วันนี้ (30 ม.ค.56) ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ฟ้องนายสันติลักษณ์ หรือ แสตมป์ ธัญญาหาร หรือ นายภัทรวรรธน์ ธัญญาหารรุ่งโรจน์ อายุ 53 ปี อดีตอาจารย์ผู้ช่วยระดับ 3 ภาควิชาไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร
โดยโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค.48 เวลาประมาณ 01.30 น. นายสุธัญ อิทธิสุรสิงห์ อายุ 45 ปี อาชีพพ่อค้าข้าวแกง ไปร่วมงานวันเกิดของหลานสาวที่บ้านเช่า หลังอาคารมิสเตอร์แสตมป์ ที่มีนายสันติลักษณ์ จำเลย เป็นเจ้าของ เมื่อกลับจากงานเลี้ยง นายสุธัญได้ไปยืนปัสสาวะที่ริมคลองประปา หน้าบ้านของ นายสันติลักษณ์ จำเลยเห็นจึงยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด นายสุธัญจึงตะโกนถามว่ายิงปืนทำไม จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง
ขณะนั้นมีพยานซึ่งเป็นเพื่อนของนายสุธัญเห็นเหตุการณ์ ได้เข้าไปห้ามปราม แต่จำเลยไม่ฟังเสียงใช้ปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่นายสุธัญเข้าที่หน้าอกจนเสียชีวิต จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดีอ้างว่า ผู้ตายกับเพื่อนเดินมาหาเรื่องที่หน้าห้องพัก โดยมีอาวุธมีดมาด้วย จึงเข้าห้องกลับไปเอาปืนมายิงขู่ แต่ถูกเพื่อนผู้ตายแย่งปืน ทำให้ปืนลั่นใส่นายสุธัญถึงแก่ความตาย
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 พ.ย.49 ลงโทษจำคุกฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เป็นเวลา 18 ปี ฐานยิงปืนในที่สาธารณะจำคุก 9 วัน จำเลยให้การรับสารภาพฐานยิงปืนในที่สาธารณะ และให้การเป็นประโยชน์บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยไว้ 12 ปี 6 วัน และให้บวกโทษจำคุก 1 ปี ที่รอลงอาญาไว้ ในคดีหมายเลขแดงที่ 566/2545 คดีทำร้ายร่างกายนางศรินรัตน์ ธัญญาหาร ภรรยา ได้รับอันตรายสาหัสด้วย รวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 13 ปี 6 วัน
แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 9 มี.ค.52 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยยื่นฎีกาศาลฎีกา ตรวจจำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยละเอียดรอบคอบแล้ว เห็นว่าจำเลยยื่นฎีกาว่า ผู้ตายพกพาอาวุธมีดเข้ามาในบริเวณบ้านจำเลย กรณีจึงเป็นเหตุป้องกันตัว ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาลงโทษสถานเบา ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยไม่เป็นสาระ ไม่มีเหตุให้ลงโทษสถานเบา ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ
โดยผลให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ที่ให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 13 ปี 6 วัน ระหว่างถูกควบคุมตัวออกจากห้องพิจารณาคดี นายสันติลักษณ์ กล่าวว่า ในส่วนของคดีนั้นถึงที่สุดแล้ว ตนจะยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป
http://www.thairath.co.th/content/region/323503
เป็นบทเรียนให้กับทุกคน แต่จะว่าไปบางคดีก็รอดบางคดีก็ไม่รอด
คุก13ปี อ.วิศวะจุฬาฯ ยิงพ่อค้าปัสสาวะหน้าบ้านดับ
โดยโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค.48 เวลาประมาณ 01.30 น. นายสุธัญ อิทธิสุรสิงห์ อายุ 45 ปี อาชีพพ่อค้าข้าวแกง ไปร่วมงานวันเกิดของหลานสาวที่บ้านเช่า หลังอาคารมิสเตอร์แสตมป์ ที่มีนายสันติลักษณ์ จำเลย เป็นเจ้าของ เมื่อกลับจากงานเลี้ยง นายสุธัญได้ไปยืนปัสสาวะที่ริมคลองประปา หน้าบ้านของ นายสันติลักษณ์ จำเลยเห็นจึงยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด นายสุธัญจึงตะโกนถามว่ายิงปืนทำไม จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง
ขณะนั้นมีพยานซึ่งเป็นเพื่อนของนายสุธัญเห็นเหตุการณ์ ได้เข้าไปห้ามปราม แต่จำเลยไม่ฟังเสียงใช้ปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่นายสุธัญเข้าที่หน้าอกจนเสียชีวิต จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดีอ้างว่า ผู้ตายกับเพื่อนเดินมาหาเรื่องที่หน้าห้องพัก โดยมีอาวุธมีดมาด้วย จึงเข้าห้องกลับไปเอาปืนมายิงขู่ แต่ถูกเพื่อนผู้ตายแย่งปืน ทำให้ปืนลั่นใส่นายสุธัญถึงแก่ความตาย
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 พ.ย.49 ลงโทษจำคุกฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เป็นเวลา 18 ปี ฐานยิงปืนในที่สาธารณะจำคุก 9 วัน จำเลยให้การรับสารภาพฐานยิงปืนในที่สาธารณะ และให้การเป็นประโยชน์บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยไว้ 12 ปี 6 วัน และให้บวกโทษจำคุก 1 ปี ที่รอลงอาญาไว้ ในคดีหมายเลขแดงที่ 566/2545 คดีทำร้ายร่างกายนางศรินรัตน์ ธัญญาหาร ภรรยา ได้รับอันตรายสาหัสด้วย รวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 13 ปี 6 วัน
แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 9 มี.ค.52 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยยื่นฎีกาศาลฎีกา ตรวจจำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยละเอียดรอบคอบแล้ว เห็นว่าจำเลยยื่นฎีกาว่า ผู้ตายพกพาอาวุธมีดเข้ามาในบริเวณบ้านจำเลย กรณีจึงเป็นเหตุป้องกันตัว ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาลงโทษสถานเบา ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยไม่เป็นสาระ ไม่มีเหตุให้ลงโทษสถานเบา ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ
โดยผลให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ที่ให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 13 ปี 6 วัน ระหว่างถูกควบคุมตัวออกจากห้องพิจารณาคดี นายสันติลักษณ์ กล่าวว่า ในส่วนของคดีนั้นถึงที่สุดแล้ว ตนจะยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป
http://www.thairath.co.th/content/region/323503
เป็นบทเรียนให้กับทุกคน แต่จะว่าไปบางคดีก็รอดบางคดีก็ไม่รอด