกระทงแล้ว จำคุก 10 ปี
บวกโทษจำคุก 1 ปีในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.1078/2552 ของศาลอาญา รวม
เป็นจำคุก 11 ปีหากพิจารณาคำพิพากษาด้วยใจเป็นธรรม จะเห็นว่า ศาลยุติธรรมได้
ใช้ความละเอียด ถี่ถ้วน และไม่ได้ใช้อำนาจเกินเลยกฎหมายหรือตามอำเภอใจเลย
ในเมื่อกฎหมายอาญาแผ่นดินบัญญัติห้ามไว้แล้ว แต่ยังมีการกระทำผิด
จะไม่ให้ศาลยุติธรรมพิพากษาคดีตามกฎหมายได้อย่างไร?
แล้วสถาบันพระมหากษัตริย์จะดำรงสถานะตามรัฐธรรมนูญได้อย่างไร?
ใครด่านักการเมือง ยังต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายหมิ่นประมาท
แต่สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง ใครริจะด่า ใส่ร้ายป้ายสี
โจมตีเพื่อความสะใจ หรือหวังผลบางประการ จะถือว่าเป็นเรื่องการเมือง
ลบล้างกันได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?
กฎหมายบ้านเมือง จะศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?

http://www.naewna.com/politic/columnist/5175


ขอบคุณ คุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงทางกฎหมาย
ขอบคุณด้วยความจริงใจ  
ใบโหระพา - วันอังคาร เวลา 08:13 น.9 8
http://pantip.com/topic/30092533

เอามาเทียบกัน  ให้ดู...แนวหน้าฉบับเดียว  กับสื่ออีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีคคห.แตกต่าง
ต้องถามว่า  คคห.ฝ่ายใดมีน้ำหนักกว่ากัน ...
จะเชื่อฝ่ายไหน  ...กลับไปดูว่า  คุณเลือกข้างไหน

คดีหมิ่นสถาบันกษัตริย์ ...เป็นเรื่อง ของ  การแตกต่างทางความคิด
เหมือนเป็นเรื่องการเมืองไหม ?
กระทู้นี้ถูกปิด ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้

เรียนเพื่อนสมาชิก
เนื่องจากบรรยากาศการสนทนาในกระทู้นี้อาจทำให้ผู้ไม่หวังดีสบช่องเบี่ยงเบนประเด็นสนทนา
โดยการแสดงความคิดเห็นพาดพิง หรือสร้างความเข้าใจที่ผิด ต่อสถาบันอันเป็นที่รักของเรา
ทีมงานจึงขอปิดการสนทนาในกระทู้นี้เพื่อรักษาบรรยากาศการสนทนาโดยรวมต่อไปค่ะ
หากมีข้อสงสัยประการใด โปรดติดต่อทีมงาน
ทีมงานเว็บไซต์พันทิป

www.pantip.com

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่