สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
พระธุดงค์ ต้องแบบนี้ครับ 
มหัศจรรย์พระธุดงค์ละสังขาร พบในถ้ำร่างกายไม่เน่าเปื่อย
เหตุพระธุดงค์ปลงสังหารนานกว่า 2 ปี ร่างกายยังสมบูรณ์ไม่เน่าเปื่อย พบในถ้ำลึกอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ได้รับการเปิดเผยขึ้นวันที่ 3 มี.ค.2554 เวลา 09.30 น. ร.ต.อ.ชนะ โกรธา ร้อยเวรสอบสวน สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น รับแจ้งเหตุพบศพพระมรณภาพในถ้ำเขาสามยอดผานกเค้า เขตอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน หมู่ 11 ต.นาหนองทุ่ม จึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยเต็กก่า จีแชเกาะ และหน่วยกู้ภัยเทวาภูผาม่าน เดินทางไปชันสูตรศพ
ที่เกิดเหตุอยู่ในป่าลึกเจ้าหน้าที่ต้องเดินด้วยเท้าลัดเลาะไปตามป่าเขา บางช่วงต้องปีนป่ายข้ามหุบเหว การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก รวมระยะทางไปกลับกว่า 10 กม. ใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมงจึงสามารถนำศพออกจากถ้ำได้ ในที่เกิดเหตุพบศพพระภิกษุนอนขดตัวภายในถ้ำที่คับแคบ สภาพศพสวมใส่สบงจีวรอย่างเรียบร้อย เนื้อหนังแห้งรูปร่างยังสมบูรณ์ไม่เน่าเปื่อยเหมือนซากศพทั่วไป มีเชือกไนลอนสีแดงผูกคอโยงกับโขดหิน ในทางเอนกึ่งนั่งกึ่งนอนลักษณะเหมือนนั่งสมาชิกก่อนล้มสิ้นลมหายใจ ค้นในตัวไม่พบหลักฐานแสดงชื่อ-นามสกุล ที่เกิดเหตุมีบาตรพระ กรดสำหรับจำศีลและเครื่องใช้จำเป็นของพระสงฆ์ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วหลายเดือน สอบถามนายไพบูลย์ ยอดมา อายุ 28 ปี ชาวบ้านที่พบศพทราบว่า ได้เดินลัดเลาะหาของป่าเพื่อดำรงชีพตั้งแต่เช้าวานนี้ จนตกเย็นขณะไต่หุบเขาเพื่อออกจากป่ากลับเข้าหมู่บ้าน จึงมาพบศพพระมรณภาพดังกล่าวอยู่ภายในถ้ำ แล้วแจ้งให้นายบุญตุ้ม หันเผือก ผู้ใหญ่บ้านทราบ
ส่วนชาวบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียงให้การว่า พระรูปดังกล่าวได้ธุดงค์มาปักกรดจำศีลภาวนาในป่าอุทยานแห่งนี้นานกว่า 6 ปีแล้ว ช่วง 2 ปีหลังได้หายตัวเข้าไปในป่าลึกโดยได้เขียนจดหมายทิ้งไว้กับชาวบ้านมีข้อความว่า "วันใดฉันไม่อยู่ โปรดรู้ ฉันไปแล้ว ใครถามให้ตอบตามแนว ว่าไปแล้วก็แล้วกัน อย่าเสียเวลาตามหา เพียงรู้ว่าเช่นนั้น อย่ากังวลไม่สำคัญ ความจริงนั้น ฉันไม่ได้ไป-ไม่ได้มา" เป็นปริศนาธรรมที่ชาวบ้านเก็บเอาไว้นานกว่า 2 ปี พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ของญาติพระ เจ้าหน้าที่ติดต่อไปทราบว่าพระที่มรณภาพชื่อพระทวีศักดิ์ จิตรพี อายุ 67 ปี เดิมเป็นชาว จ.พระนครศรีอยุธยา เคยทำงานเป็นวิศวกรเครื่องกลอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกานานกว่า 20 ปี หลังจากกลับมาอยู่เมืองไทยเกิดเบื่อหน่ายทางโลกจึงออกบวชธุดงค์ไปตามป่าเขาเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำศพมาชันสูตรที่โรงพยาบาลชุมแพ ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างแห่มาดูศพถึงกับตะลึงที่ศพไม่เน่าเปื่อย หลายคนถือโอกาสแย่งกันฉีกเอาผ้าจีวรที่ติดกับศพเอาไว้เป็นเครื่องรางของขลังให้กับตัวเอง โดยพนักงานสอบสวนได้ให้ จนท.