เทศกาลตรุษจีนปีนี้ ที่วัดก็จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามคืนอีกเช่นเคยค่ะ
(ประมาณว่า เทศกาลไหนๆ ที่วัดก็จัดสวดมนต์ข้ามคืน)
คือคนไทยเชื้อสายจีน เขาจะมาไหว้พระ ไหว้เจ้าแม่กวนอิม ขอพรหลวงพ่อโตอะไรก็ทำกันไป ทางวัดจัดพื้นที่ให้
คนจะมากราบนมัสการหลวงพ่อใหญ่ ก็เข้ากราบตามปกติ (แต่คนคงเยอะ)
สำหรับกิจกรรมในส่วนของทางวัด ก็คือจัดพิธีสวดมนต์ใหญ่ (มหาสมัยสูตร อาฏานาฏิยสูตร และโพชฌงค์)
เพื่อตั้งใจน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชีนีนาถโดยเฉพาะ
เราจะเริ่มพิธีกันตั้งแต่ประมาณทุ่มกว่าๆ ของคืนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556
เริ่มจากทำวัตรเย็น สวดมนต์พระปริตร 12 ตำนาน บทธัมมจักกัปวตนสูตร จากนั้นก็สวดอิติปิโส 108จบ ตามปกติ (เสร็จประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง)
หลังจากนั้นสวดบทมหาสมัยสูตร อาฏานาฏิยะ โพชฌงค์ สลับกันไปเรื่อยๆ จนข้ามคืนค่ะ
(ช่วงใกล้เที่ยงคืน ก็จะมีกลุ่มชาวหรือชาวไทยเชื้อสายจีนที่เขาจะไปบูชาเทพเจ้าไฉ่สิ่งเอีย ก็แยกไปไหว้ขอพรมุมหนึ่ง ส่วนอีกพวกนึงอยากจะลอยเคราะห์ ก็ไปลอยโคมลอยได้ ทางวัดก็จัดให้อีกมุมหนึ่ง)
ส่วนพวกผู้ภาวนา ที่เน้นภาวนาล้วน ก็ตั้งหน้าตั้งตาสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ เนสัชชิกทำความเพียรกันต่อไป
สวดเสร็จประมาณตีสามครึ่ง ของวันที่ 10 ก.พ. 56 หลวงพ่อใหญ่เมตตาแจก
อั่งเปาอริยทรัพย์ ให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมสวดมนต์ทุกท่าน
ทำพิธีถวายกุศล อธิษฐานจิต ให้พ่อหลวงแม่หลวงทั้งสองพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง หายจากอาการประชวรต่างๆ และมีพระชนม์มายุยิ่งยืนนาน อยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย ตราบนานเท่านาน
จากนั้นก็แผ่เมตตา อุทิศกุศล จากนั้นก็ทำวัตรเช้า แยกย้ายกันกลับบ้านด้วยสิริมงคล อิ่มบุญกันไป
ก็อยากจะเชิญชวนเพื่อนๆ ที่มีเวลาว่าง มาร่วมสวดกันที่วัด ได้บรรยากาศดี และได้สภาวะที่ดีมากๆ เพราะว่าต่อเนื่องและสัปปายะ แต่ถ้ามาไม่ได้ ก็ร่วมสวดจากทางบ้านได้ ที่วัดจะถ่ายทดสดทั้งทางวิทยุและยูทูป ก็ดูได้จากเว็บวัด www.visudhidham.com
ชวนพวกเรามารวมพลังกตัญญูกับสถาบันหลัก ที่ท่านมีนัยยะต่อการรักษาพระพุทธศาสนา คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นี่เป็นธงที่เราจะต้องถือไว้ชูไว้รักษาไว้ ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงนอกจากช่วยด้วยพลังธรรม พลังกุศล และการตั้งจิตอธิษฐาน
