บริษัทเช่าซื้อหวั่นรถคันแรกก่อหนี้เสียพุ่ง

กระทู้ข่าว
สรรพสามิตเตือนเบี้ยวเงื่อนไข 5 ปี คนค้ำโดนด้วย


บริษัทเช่าซื้อเฝ้าระวังกลางปีหวั่นอีโคคาร์ผุดเป็นหนี้เน่า เหตุดาวน์ต่ำ ผ่อนนานถึง 72 งวด แถมเงินเดือนแค่ 1หมื่นบาท ปล่อยให้ยึดรถ หลังทั้งระบบปล่อยกู้ไปแล้ว 9.6หมื่นคันด้านสรรพสามิตยันมีมาตรการเอาคืนหากเบี้ยวเงื่อนไข 5ปีคนค้ำโดนด้วย

             นายอิสระ  วงศ์รุ่ง  ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย และฐานะ ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย  กล่าวว่า รถยนต์คันแรกมียอดจองทั้งสิ้นประมาณ 1.2 ล้านคัน  ปัจจุบัน ได้มีการส่งมอบให้กับลูกค้าแล้ว 50% หรือประมาณ 6 แสนคัน  ในจำนวนนี้เป็น อีโคคาร์สัดส่วน 40-50% ของ 6 แสนคัน

            ขณะนี้ เช่าซื้อทั้งระบบ ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ของ รถอีโคคาร์ อย่างต่อเนื่องไปถึงกลางปีนี้ หลังจากที่ได้รับเงินคืนจากมาตรการภาษีรถยนต์คันแรก  เพราะเกรงว่าจะมีปัญหา  เช่น ลูกค้าอาจไม่ยอมส่งค่างวดที่เหลือ หรือปล่อยให้เช่าซื้อยึดรถ  และกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอลได้ในอนาคต  แต่ปัจจุบัน ยังไม่เห็นสัญญาณ ของเอ็นพีแอล  จากรถยนต์คันแรก ต้องรอให้ คนถือครองรถครบ 1 ปีก่อน ซึ่งน่าจะเห็นสัญญาณได้ในครึ่งปีหลัง

            ประเด็นที่มองว่า อีโคคาร์  มีความเสี่ยงกว่ารถยนต์ประเภทอื่น เพราะ1. มีการดาวน์ต่ำกว่า20% ประการที่2 มีการผ่อนนานเกิน 72 เดือน และ3.มีเงินเดือน หรือ มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ10,000 บาทต่อเดือน  ซึ่งในช่วงที่มาขอสินเชื่อกลุ่มนี้ก็ไม่ได้คำนึงถึง ค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่น น้ำมัน   ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวกับรถยนต์พอถึงเวลาผ่อน ก็อาจผ่อนไม่ไหว  ซึ่งเรื่องนี้เช่าซื้อกำลังเฝ้าติดตามอยู่

            “เช่าซื้อเฝ้าติดตามอีโคคาร์ว่าจะมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งกลางปีนี้จะครบ1 ปีของการได้รับเงินคืนจากภาษี  ในกลุ่มอีโคคาร์ ประเมินเอาไว้ว่าจะมีความเสี่ยง 20% หรือคิดเป็น 96,000 คัน จากยอดอีโคคาร์ทั้งหมด เพราะมีการดาวน์ต่ำกว่า 20% ผ่อนนานถึง 72 งวด แถมมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 10,000 บาทอีก จึงคิดว่าน่าจะมีความเสี่ยงสูง”

            ส่วนลีสซิ่งกสิกรไทยได้ปล่อยสินเชื่อรถยนต์คันแรก ประมาณ 30,000 คัน  แต่มีอีโคคาร์แค่ 10,000 คัน  และให้ลูกค้าดาวน์มากกว่า 20% โดยให้ผ่อนชำระค่างวดไม่ถึง 72งวด

            สำหรับอัตราการเติบโตของรถยนต์ในปี2556 มีทิศทางที่ลดลง  โดยคาดว่าจะมียอดรถยนต์อยู่ที่ 1.3-1.4 ล้านคัน  ในขณะที่สินเชื่อก็จะเพิ่มเป็น 1 ล้านล้านบาท จาก สิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ   8.3-8.5 แสนล้านบาท เอ็นพีแอลในสิ้นปีที่ผ่านมา น่าจะสูงขึ้นเล็กน้อย  โดย ณ ก.ย.2555 อยู่ที่ 1.32%  ขณะที่ สิ้นปี 2554 อยู่ที่ 1.15%

            ในส่วนบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย เป้าหมายปีนี้ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรวมไม่ต่ำกว่า 91,188 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อรถยนต์ใหม่ 52,188 ล้านบาท สินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 39,000 ล้านบาท  เพื่อให้ยอดสินเชื่อคงค้างสิ้นปี  อยู่ที่ 96,794 ล้านบาท   และตั้งเป้า เอ็นพีแอลเอาไว้ไม่ให้เกิน 0.86% กำไร 468 ล้านบาท

