ก่อนอื่นเราต้องบอกเลยว่า เรื่องราวมันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว เราหลุดพ้นจากบ่วงเกาะแล้ว
แต่พอนึกย้อนกลับไป ก็เกิดเบื่อๆขึ้นมา เพราะคนเหล่านั้นก็ไม่ได้หายไปไหน เราไม่ได้ต้องการให้ใครตายหรือหายไปจากโลก
เพียงแต่ว่า แค่นึกถึง ก็ได้แต่เซ็ง น่ะค่ะ
น้องชายของแม่ คนแรก ยืมเงินไปซื้อไร่ สุดท้ายได้คืนไม่หมด แล้วก็หายตัวไป ติดต่อไม่ได้
น้องชายของแม่ อีกคน ไม่มีอาชีพเป็นหลักเป็นฐาน เหมือนว่ารับจ้างไปวันๆ น้องชายแม่คนนี้อายุมากกว่าเราแค่ไม่กี่ปี
รู้และเห็นชีวิตกันมาโดยตลอด เพราะเค้ามาอาศัยอยู่กับครอบครัวเราแบบไปๆมาๆ ระหว่างจังหวัด เป็นคนไม่เอาไหน ทำงานอะไรก็ไม่อดทนซักอย่าง ขนาดเป็นยามยังไม่รอดเลย เพราะไม่หนักเบาเอาสู้ ขี้เกียจ ตื่นสาย สุดท้ายกลับไปอยู่บ้านนอกก็อยู่ไปวันๆ น้องชายแม่คนนี้เป็นคนที่เรา...เคยรักและเคารพ... เพราะเค้าอายุมากกว่าเรา และเป็นน้องแม่ แต่ขี้ขอ ขอเงิน ขอรถ ขอของใช้ในบ้าน ๐ล๐ แม่เราก็ใจดีมีก็ให้ ทำเอาพ่อเราไม่พอใจก็หลายครั้งหลายหน เพราะความ ได้ไม่รู้จักพอ พอมีเมีย มีลูก ก็ไม่รับผิดชอบดูแล ปล่อยให้ลูกเมียอยู่ไปอดๆอยากๆ จนญาติเมียทนไม่ไหว มีเรื่องมีราวกันหลายครั้ง และทุกครั้ง แม่เราไม่เคยเห็นอกเห็นใจน้องสะใภ้เลย เข้าข้างน้องชายตลอด ขนาดเราออกความเห็น แม่เรายังไม่ฟังเลยยย
น้องสาวเรา ปีนี้ก็จะสามสิบแล้ว ยังไม่รู้จักหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง นอนตื่นสาย ขี้เกียจ งานบ้านงานเรือนไม่หยิบไม่จับ ดีแต่ออกบ้านเที่ยวเล่นไป วันๆ ไม่มีรายได้ เกาะแม่กิน เรียนหนังสือไม่รอด ไม่ว่าจะภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น กฏหมาย เรียนทำอาหาร ทำกับข้าว เป้นคนที่เราเคยกลุ้มใจมาก เพราะรู้ว่าในอนาคตหากยังเป้นอยู่อย่างนี้ ก็พึ่งพาตัวเองไม่ได้ เราเคยตักเตือนหลายต่อหลายครั้งแต่ถูกตอกกลับมาหน้าหงาย ครั้งนึงเธอเคยพูดกลับว่า ข้าวของ เงินทองและคำสอนต่างๆ ที่พ่อแม่ และพี่ ...ยัดเยียด... ให้นั้น ได้ถามเธอว่าเธอต้องการรึเปล่า เรียกว่าเป็นความปรารถนาดีที่เธอไม่ต้องการ ไม่ต้องห่วงฉัน ทำนองนั้น หยิ่งในศักดิ์ศรี แบบผิดที่ผิดทาง ตรรกกะความคิดเห็นแหวกโลกตลอด จะว่าอะไรก็หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ผิดจนได้ แต่ต่อให้ผิด ก็จะยอมรับว่า เออ กุผิดเอง แบบขอไปที
น้องสาวอีกคน ยังเรียนไม่จบ แต่ก็ไม่ตั้งใจเรียน ตื่นสาย ไม่มีความรับผิดชอบ หมึน เหมือนจะเรียบร้อย เชื่อฟัง แต่หาได้ทำตามไม่ เก็บกดเพราะดันมาโตตอนพ่อแม่มีปัญหาหย่าร้างกัน เลยเหมือนเอาเพื่อน เอาโทรศัพท์ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่สนใจโลก เป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไป ดีที่ไม่มีปัญหาเรื่องผู้ชาย เราเคยคาดหวังในตัวน้องเอาไว้มาก ว่าจะตั้งใจเรียน อย่างน้อยก็รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง คือการเรียน และการบ้าน