อันนี้ไม่ใช่การเมืองการบ้านอะไรเลย เป็นการธรรมแท้ๆ เหตุที่สังคมเราอยู่ร่มเย็น เพราะมีร่มพระบรมโพธิสมภาร ศาสนาพุทธศาสนานี้เกิดภายใต้เศวตฉัตร เกิดในวรรณะกษัตริย์ พวกเราก็ทราบประวัติมา ทีนี้เมื่อจะแผ่ขยายไป ปลูกฝังหยั่งรากลงในผืนดินใดทิศใดได้ ก็ด้วยเพราะมีกษัตริย์รับรอง อุปัฏฐากค้ำจุน เป็นการอุดหนุน เกื้อกูลกันด้วยเหตุ ด้วยธรรม ซึ่งเป็นประเพณีสืบต่อกันมาแต่โบราณ
การณ์ปรากฏชัดว่าในแผ่นดินที่สถาบันกษัตริย์ไม่สามารถตั้งได้อีกต่อไป ก็ส่งผลต่อพุทธศาสนาสั่นคลอน คลาย และเสื่อมถอยไปเรื่อยๆ เราก็ดูตัวอย่างได้จากรอบบ้าน และจากประเทศที่ไกลออกไป ว่ามีผลกระทบจริงๆ
เราอาจจะไม่ได้มีความศรัทธาเหนียวแน่นเหมือนสมัยก่อนก็จริง แต่ถ้าสักครั้งหนึ่งเราได้ทำ คือไม่เพียงแต่พูด มันก็น่าจะดี
อย่างที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "บูชาสิ่งที่ควรบูชา บูชาบุคคลที่ควรบูชาเป็นมงคลอย่างยิ่ง" คือยามนี้ เหตุปัจจัยก็บีบเข้ามา ก็น่าจะสมควรแก่เวลาที่จะร่วมด้วยช่วยกันค่ะ
มาตั้งใจทำเพื่อส่วนรวม ส่วนตนก็ได้พัฒนาไปด้วย คือไปพร้อมๆกัน
ตอนนี้พวกเราและพระคุณเจ้าที่วัด ก็หัดสวดมหาสมัยสูตร ซึ่งสวดยากพอสมควรเลยค่ะ บทนี้สุดยอดมีตำนานมาเล่าต่ออีกค่ะ
ชวนมาสวดมนต์ "บทมหาสมัยสูตร, อาฏานาฏิยสูตร และโพชฌงค์" เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล
(ประมาณว่า เทศกาลไหนๆ ที่วัดก็จัดสวดมนต์ข้ามคืน)
คือคนไทยเชื้อสายจีน เขาจะมาไหว้พระ ไหว้เจ้าแม่กวนอิม ขอพรหลวงพ่อโตอะไรก็ทำกันไป ทางวัดจัดพื้นที่ให้
คนจะมากราบนมัสการหลวงพ่อใหญ่ ก็เข้ากราบตามปกติ (แต่คนคงเยอะ)
สำหรับกิจกรรมในส่วนของทางวัด ก็คือจัดพิธีสวดมนต์ใหญ่ (มหาสมัยสูตร อาฏานาฏิยสูตร และโพชฌงค์)
เพื่อตั้งใจน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชีนีนาถโดยเฉพาะ
เราจะเริ่มพิธีกันตั้งแต่ประมาณทุ่มกว่าๆ ของคืนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556
เริ่มจากทำวัตรเย็น สวดมนต์พระปริตร 12 ตำนาน บทธัมมจักกัปวตนสูตร จากนั้นก็สวดอิติปิโส 108จบ ตามปกติ (เสร็จประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง)
หลังจากนั้นสวดบทมหาสมัยสูตร อาฏานาฏิยะ โพชฌงค์ สลับกันไปเรื่อยๆ จนข้ามคืนค่ะ
(ช่วงใกล้เที่ยงคืน ก็จะมีกลุ่มชาวหรือชาวไทยเชื้อสายจีนที่เขาจะไปบูชาเทพเจ้าไฉ่สิ่งเอีย ก็แยกไปไหว้ขอพรมุมหนึ่ง ส่วนอีกพวกนึงอยากจะลอยเคราะห์ ก็ไปลอยโคมลอยได้ ทางวัดก็จัดให้อีกมุมหนึ่ง)
