KBS เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP (Private Placement) ให้กับกลุ่มบริษัทมิตซุย
ซึ่งได้แก่ บริษัท มิตซุย จำกัด และบริษัท มิตซุยชูการ์ จำกัด ซึ่งกลุ่มบริษัทมิตซุย
เป็นผู้มีอำนาจควบคุมบริษัทน้ำตาลในไทย 2 แห่ง คือ บริษัท น้ำตาลกุมภวาปี จำกัด
(ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 12,000 ตันอ้อย/วัน) และบริษัท น้ำตาลเกษตรผล จำกัด
(ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 11,746 ตันอ้อย/วัน) ทั้งสองบริษัทตั้งอยู่ในจังหวัดอุดรธานี
- ซึ่ง KBS ได้เคยเสนอซื้อน้ำตาลดิบจากบริษัทน้ำตาลเกษตรในปี 55 12,000 ตัน (202 ล้านบาท)
- และในปี 56 KBS จะซื้อน้ำตาลดิบจากบริษัทน้ำตาลกุมภวาปี 18,000 ตัน กำลังตกลงราคา
- โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบ PP จำนวน 50 ล้านหุ้น ราคาเสนอขาย 10.25 บาท/หุ้น
และเสนอขาย warrent แบบ PP จำนวน 50 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.05 บาท
อายุ 2 ปี ราคาใช้สิทธิ 12.70 บาท/หุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น
- ทั้ง 2 อย่างรวม 515 ล้านบาท โดยในเอกสารระบุว่าจะไม่นำ warrent เข้าจดทะเบียน
เป็นหลักทรัพย์ในตลาด แต่จะนำหุ้นสามัญที่เกิดจากการใช้สิทธิ warrent เข้าจดทะเบียนในตลาด
- โดยในเอกสารระบุผลกระทบกรณีไม่มีการใช้สิทธิตาม warrent จะทำให้
ราคาลดลง 0.39% เมื่อเทียบกับราคาอ้างอิงที่ 10.71 บาท/หุ้น (คิดเป็นการ dilute 9.1%)
แต่ถ้าใช้สิทธิตาม warrent จะทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1.18% เมื่อเทียบกับราคาอ้างอิง 10.71 บาท/หุ้น
(คิดเป็นการ dilute 8.3%) และ dilute ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการจองซื้อหุ้นและภายหลังการใช้สิทธิ warrent
แล้วจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลง 16.7%
- เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ มีความคิดเป็นกับประเด็นดังกล่าวอย่างไรบ้างครับ
หรือมีกรณีศึกษาจากหุ้นตัวอื่นที่ใช้การเพิ่มทุนแบบ PP นี้อย่างไรบ้าง
มาลองแลกเปลี่ยนกันดูครับ
วันนี้ได้มีเวลาอ่านเอกสารเชิญประชุมของ KBS ว่าด้วยเรื่องการเพิ่มทุน...
KBS เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP (Private Placement) ให้กับกลุ่มบริษัทมิตซุย
ซึ่งได้แก่ บริษัท มิตซุย จำกัด และบริษัท มิตซุยชูการ์ จำกัด ซึ่งกลุ่มบริษัทมิตซุย
เป็นผู้มีอำนาจควบคุมบริษัทน้ำตาลในไทย 2 แห่ง คือ บริษัท น้ำตาลกุมภวาปี จำกัด
(ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 12,000 ตันอ้อย/วัน) และบริษัท น้ำตาลเกษตรผล จำกัด
(ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 11,746 ตันอ้อย/วัน) ทั้งสองบริษัทตั้งอยู่ในจังหวัดอุดรธานี
- ซึ่ง KBS ได้เคยเสนอซื้อน้ำตาลดิบจากบริษัทน้ำตาลเกษตรในปี 55 12,000 ตัน (202 ล้านบาท)
- และในปี 56 KBS จะซื้อน้ำตาลดิบจากบริษัทน้ำตาลกุมภวาปี 18,000 ตัน กำลังตกลงราคา
- โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบ PP จำนวน 50 ล้านหุ้น ราคาเสนอขาย 10.25 บาท/หุ้น
และเสนอขาย warrent แบบ PP จำนวน 50 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.05 บาท
อายุ 2 ปี ราคาใช้สิทธิ 12.70 บาท/หุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น
- ทั้ง 2 อย่างรวม 515 ล้านบาท โดยในเอกสารระบุว่าจะไม่นำ warrent เข้าจดทะเบียน
เป็นหลักทรัพย์ในตลาด แต่จะนำหุ้นสามัญที่เกิดจากการใช้สิทธิ warrent เข้าจดทะเบียนในตลาด
- โดยในเอกสารระบุผลกระทบกรณีไม่มีการใช้สิทธิตาม warrent จะทำให้
ราคาลดลง 0.39% เมื่อเทียบกับราคาอ้างอิงที่ 10.71 บาท/หุ้น (คิดเป็นการ dilute 9.1%)
แต่ถ้าใช้สิทธิตาม warrent จะทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1.18% เมื่อเทียบกับราคาอ้างอิง 10.71 บาท/หุ้น
(คิดเป็นการ dilute 8.3%) และ dilute ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการจองซื้อหุ้นและภายหลังการใช้สิทธิ warrent
แล้วจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลง 16.7%
- เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ มีความคิดเป็นกับประเด็นดังกล่าวอย่างไรบ้างครับ
หรือมีกรณีศึกษาจากหุ้นตัวอื่นที่ใช้การเพิ่มทุนแบบ PP นี้อย่างไรบ้าง
มาลองแลกเปลี่ยนกันดูครับ