แต่ก็บุคลิกเชื่องช้า เหมือนจะว่าง่าย แต่ที่จริงคือ หูซ้ายทะลุหูขวา พูดไปเหอะ กรูไม่สนใจหรอก
แม่ของเรา ขอละไว้ไม่อยากคอมเม้นต์ ก็คนรอบข้างเป็นแบบนี้ ทำให้เราสงสารแม่มากๆ ไม่มีใครที่จะพึ่งพาได้สักคน อย่าว่าแต่พึ่งพาเลย เอาตัวเองมันยังไม่รอด แม่เราไม่ได้มีความสุขนักหรอกที่บริวารแต่ละคน นำแต่เรื่องปวดหัวมาให้ ทุกอย่างแม่เราไม่ปริปากบ่น ได้แต่ก้มหน้าทำหน้าที่เลี้ยงลูกไป ทั้งที่ตนนึงจะสามสิบ อีกคนก็วัยรุ่น ที่ควรจะมีความรับผิดชอบในส่วนของตัวเองได้แล้ว เราเคยช่วยแม่แบกรับภาระด้านการเงิน จนสองปีที่แล้วเรามีปัญหาทำให้ส่งเงินให้เค้าได้น้อยกว่าเดิมมากๆ ความเคารพที่น้องมีต่อเราก็ลดลงด้วย อนาถใจมั้ย น้องคนกลางมันใข้คนเดียวไม่พอ มีช่วงนึงมีปั๋ว ก็เอาปั๋วเข้ามาช่วยใช้ด้วย อยู่บ้านต่างพากันนอนเปิดแอร์ เล่นเกม มีเงินเดือนแต่ไม่เคยช่วยออกค่านัำค่าไฟ ค่ากิน หนักเข้าๆ ไม่ยกมือไหว้แม่ยายด้วยซ้ำ โชตยังดีที่มันเลิกกันไปซะก่อน โชคดีมากๆที่เลิกกันไป หมดบ่วงไปอีกหนึ่ง ช่วงนั้นแม่เราคงทุกข์หนักมาก
พ่อของเรา บอกว่า เพราะเหตนี้แหละ ทำให้ไม่อยากรับรู้ความเป็นไป รู้ไปก็ทุกข์ เพราะลูกๆไม่เชื่อฟัง ไม่ให้ความเคารพ อยากได้อะไรก็เรียกร้อง แต่ไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระในบ้านเลย อยู่ด้วยกันแต่ไม่ช่วยเหลือเกือกูลกัน มีแต่พ่อและแม่ ที่ช่วยเหลือลูก ทั้งๆที่โตเป็นกระบือแล้ว มันยังไม่ลุกเดินบนขาของตัวเอง พ่อทั้งเหนื่อยและหน่าย แม่ก็เข้าข้างลูก ไม่สนใจความรู้สึกของผัว สุดท้ายพอพ่อเห็นว่าคงอยู่กันได้ ก็เลยตัดสินใจออกไปอยู่ข้างนอก และไม่กลับเข้ามาอีกเลย นอกจากมาช่วยซ่อมแซมก๊อกน้ำ ไฟฟ้า เป็นครั้งคราว
เรามาทำงานที่เมืองนอก ปีนี้ปีที่ เจ็ดแล้ว เราได้กลับเมืองไทยแค่หนเดียว ก่อนหน้านี้เคยจะกลับหลายหน แต่คนที่บ้านให้เหตผลว่าให้ส่งเงินค่าตั๋วเครื่องบินมาให้ใข้ดีกว่า โทรคุยกันเอาก็ได้ เราทั้งน้อยใจทั้งเสียใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกไป ก็ส่งเงินที่จะใช้กลับไทยไปในบัญชีของแม่แทน ปีที่แล้วจำเป็นที่จะต้องกลับ ก็เลยไม่ได้ถามความเห็นคนที่บ้านก่อนบิน กลัวไม่ได้กลับอีก อีกอย่างก็อยากพาลูกไปไหว้ตายายด้วย
