ติดค้างเรื่องเล่ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว
จนแฟนคลับทวงถามด้วยความอยากรู้ เหมือนที่ผมเคยอยากรู้เมื่อหลายปีก่อน
เรื่องของเรื่อง ก็คือเรื่อง เพชรพญานาค นั่นแหละครับ
อ่ะ...วันนี้จะโม้ให้ฟังซะหน่อย ... แต่อย่าเชื่อก็แล้วกัน !
เพชรพญานาคถ้ามองอย่างผิวเผิน มันก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ธรรมดา
แต่มันมีความไม่ธรรมดาก็ตรงที่ว่า มีการต้มตุ๋น หลอกลวง สูญเงินกันหลักหลายแสน หลายล้าน หงายท้องกันไม่ใช่น้อย
ไม่ต่างอะไรสิ่งที่เรียกว่า เหล็กไหล ที่นักเล่นของทั้งหลายแสวงหา
สิ่งเหล่านี้มันเป็นธรรมชาติในการเกิดของมันเอง
แต่เป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับผู้คน ที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเอง
ผมสนใจ ศึกษา ค้นหา เรื่องนี้อยู่หลายปี ถึงกับธุดงค์เดี่ยวดั้นด้นไปตามสำนักต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงตา ฤาษี ตาเถร เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ตำหนักทรงต่างๆ ผมลุยดะ
จนวันหนึ่งจับผลัดจับผลู (แปลว่าอะไรไม่รู้แฮะ) คุยกับเจ้าพ่อ สำนักทรงแห่งหนึ่ง ได้เห็นก้อนหินอยู่กองหนึ่งน่าสนใจ
และได้รับการชักชวน ไปยังแหล่งที่มาของก้อนหินเหล่านั้น..
อ่ะ...ได้การละ ชักเริ่มสนุก ก็เลยตกลงร่วมทีมสำรวจกะเค้าด้วย
ยังกะทีมตามล่าหาเพชรพระอุมายังไงก็ยังงั้นเลยเชียวแหละ
ทีมมีห้าคน สี่คนล้วนแล้วแต่จอมขมังเวทย์ทั้งนั้น มีอยู่หนึ่งที่เป็นจอมขมังวิ่งอ่ะ
การเดินทางไม่ถึงกะต้องลุยป่าหิมพานต์หรอก แค่เทือกเขาภูพานสกลนครนี่แหละ
แค่นี้ก็แทบเดี้ยงแล้ว สิ่งที่ประสบด้วยตัว ด้วยตา ทำให้รู้ว่า สิ่งมหัศจรรย์ นอกเหนือจากการรับรู้โดยทั่วไปนั้น มันมีจริง....
และความจริง ของจริงที่ว่านี้ บอกใครก็ยาก มันเป็นสิ่งที่เชื่อยาก
พระพุทธองค์ถึงได้บอกว่า สิ่งนี้เป็น ปัจจัตตัง ฯ รู้ได้ด้วยตัวเองเท่านั้น
..........ป่าทึบ ไม่มีผู้คน ไม่มีแหล่งทำกิน แต่เจอคน พูดคุยกันรู้เรื่อง !......
หลงป่าอยู่ 2 วัน แม้แต่จอมขมังเวทย์ยังมึน....
........เจอพระธุดงค์บอกทางให้ แต่พระธุดงค์องค์นั้น เดินเท้าไม่ถึงพื้น !......
สิ่งมหัศจรรย์ในโลกนี้มีอยู่จริง แต่พูดจริง บอกจริง ก็เหมือนมันไม่จริง...
เพราะมันเป็น ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ฯ...!!

สิ่งที่ได้มาในครั้งนั้น เป็นหินทรงรี เล็กบ้างใหญ่บ้าง ลักษณะเป็นหินทราย
วิธีเอานอกจากกรรมวิธีในการบอกกล่าวขอ แล้วก็ต้องใช้การสกัดกะเทาะออกจากผนังถ้ำ
หินพวกนี้จะเกาะกลุ่มกันอยู่ตามผนัง ดูแล้วเป็นตะปุ่มตะป่ำเต็มไปหมด แม้แต่ตามพื้นก็มี
ผมคนมักน้อยสกัดออกมาแค่ 5 ก้อนเอง
ในก้อนหินต่างๆเหล่านั้น ไม่รู้หรอกว่า ภายในจะมี หรือไม่มีสิ่งที่เรียกว่า เพขรพญานาค
ใช้วิธีเสี่ยงโชคเอา ใน 5 ก้อนที่ผมได้มา มีสิ่งนั้น อยู่ 2 ก้อนเอง เรียกว่าโชคดี ที่เจอ
หนึ่งในทีมที่เอามาเป็นสิบๆ ก้อน ไม่เจอซักก้อน
ลักษณะหินเป็นก้อนอย่างนี้แหละครับ...

