ช่วงนี้ ชาวโรฮิงญา ชนกลุ่มน้อยใน รัฐยะไข่ พม่า กำลังเป็นข่าวในไทยและต่างประเทศ เพราะ ชาวโรฮิงญา หนีจากรัฐยะไข่ ล่องทะเลอันดามันมาขึ้นบกที่ภาคใต้ของไทยจำนวนมาก อ้างว่าจะไปประเทศที่ 3 ทำให้ไทยถูกกดดันให้ตั้ง “ศูนย์อพยพ” ขึ้นมารองรับ ทั้งที่เป็นผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง แต่กลับไม่มีชาติไหนไปกดดัน พม่า ซึ่งเป็น ต้นตอ
วันที่ 31 มกราคมนี้ คุณสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีต่างประเทศ จะพา คณะทูตกลุ่มประเทศอิสลามโอไอซี ลงใต้ เพื่อหารือปัญหาโรฮิงญาด้วย
ตัวเลขล่าสุดมี ชาวโรฮิงยา ถูกจับกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง 1,390 คนแล้ว วันก่อนนักข่าวต่างประเทศไปสอบถามถึงสาเหตุที่ต้องหนีจากบ้านเกิดรัฐยะไข่ ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถอยู่ในประเทศ พม่าได้ เพราะถูกกดขี่ข่มเหงไม่มีงานทำ ไม่มีทางต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม จึงต้องหนีออกมาทางเรือในฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อขอลี้ภัยไปประเทศที่ 3 และยืนกรานว่า ยอมตายหากถูกส่งกลับพม่า
รัฐยะไข่พม่าน่ากลัวยิ่งกว่าความตายเลยหรือ ทั้งๆที่พม่าเพิ่งจะเปิดประเทศ
ปลายปีที่แล้ว ชาวโรฮิงญา ก็เป็นข่าวไปทั่วโลก เมื่อ ชาวโรฮิงญา ซึ่งนับถือ ศาสนาอิสลาม เปิดศึกศาสนากับ ชาวพุทธ ที่รัฐยะไข่ ฆ่ากันตายไปกว่าร้อยศพ ทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 30,000 คน แม้แต่ อองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน ก็ปฏิเสธที่จะปราศรัยสนับสนุนชาวโรฮิงญา เพราะไม่ต้องการเข้าข้างใดข้างหนึ่ง
รัฐยะไข่ ยากจนข้นแค้นจน ชาวโรฮิงญา อยู่ไม่ได้ ต้องเสี่ยงตายลงทะเลหนีไปประเทศที่ 3 ทั้งที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จริงหรือไม่ ผมยังสงสัย
เพราะใน ปฏิทินทัวร์พม่า ของบริษัทนำเที่ยวไทย รัฐยะไข่ ก็เป็นหนึ่งใน เมืองท่องเที่ยว เพราะเต็มไปด้วยโบราณสถานกว่า 140 แห่ง มีวัดดังมากมาย เช่น วัดพระเขี้ยวแก้ว วัดพระแปดหมื่น วัดพระเก้าหมื่น เป็นต้น
ยิ่งน่าสงสัยเมื่อ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ออกมาเปิดเผย ผลการตรวจดีเอ็นเอชาวโรฮิงญากว่า 800 คน ที่ลักลอบหนีเข้าเมืองไทยโดยผิดกฎหมาย พบว่าบางรายมีการใช้สารเสพติด แต่ไม่พบว่ามีสารประกอบระเบิดตามร่างกาย
การตรวจดีเอ็นเอของชาวโรฮิงญาครั้งนี้ คุณหมอพรทิพย์ บอกว่า มีข้อน่ากังวล ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ในช่วงปี 2552 ตรวจพบ ชาวโรฮิงญา ถือบัตร สัญชาตมาเลเซีย เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยังสงสัยว่าเข้ามาเส้นทางใด เพราะชาวโรฮิงญาไม่มีศักยภาพพอที่จะลอยเรือไปขึ้นฝั่งที่มาเลเซียได้