เจ็ดปีที่อยู่เมืองนอกมา ส่งเงินกลับบ้านหวังว่าพ่อแม่จะได้เกษียณตัวเองไวๆ ไม่อยากให้ท่านทำงานหนัก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ เงินทองมันคงได้มาง่าย สำหรับบางคน เค้าเลยไม่เห็นคุณค่า พอเราแอบส่งให้ ทั้งพ่อ และแม่ แต่แค่พอใช้ ก็มีคนมาช่วยใช้อีก เพราะเราเองก็เอาตัวเองเอาแรงงานเราไปช่วยเค้าไม่ได้ นอกจากส่งเงิน แต่ความจริงคือ แม่เรายังคงตื่นตีสี่มาขายของ ตอนนี้สังขารเริ่มไม่ไหว ต้องไปฉีดยาที่ขาเพื่อให้พยุงตัวได้ เราเคยขอให้แม่เลิกมาอยู่บ้านเฉยๆ แล้วเราจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านเอง แม่ยังไม่ยอม ตอนหลังที่เราเริ่มเขี้ยว ไม่ให้เงินแม่ครั้งละมากๆแล้ว แม่ก็ไม่ค่อยเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังอีก แต่ทุกครั้งที่เราโทรไปคุยกับแม่ เรารู้ว่าแม่ไม่ได้มีความสุข
ยาวจริงๆ กระทู้นี้ เป็นกระทู้แรกของเราในห้องศาลา ขอบคุณสำหรับพื้นที่ให้ระบายค่ะ
เราอ่านปัญหาชีวิตของคนอื่นมาก็มาก ก็พอเห็นทางออกนะคะ
ปัญหาของเรา นั้นคงมีความคาดหวังกับครอบครัวมากเกินไป ว่าคนนั้นจะต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ พอไม่เป็นดังคาดมันเลยผิดหวังมากกกน่ะค่ะ
เราเห็นครอบครัวคนอื่น พี่น้องช่วยเหลือกัน หันมามองตัวเองแล้ว สงสารตัวเอง ที่เป้นแต่ผู้ให้ เราอยากเป็นผู้รับบ้าง อย่างน้อยก็ได้รับความรักความเตารพ มันคงเป็นเวรกรรมที่เราไม่เคารพน้าเรา ที่ใครเค้าว่าเราทำอะไร เราคงได้รับแบบนั้น เราพยายามเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง แต่มันก็คงไม่พอที่จะให้พวกมันมาเคารพเรา เรามีข้อเสียอย่างนึงค่ะ คือเราพูดตรง และ แรง เพราะไม่ชอบอ้อมค้อมเสียเวลา และเราคาดหวังว่าคนในครอบครัว หรือใครก็ตาม จะเป็นแบบเดียวกับเรา คือ พูดความจริง
++กระทู้ระบาย++ เบื่อญาติพี่น้อง เบื่อคนเห็นแก่ตัว เบื่อพวกเกาะแดรกค่ะ
แต่พอนึกย้อนกลับไป ก็เกิดเบื่อๆขึ้นมา เพราะคนเหล่านั้นก็ไม่ได้หายไปไหน เราไม่ได้ต้องการให้ใครตายหรือหายไปจากโลก
เพียงแต่ว่า แค่นึกถึง ก็ได้แต่เซ็ง น่ะค่ะ
น้องชายของแม่ คนแรก ยืมเงินไปซื้อไร่ สุดท้ายได้คืนไม่หมด แล้วก็หายตัวไป ติดต่อไม่ได้
น้องชายของแม่ อีกคน ไม่มีอาชีพเป็นหลักเป็นฐาน เหมือนว่ารับจ้างไปวันๆ น้องชายแม่คนนี้อายุมากกว่าเราแค่ไม่กี่ปี
รู้และเห็นชีวิตกันมาโดยตลอด เพราะเค้ามาอาศัยอยู่กับครอบครัวเราแบบไปๆมาๆ ระหว่างจังหวัด เป็นคนไม่เอาไหน ทำงานอะไรก็ไม่อดทนซักอย่าง ขนาดเป็นยามยังไม่รอดเลย เพราะไม่หนักเบาเอาสู้ ขี้เกียจ ตื่นสาย สุดท้ายกลับไปอยู่บ้านนอกก็อยู่ไปวันๆ น้องชายแม่คนนี้เป็นคนที่เรา...เคยรักและเคารพ... เพราะเค้าอายุมากกว่าเรา และเป็นน้องแม่ แต่ขี้ขอ ขอเงิน ขอรถ ขอของใช้ในบ้าน ๐ล๐ แม่เราก็ใจดีมีก็ให้ ทำเอาพ่อเราไม่พอใจก็หลายครั้งหลายหน เพราะความ ได้ไม่รู้จักพอ พอมีเมีย มีลูก ก็ไม่รับผิดชอบดูแล ปล่อยให้ลูกเมียอยู่ไปอดๆอยากๆ จนญาติเมียทนไม่ไหว มีเรื่องมีราวกันหลายครั้ง และทุกครั้ง แม่เราไม่เคยเห็นอกเห็นใจน้องสะใภ้เลย เข้าข้างน้องชายตลอด ขนาดเราออกความเห็น แม่เรายังไม่ฟังเลยยย