เมื่อกะเทาะหินออกมา ข้างในจะเป็นทรายละเอียดยิบ ละเอียดมากขนาดเกลือป่นในขวดนั่นแหละ
ถ้าในก้อนหินนั้นมีเพชรพญานาค ทรายจะแห้งสนิท ถ้าก้อนไหนไม่มี ทรายที่อยู่ในนั้น จะมีความชื้นเห็นได้ชัด
ข้างในจะเป็นโพรงแบบนี้...

เพชรพญานาคจะอยู่ในนี้ โดยมีทรายละเอียดที่ว่า คลุมอยู่...

รูปร่างลักษณะของเพชรพญานาค จะเรียบ กลมรี มีสีฟ้า สีเขียว สีชมพู และสีม่วง ในแต่ละเม็ด...

สิ่งที่เรียกว่า เพชรพญานาคนี้ เป็นผลึกแข็ง แต่ไม่ทราบว่า เป็นแร่ชนิดไหน
ผมเคยทดลองปิดประตูห้องแล้วเอาค้อนทุบ ปรากฏว่าเม็ดที่ว่านี้ วิ่งพล่านไปรอบห้อง....ไม่แตกแฮะ !
สิ่งมหัศจรรย์ในสายตาชาวบ้าน น่าจะเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ธรรมดาๆ ของการกำเนิดสิ่งต่างๆที่ธรรมชาติเป็นอยู่
นับเป็นสิ่งลิ้ลับชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เกิดการเสาะแสวงหา เรียกได้ว่าเป็นวัตถุมงคล
ที่หลายคนต้องตกเป็นเหยื่อของนักต้มตุ๋น ที่ทำมาหากินบนความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้คน...!!