คุณหมอพรทิพย์ บอกด้วยว่า จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ยังพบว่าในกลุ่มโรฮิงญาผู้ลักลอบเข้าเมือง มีการนำวัตถุระเบิดจากประเทศอินเดียเข้ามาด้วย ดังนั้น จึงน่าสงสัยว่าจะมีขบวนการช่วยเหลือเคลื่อนย้ายคนกลุ่มนี้หรือไม่ แม้จะมีการผลักดันคนเหล่านี้กลับประเทศ แต่ในความเป็นจริง ชาวโรฮิงญา จะถูกส่งไปขึ้นฝั่งที่ จังหวัดสตูล ระนอง และจังหวัดอื่นๆ บางส่วนถูกส่งต่อไปยังมาเลเซีย
จากการตรวจสอบขยายผลที่พักกลุ่มโรฮิงญา มีผู้ต้องหา 2 คนสารภาพว่า ชาวโรฮิงญาที่อพยพผ่านชายแดนด้านแม่สอด มาอาศัยที่สุไหงโก–ลก ก่อนถูกส่งตัวไปฝึกกับ “กลุ่มอาร์เคเค” และกลับเข้ามาก่อเหตุในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ประเด็นนี้น่าเป็นห่วงมาก รัฐบาลยังไม่มีนโยบายชัดเจนจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
น่าจะถึงบางอ้อนะครับ ทำไมชาวโรฮิงญาที่ยากจน จึงสามารถล่องเรือฝ่าทะเลอันดามันอันเวิ้งว้าง มาขึ้นบกที่จังหวัดระนอง–สตูล– สงขลาได้อย่างแม่นยำ เป็นเรื่องที่ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องให้กระทรวงการต่างประเทศ เปิดโปงต่อชาวโลก เพื่อ แก้ปัญหา ชาวโรฮิงญา และ แก้ปัญหาภาคใต้ของไทย ด้วย.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
โดย: ลม เปลี่ยนทิศ
29 มกราคม 2556,
http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/323023
ภาพ
http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2009/01/pro30270152p2.jpg
http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/179081.jpg
เรื่องลึกลับของโรฮิงญา
ช่วงนี้ ชาวโรฮิงญา ชนกลุ่มน้อยใน รัฐยะไข่ พม่า กำลังเป็นข่าวในไทยและต่างประเทศ เพราะ ชาวโรฮิงญา หนีจากรัฐยะไข่ ล่องทะเลอันดามันมาขึ้นบกที่ภาคใต้ของไทยจำนวนมาก อ้างว่าจะไปประเทศที่ 3 ทำให้ไทยถูกกดดันให้ตั้ง “ศูนย์อพยพ” ขึ้นมารองรับ ทั้งที่เป็นผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง แต่กลับไม่มีชาติไหนไปกดดัน พม่า ซึ่งเป็น ต้นตอ
วันที่ 31 มกราคมนี้ คุณสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีต่างประเทศ จะพา คณะทูตกลุ่มประเทศอิสลามโอไอซี ลงใต้ เพื่อหารือปัญหาโรฮิงญาด้วย
ตัวเลขล่าสุดมี ชาวโรฮิงยา ถูกจับกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง 1,390 คนแล้ว วันก่อนนักข่าวต่างประเทศไปสอบถามถึงสาเหตุที่ต้องหนีจากบ้านเกิดรัฐยะไข่ ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถอยู่ในประเทศ พม่าได้ เพราะถูกกดขี่ข่มเหงไม่มีงานทำ ไม่มีทางต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม จึงต้องหนีออกมาทางเรือในฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อขอลี้ภัยไปประเทศที่ 3 และยืนกรานว่า ยอมตายหากถูกส่งกลับพม่า
รัฐยะไข่พม่าน่ากลัวยิ่งกว่าความตายเลยหรือ ทั้งๆที่พม่าเพิ่งจะเปิดประเทศ