            ด้านนายจุมพล  รินสาคร  รองอธิบดีกรมสรรพสามิต   เปิดเผยว่า ตามเกณฑ์รถยนต์คันแรก เมื่อลูกค้าได้รับสิทธิคืนภาษี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ลูกค้าที่ขาดส่งค่างวด สถาบันการเงิน หรือ ไฟแนนซ์ ต้องตามยึดรถจากลูกค้า เพราะถือเป็นหน้าที่ของไฟแนนซ์  และให้ไฟแนนซ์นำรถออกไปขายทอดตลาด เหลือเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่หลังจากหักหนี้ของไฟแนนซ์แล้ว ก็ต้องนำส่งให้สรรพสามิตให้ครบ หากไม่ครบ ก็ต้องติดตามจากลูกค้า  โดยกรมสรรพสามิต จะมีการยื่นโนติส เตือนลูกค้า เป็นเวลา 2 ครั้ง หากยังไม่นำเงินภาษีมาคืนกรมสรรพสามิต ขั้นตอนต่อไป กรมสรรพสามิต ก็จะส่งเรื่องไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อให้ยื่นเรื่องต่ออัยการ เพื่อผู้ดำเนินคดีต่อไป เพราะหากล่าช้า ก็จะถูกคิดดอกเบี้ยเพิ่มอีกด้วย  ในขณะที่ผู้ค้ำประกันก็ต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบในครั้งนี้ด้วย

“ขอฝากคนที่ใช้สิทธิคืนภาษีรถยนต์คันแรก ควรปฏิบัติตามเงื่อนไข คือถือครองให้ครบ 5 ปี ตามที่รัฐบาลกำหนด อย่าโอนขายลอย หากส่งค่างวดรถไม่ไหวควรเอาเงินภาษีมาคืนให้รัฐบาล เพื่อไม่ให้เป็นหนี้กับรัฐบาล สำหรับคนที่จองรถไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับรถ  ซึ่งระหว่างรอรับรถ ก็มีเงื่อนไขด้วย คือ เมื่อได้รับรถแล้ว ต้องเอาเอกสาร หลักฐานการรับรถ หนังสือสละสิทธิการโอน และทะเบียนรถ มาส่งให้กับกรมสรรพสามิต ภายใน 90 วัน นับจากวันที่ได้รับรถแล้ว การนำเอกสารมายื่นก็เพื่อขอใช้สิทธิคืนภาษีรถยนต์คันแรก โดยให้นับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รวมด้วย หากเกิน 90 วัน ถือว่าหมดสิทธิได้รับคืนภาษีรถยนต์คันแรก”



นายธีรชาติ  จิรจรัสพร  ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เช่าซื้อ ธนาคาร ธนชาต กล่าวว่า ภาพรวมรถยนต์คันแรก ของธนาคารได้จำนวนลูกค้ามาตามสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์  ส่วนสัญญาณเอ็นพีแอล ของรถยนต์คันแรก นั้น ยังไม่เห็น แต่ธนาคารก็ได้มีการติดตามลูกค้าเหมือนกับลูกค้าทั่วไป   แต่ก็ได้เฝ้าและติดตามกลุ่มลูกค้ารถยนต์คันแรกเอาไว้อย่างชัดเจน โดยมี ระบบ Collection Score ดำเนินการอยู่แล้ว   ซึ่งค่าเฉลี่ยในการวางเงินดาวน์ของรถยนต์คันแรก นั้นธนาคารได้กำหนดเงินดาวน์เอาไว้เฉลี่ยที่ 20% ระยะเวลาการผ่อนก็อยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ทั่วไป รวมทั้งอัตราส่วนรายได้ต่อค่างวด ก็อยู่ในอัตราเดียวกันกับรถยนต์ทั่วไปที่ไม่ใช่รถยนต์คันแรก

            “ปกติธนาคารก็เฝ้าติดตามลูกค้าอยู่แล้ว ทั้งที่เป็นลูกค้าทั่วไปและลูกค้ารถยนต์คันแรก และมีระบบ Collection Score ในการติดตามด้วย ซึ่งธนาคารได้เตรียมมาตรการต่างๆ รองรับเอาไว้อยู่แล้ว หลังจากรัฐบาลได้คืนภาษีรถยนต์คันแรกให้กับลูกค้า เช่น ลูกค้าผิดนัดชำระ ต้องทำอย่างไร บ้าง ซึ่งธนาคารมีกระบวนการติดตามอยู่แล้วว่า เช่น ยึดรถ มาขายทอดตลาด นำส่วนต่างคืนให้กรมสรรพสามิต หากยังไม่พอ ก็เป็นหน้าที่ของกรมสรรพสามิตในการติดตามให้ลูกค้ามาคืนภาษี ซึ่งทุกอย่างมีมาตรการรองรับเอาไว้หมดแล้ว แต่ก็ยังต้องเฝ้าติดตามต่อไป”

กรุงเทพธุรกิจ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่