=================== เพชรพญานาค ==================
จนแฟนคลับทวงถามด้วยความอยากรู้ เหมือนที่ผมเคยอยากรู้เมื่อหลายปีก่อน
เรื่องของเรื่อง ก็คือเรื่อง เพชรพญานาค นั่นแหละครับ
อ่ะ...วันนี้จะโม้ให้ฟังซะหน่อย ... แต่อย่าเชื่อก็แล้วกัน !
เพชรพญานาคถ้ามองอย่างผิวเผิน มันก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ธรรมดา
แต่มันมีความไม่ธรรมดาก็ตรงที่ว่า มีการต้มตุ๋น หลอกลวง สูญเงินกันหลักหลายแสน หลายล้าน หงายท้องกันไม่ใช่น้อย
ไม่ต่างอะไรสิ่งที่เรียกว่า เหล็กไหล ที่นักเล่นของทั้งหลายแสวงหา
สิ่งเหล่านี้มันเป็นธรรมชาติในการเกิดของมันเอง
แต่เป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับผู้คน ที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเอง
ผมสนใจ ศึกษา ค้นหา เรื่องนี้อยู่หลายปี ถึงกับธุดงค์เดี่ยวดั้นด้นไปตามสำนักต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงตา ฤาษี ตาเถร เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ตำหนักทรงต่างๆ ผมลุยดะ
จนวันหนึ่งจับผลัดจับผลู (แปลว่าอะไรไม่รู้แฮะ) คุยกับเจ้าพ่อ สำนักทรงแห่งหนึ่ง ได้เห็นก้อนหินอยู่กองหนึ่งน่าสนใจ
และได้รับการชักชวน ไปยังแหล่งที่มาของก้อนหินเหล่านั้น..
อ่ะ...ได้การละ ชักเริ่มสนุก ก็เลยตกลงร่วมทีมสำรวจกะเค้าด้วย
ยังกะทีมตามล่าหาเพชรพระอุมายังไงก็ยังงั้นเลยเชียวแหละ
ทีมมีห้าคน สี่คนล้วนแล้วแต่จอมขมังเวทย์ทั้งนั้น มีอยู่หนึ่งที่เป็นจอมขมังวิ่งอ่ะ
การเดินทางไม่ถึงกะต้องลุยป่าหิมพานต์หรอก แค่เทือกเขาภูพานสกลนครนี่แหละ
แค่นี้ก็แทบเดี้ยงแล้ว สิ่งที่ประสบด้วยตัว ด้วยตา ทำให้รู้ว่า สิ่งมหัศจรรย์ นอกเหนือจากการรับรู้โดยทั่วไปนั้น มันมีจริง....
และความจริง ของจริงที่ว่านี้ บอกใครก็ยาก มันเป็นสิ่งที่เชื่อยาก
พระพุทธองค์ถึงได้บอกว่า สิ่งนี้เป็น ปัจจัตตัง ฯ รู้ได้ด้วยตัวเองเท่านั้น
..........ป่าทึบ ไม่มีผู้คน ไม่มีแหล่งทำกิน แต่เจอคน พูดคุยกันรู้เรื่อง !......
หลงป่าอยู่ 2 วัน แม้แต่จอมขมังเวทย์ยังมึน....
........เจอพระธุดงค์บอกทางให้ แต่พระธุดงค์องค์นั้น เดินเท้าไม่ถึงพื้น !......
สิ่งมหัศจรรย์ในโลกนี้มีอยู่จริง แต่พูดจริง บอกจริง ก็เหมือนมันไม่จริง...
เพราะมันเป็น ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ฯ...!!
สิ่งที่ได้มาในครั้งนั้น เป็นหินทรงรี เล็กบ้างใหญ่บ้าง ลักษณะเป็นหินทราย
วิธีเอานอกจากกรรมวิธีในการบอกกล่าวขอ แล้วก็ต้องใช้การสกัดกะเทาะออกจากผนังถ้ำ
หินพวกนี้จะเกาะกลุ่มกันอยู่ตามผนัง ดูแล้วเป็นตะปุ่มตะป่ำเต็มไปหมด แม้แต่ตามพื้นก็มี
ผมคนมักน้อยสกัดออกมาแค่ 5 ก้อนเอง
ในก้อนหินต่างๆเหล่านั้น ไม่รู้หรอกว่า ภายในจะมี หรือไม่มีสิ่งที่เรียกว่า เพขรพญานาค
ใช้วิธีเสี่ยงโชคเอา ใน 5 ก้อนที่ผมได้มา มีสิ่งนั้น อยู่ 2 ก้อนเอง เรียกว่าโชคดี ที่เจอ
หนึ่งในทีมที่เอามาเป็นสิบๆ ก้อน ไม่เจอซักก้อน
ลักษณะหินเป็นก้อนอย่างนี้แหละครับ...
เมื่อกะเทาะหินออกมา ข้างในจะเป็นทรายละเอียดยิบ ละเอียดมากขนาดเกลือป่นในขวดนั่นแหละ
ถ้าในก้อนหินนั้นมีเพชรพญานาค ทรายจะแห้งสนิท ถ้าก้อนไหนไม่มี ทรายที่อยู่ในนั้น จะมีความชื้นเห็นได้ชัด
ข้างในจะเป็นโพรงแบบนี้...
เพชรพญานาคจะอยู่ในนี้ โดยมีทรายละเอียดที่ว่า คลุมอยู่...
รูปร่างลักษณะของเพชรพญานาค จะเรียบ กลมรี มีสีฟ้า สีเขียว สีชมพู และสีม่วง ในแต่ละเม็ด...
สิ่งที่เรียกว่า เพชรพญานาคนี้ เป็นผลึกแข็ง แต่ไม่ทราบว่า เป็นแร่ชนิดไหน
ผมเคยทดลองปิดประตูห้องแล้วเอาค้อนทุบ ปรากฏว่าเม็ดที่ว่านี้ วิ่งพล่านไปรอบห้อง....ไม่แตกแฮะ !
สิ่งมหัศจรรย์ในสายตาชาวบ้าน น่าจะเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ธรรมดาๆ ของการกำเนิดสิ่งต่างๆที่ธรรมชาติเป็นอยู่
นับเป็นสิ่งลิ้ลับชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เกิดการเสาะแสวงหา เรียกได้ว่าเป็นวัตถุมงคล
ที่หลายคนต้องตกเป็นเหยื่อของนักต้มตุ๋น ที่ทำมาหากินบนความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้คน...!!