ปลายปีที่แล้ว ชาวโรฮิงญา ก็เป็นข่าวไปทั่วโลก เมื่อ ชาวโรฮิงญา ซึ่งนับถือ ศาสนาอิสลาม เปิดศึกศาสนากับ ชาวพุทธ ที่รัฐยะไข่ ฆ่ากันตายไปกว่าร้อยศพ ทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 30,000 คน แม้แต่ อองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน ก็ปฏิเสธที่จะปราศรัยสนับสนุนชาวโรฮิงญา เพราะไม่ต้องการเข้าข้างใดข้างหนึ่ง
รัฐยะไข่ ยากจนข้นแค้นจน ชาวโรฮิงญา อยู่ไม่ได้ ต้องเสี่ยงตายลงทะเลหนีไปประเทศที่ 3 ทั้งที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จริงหรือไม่ ผมยังสงสัย
เพราะใน ปฏิทินทัวร์พม่า ของบริษัทนำเที่ยวไทย รัฐยะไข่ ก็เป็นหนึ่งใน เมืองท่องเที่ยว เพราะเต็มไปด้วยโบราณสถานกว่า 140 แห่ง มีวัดดังมากมาย เช่น วัดพระเขี้ยวแก้ว วัดพระแปดหมื่น วัดพระเก้าหมื่น เป็นต้น
ยิ่งน่าสงสัยเมื่อ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ออกมาเปิดเผย ผลการตรวจดีเอ็นเอชาวโรฮิงญากว่า 800 คน ที่ลักลอบหนีเข้าเมืองไทยโดยผิดกฎหมาย พบว่าบางรายมีการใช้สารเสพติด แต่ไม่พบว่ามีสารประกอบระเบิดตามร่างกาย
การตรวจดีเอ็นเอของชาวโรฮิงญาครั้งนี้ คุณหมอพรทิพย์ บอกว่า มีข้อน่ากังวล ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ในช่วงปี 2552 ตรวจพบ ชาวโรฮิงญา ถือบัตร สัญชาตมาเลเซีย เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยังสงสัยว่าเข้ามาเส้นทางใด เพราะชาวโรฮิงญาไม่มีศักยภาพพอที่จะลอยเรือไปขึ้นฝั่งที่มาเลเซียได้
คุณหมอพรทิพย์ บอกด้วยว่า จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ยังพบว่าในกลุ่มโรฮิงญาผู้ลักลอบเข้าเมือง มีการนำวัตถุระเบิดจากประเทศอินเดียเข้ามาด้วย ดังนั้น จึงน่าสงสัยว่าจะมีขบวนการช่วยเหลือเคลื่อนย้ายคนกลุ่มนี้หรือไม่ แม้จะมีการผลักดันคนเหล่านี้กลับประเทศ แต่ในความเป็นจริง ชาวโรฮิงญา จะถูกส่งไปขึ้นฝั่งที่ จังหวัดสตูล ระนอง และจังหวัดอื่นๆ บางส่วนถูกส่งต่อไปยังมาเลเซีย
จากการตรวจสอบขยายผลที่พักกลุ่มโรฮิงญา มีผู้ต้องหา 2 คนสารภาพว่า ชาวโรฮิงญาที่อพยพผ่านชายแดนด้านแม่สอด มาอาศัยที่สุไหงโก–ลก ก่อนถูกส่งตัวไปฝึกกับ “กลุ่มอาร์เคเค” และกลับเข้ามาก่อเหตุในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ประเด็นนี้น่าเป็นห่วงมาก รัฐบาลยังไม่มีนโยบายชัดเจนจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
น่าจะถึงบางอ้อนะครับ ทำไมชาวโรฮิงญาที่ยากจน จึงสามารถล่องเรือฝ่าทะเลอันดามันอันเวิ้งว้าง มาขึ้นบกที่จังหวัดระนอง–สตูล– สงขลาได้อย่างแม่นยำ เป็นเรื่องที่ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องให้กระทรวงการต่างประเทศ เปิดโปงต่อชาวโลก เพื่อ แก้ปัญหา ชาวโรฮิงญา และ แก้ปัญหาภาคใต้ของไทย ด้วย.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
โดย: ลม เปลี่ยนทิศ
29 มกราคม 2556, http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/323023
ภาพ http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2009/01/pro30270152p2.jpg
http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/179081.jpg