น้องสาวเรา ปีนี้ก็จะสามสิบแล้ว ยังไม่รู้จักหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง นอนตื่นสาย ขี้เกียจ งานบ้านงานเรือนไม่หยิบไม่จับ ดีแต่ออกบ้านเที่ยวเล่นไป วันๆ ไม่มีรายได้ เกาะแม่กิน เรียนหนังสือไม่รอด ไม่ว่าจะภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น กฏหมาย เรียนทำอาหาร ทำกับข้าว เป้นคนที่เราเคยกลุ้มใจมาก เพราะรู้ว่าในอนาคตหากยังเป้นอยู่อย่างนี้ ก็พึ่งพาตัวเองไม่ได้ เราเคยตักเตือนหลายต่อหลายครั้งแต่ถูกตอกกลับมาหน้าหงาย ครั้งนึงเธอเคยพูดกลับว่า ข้าวของ เงินทองและคำสอนต่างๆ ที่พ่อแม่ และพี่ ...ยัดเยียด... ให้นั้น ได้ถามเธอว่าเธอต้องการรึเปล่า เรียกว่าเป็นความปรารถนาดีที่เธอไม่ต้องการ ไม่ต้องห่วงฉัน ทำนองนั้น หยิ่งในศักดิ์ศรี แบบผิดที่ผิดทาง ตรรกกะความคิดเห็นแหวกโลกตลอด จะว่าอะไรก็หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ผิดจนได้ แต่ต่อให้ผิด ก็จะยอมรับว่า เออ กุผิดเอง แบบขอไปที
น้องสาวอีกคน ยังเรียนไม่จบ แต่ก็ไม่ตั้งใจเรียน ตื่นสาย ไม่มีความรับผิดชอบ หมึน เหมือนจะเรียบร้อย เชื่อฟัง แต่หาได้ทำตามไม่ เก็บกดเพราะดันมาโตตอนพ่อแม่มีปัญหาหย่าร้างกัน เลยเหมือนเอาเพื่อน เอาโทรศัพท์ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่สนใจโลก เป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไป ดีที่ไม่มีปัญหาเรื่องผู้ชาย เราเคยคาดหวังในตัวน้องเอาไว้มาก ว่าจะตั้งใจเรียน อย่างน้อยก็รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง คือการเรียน และการบ้าน
แต่ก็บุคลิกเชื่องช้า เหมือนจะว่าง่าย แต่ที่จริงคือ หูซ้ายทะลุหูขวา พูดไปเหอะ กรูไม่สนใจหรอก
แม่ของเรา ขอละไว้ไม่อยากคอมเม้นต์ ก็คนรอบข้างเป็นแบบนี้ ทำให้เราสงสารแม่มากๆ ไม่มีใครที่จะพึ่งพาได้สักคน อย่าว่าแต่พึ่งพาเลย เอาตัวเองมันยังไม่รอด แม่เราไม่ได้มีความสุขนักหรอกที่บริวารแต่ละคน นำแต่เรื่องปวดหัวมาให้ ทุกอย่างแม่เราไม่ปริปากบ่น ได้แต่ก้มหน้าทำหน้าที่เลี้ยงลูกไป ทั้งที่ตนนึงจะสามสิบ อีกคนก็วัยรุ่น ที่ควรจะมีความรับผิดชอบในส่วนของตัวเองได้แล้ว เราเคยช่วยแม่แบกรับภาระด้านการเงิน จนสองปีที่แล้วเรามีปัญหาทำให้ส่งเงินให้เค้าได้น้อยกว่าเดิมมากๆ ความเคารพที่น้องมีต่อเราก็ลดลงด้วย อนาถใจมั้ย น้องคนกลางมันใข้คนเดียวไม่พอ มีช่วงนึงมีปั๋ว ก็เอาปั๋วเข้ามาช่วยใช้ด้วย อยู่บ้านต่างพากันนอนเปิดแอร์ เล่นเกม มีเงินเดือนแต่ไม่เคยช่วยออกค่านัำค่าไฟ ค่ากิน หนักเข้าๆ ไม่ยกมือไหว้แม่ยายด้วยซ้ำ โชตยังดีที่มันเลิกกันไปซะก่อน โชคดีมากๆที่เลิกกันไป หมดบ่วงไปอีกหนึ่ง ช่วงนั้นแม่เราคงทุกข์หนักมาก