ส่วนพวกผู้ภาวนา ที่เน้นภาวนาล้วน ก็ตั้งหน้าตั้งตาสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ เนสัชชิกทำความเพียรกันต่อไป
สวดเสร็จประมาณตีสามครึ่ง ของวันที่ 10 ก.พ. 56 หลวงพ่อใหญ่เมตตาแจกอั่งเปาอริยทรัพย์ ให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมสวดมนต์ทุกท่าน
ทำพิธีถวายกุศล อธิษฐานจิต ให้พ่อหลวงแม่หลวงทั้งสองพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง หายจากอาการประชวรต่างๆ และมีพระชนม์มายุยิ่งยืนนาน อยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย ตราบนานเท่านาน
จากนั้นก็แผ่เมตตา อุทิศกุศล จากนั้นก็ทำวัตรเช้า แยกย้ายกันกลับบ้านด้วยสิริมงคล อิ่มบุญกันไป
ก็อยากจะเชิญชวนเพื่อนๆ ที่มีเวลาว่าง มาร่วมสวดกันที่วัด ได้บรรยากาศดี และได้สภาวะที่ดีมากๆ เพราะว่าต่อเนื่องและสัปปายะ แต่ถ้ามาไม่ได้ ก็ร่วมสวดจากทางบ้านได้ ที่วัดจะถ่ายทดสดทั้งทางวิทยุและยูทูป ก็ดูได้จากเว็บวัด www.visudhidham.com
ชวนพวกเรามารวมพลังกตัญญูกับสถาบันหลัก ที่ท่านมีนัยยะต่อการรักษาพระพุทธศาสนา คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นี่เป็นธงที่เราจะต้องถือไว้ชูไว้รักษาไว้ ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงนอกจากช่วยด้วยพลังธรรม พลังกุศล และการตั้งจิตอธิษฐาน
อันนี้ไม่ใช่การเมืองการบ้านอะไรเลย เป็นการธรรมแท้ๆ เหตุที่สังคมเราอยู่ร่มเย็น เพราะมีร่มพระบรมโพธิสมภาร ศาสนาพุทธศาสนานี้เกิดภายใต้เศวตฉัตร เกิดในวรรณะกษัตริย์ พวกเราก็ทราบประวัติมา ทีนี้เมื่อจะแผ่ขยายไป ปลูกฝังหยั่งรากลงในผืนดินใดทิศใดได้ ก็ด้วยเพราะมีกษัตริย์รับรอง อุปัฏฐากค้ำจุน เป็นการอุดหนุน เกื้อกูลกันด้วยเหตุ ด้วยธรรม ซึ่งเป็นประเพณีสืบต่อกันมาแต่โบราณ
การณ์ปรากฏชัดว่าในแผ่นดินที่สถาบันกษัตริย์ไม่สามารถตั้งได้อีกต่อไป ก็ส่งผลต่อพุทธศาสนาสั่นคลอน คลาย และเสื่อมถอยไปเรื่อยๆ เราก็ดูตัวอย่างได้จากรอบบ้าน และจากประเทศที่ไกลออกไป ว่ามีผลกระทบจริงๆ
เราอาจจะไม่ได้มีความศรัทธาเหนียวแน่นเหมือนสมัยก่อนก็จริง แต่ถ้าสักครั้งหนึ่งเราได้ทำ คือไม่เพียงแต่พูด มันก็น่าจะดี
อย่างที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "บูชาสิ่งที่ควรบูชา บูชาบุคคลที่ควรบูชาเป็นมงคลอย่างยิ่ง" คือยามนี้ เหตุปัจจัยก็บีบเข้ามา ก็น่าจะสมควรแก่เวลาที่จะร่วมด้วยช่วยกันค่ะ
มาตั้งใจทำเพื่อส่วนรวม ส่วนตนก็ได้พัฒนาไปด้วย คือไปพร้อมๆกัน
ตอนนี้พวกเราและพระคุณเจ้าที่วัด ก็หัดสวดมหาสมัยสูตร ซึ่งสวดยากพอสมควรเลยค่ะ บทนี้สุดยอดมีตำนานมาเล่าต่ออีกค่ะ