พ่อของเรา บอกว่า เพราะเหตนี้แหละ ทำให้ไม่อยากรับรู้ความเป็นไป รู้ไปก็ทุกข์ เพราะลูกๆไม่เชื่อฟัง ไม่ให้ความเคารพ อยากได้อะไรก็เรียกร้อง แต่ไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระในบ้านเลย อยู่ด้วยกันแต่ไม่ช่วยเหลือเกือกูลกัน มีแต่พ่อและแม่ ที่ช่วยเหลือลูก ทั้งๆที่โตเป็นกระบือแล้ว มันยังไม่ลุกเดินบนขาของตัวเอง พ่อทั้งเหนื่อยและหน่าย แม่ก็เข้าข้างลูก ไม่สนใจความรู้สึกของผัว สุดท้ายพอพ่อเห็นว่าคงอยู่กันได้ ก็เลยตัดสินใจออกไปอยู่ข้างนอก และไม่กลับเข้ามาอีกเลย นอกจากมาช่วยซ่อมแซมก๊อกน้ำ ไฟฟ้า เป็นครั้งคราว
เรามาทำงานที่เมืองนอก ปีนี้ปีที่ เจ็ดแล้ว เราได้กลับเมืองไทยแค่หนเดียว ก่อนหน้านี้เคยจะกลับหลายหน แต่คนที่บ้านให้เหตผลว่าให้ส่งเงินค่าตั๋วเครื่องบินมาให้ใข้ดีกว่า โทรคุยกันเอาก็ได้ เราทั้งน้อยใจทั้งเสียใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกไป ก็ส่งเงินที่จะใช้กลับไทยไปในบัญชีของแม่แทน ปีที่แล้วจำเป็นที่จะต้องกลับ ก็เลยไม่ได้ถามความเห็นคนที่บ้านก่อนบิน กลัวไม่ได้กลับอีก อีกอย่างก็อยากพาลูกไปไหว้ตายายด้วย
เจ็ดปีที่อยู่เมืองนอกมา ส่งเงินกลับบ้านหวังว่าพ่อแม่จะได้เกษียณตัวเองไวๆ ไม่อยากให้ท่านทำงานหนัก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ เงินทองมันคงได้มาง่าย สำหรับบางคน เค้าเลยไม่เห็นคุณค่า พอเราแอบส่งให้ ทั้งพ่อ และแม่ แต่แค่พอใช้ ก็มีคนมาช่วยใช้อีก เพราะเราเองก็เอาตัวเองเอาแรงงานเราไปช่วยเค้าไม่ได้ นอกจากส่งเงิน แต่ความจริงคือ แม่เรายังคงตื่นตีสี่มาขายของ ตอนนี้สังขารเริ่มไม่ไหว ต้องไปฉีดยาที่ขาเพื่อให้พยุงตัวได้ เราเคยขอให้แม่เลิกมาอยู่บ้านเฉยๆ แล้วเราจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านเอง แม่ยังไม่ยอม ตอนหลังที่เราเริ่มเขี้ยว ไม่ให้เงินแม่ครั้งละมากๆแล้ว แม่ก็ไม่ค่อยเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังอีก แต่ทุกครั้งที่เราโทรไปคุยกับแม่ เรารู้ว่าแม่ไม่ได้มีความสุข
ยาวจริงๆ กระทู้นี้ เป็นกระทู้แรกของเราในห้องศาลา ขอบคุณสำหรับพื้นที่ให้ระบายค่ะ
เราอ่านปัญหาชีวิตของคนอื่นมาก็มาก ก็พอเห็นทางออกนะคะ
ปัญหาของเรา นั้นคงมีความคาดหวังกับครอบครัวมากเกินไป ว่าคนนั้นจะต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ พอไม่เป็นดังคาดมันเลยผิดหวังมากกกน่ะค่ะ
เราเห็นครอบครัวคนอื่น พี่น้องช่วยเหลือกัน หันมามองตัวเองแล้ว สงสารตัวเอง ที่เป้นแต่ผู้ให้ เราอยากเป็นผู้รับบ้าง อย่างน้อยก็ได้รับความรักความเตารพ มันคงเป็นเวรกรรมที่เราไม่เคารพน้าเรา ที่ใครเค้าว่าเราทำอะไร เราคงได้รับแบบนั้น เราพยายามเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง แต่มันก็คงไม่พอที่จะให้พวกมันมาเคารพเรา เรามีข้อเสียอย่างนึงค่ะ คือเราพูดตรง และ แรง เพราะไม่ชอบอ้อมค้อมเสียเวลา และเราคาดหวังว่าคนในครอบครัว หรือใครก็ตาม จะเป็นแบบเดียวกับเรา คือ พูดความจริง