กู้ภัยนำศพมาเก็บรักษาไว้ที่พุทธสมาคมฯ เต็กก่า จีแชเกาะ มีนายฉัตรทวัน ถาวรวุฒิประพันธ์ หน.หน่วยกู้ภัยเต็กก่า จีแชเกาะ ได้ถวายผ้าจีวรผืนใหม่สวมใส่ให้กับสังขาร พร้อมจัดดอกไม้สดตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม นำสังขารของพระทวีศักดิ์ ฯ ขึ้นแท่นไว้ ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างให้ความสนใจเดินทางมาดูและกราบไหว้กันแน่นขนัดตลอด 3 วัน
ต่อมา น.ส.สุวิทย์ จิตรพี อายุ 80 ปี และนายบุญชัย จิตรพี อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 139 ซอยพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. พี่สาวและน้องชายพระทวีศักดิ์ฯ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศล โดยเปิดเผยว่า พระทวีศักดิ์ หรือ "หลวงหน่อย" อดีตเป็นวิศวกรเครื่องจักรทำงานอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานานกว่า 20 ปี หลังจากเกษียณกลับมาอยู่เมืองไทย ได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.2536 ที่วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีหลวงปู่ทิม พระเกจิชื่อดังเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า "เขมะธรรมโม" จากนั้นได้ออกธุดงค์ไปตามป่าเข้าลำเนาไพรเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น ล่าสุดทราบข่าวว่ามาปักกรดในป่าผานกเค้า อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน แต่ขาดการติดต่อกันมานานหลายปี จนกระทั้งทราบข่าวมรณภาพ จึงเดินทางมาขอรับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศล ซึ่งทางหน่วยกู้ภัยเต็กก่า "จีแชเกาะ" ได้จัดรถนำสังขารพระทวีศักดิ์ เขมะธรรมโม ไปส่งที่วัดประค่าว ย่านรามอินทรา กทม. ซึ่งเป็นสถานที่ที่ญาติได้จัดเตรียมเอาไว้ ส่วนเงินบริจาคที่ชาวบ้านได้มีจิตศรัทธาทำบุญกับพระทวีศักดิ์ฯ ทางญาติได้มอบให้กับพุทธสมาคมฯ จีแชเกาะ เพื่อนำไปช่วยเหลือด้านสาธารณกุศลต่อไป.

มหัศจรรย์พระธุดงค์ละสังขาร พบในถ้ำร่างกายไม่เน่าเปื่อย
เหตุพระธุดงค์ปลงสังหารนานกว่า 2 ปี ร่างกายยังสมบูรณ์ไม่เน่าเปื่อย พบในถ้ำลึกอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ได้รับการเปิดเผยขึ้นวันที่ 3 มี.ค.2554 เวลา 09.30 น. ร.ต.อ.ชนะ โกรธา ร้อยเวรสอบสวน สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น รับแจ้งเหตุพบศพพระมรณภาพในถ้ำเขาสามยอดผานกเค้า เขตอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน หมู่ 11 ต.นาหนองทุ่ม จึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยเต็กก่า จีแชเกาะ และหน่วยกู้ภัยเทวาภูผาม่าน เดินทางไปชันสูตรศพ
ที่เกิดเหตุอยู่ในป่าลึกเจ้าหน้าที่ต้องเดินด้วยเท้าลัดเลาะไปตามป่าเขา บางช่วงต้องปีนป่ายข้ามหุบเหว การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก รวมระยะทางไปกลับกว่า 10 กม. ใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมงจึงสามารถนำศพออกจากถ้ำได้ ในที่เกิดเหตุพบศพพระภิกษุนอนขดตัวภายในถ้ำที่คับแคบ สภาพศพสวมใส่สบงจีวรอย่างเรียบร้อย เนื้อหนังแห้งรูปร่างยังสมบูรณ์ไม่เน่าเปื่อยเหมือนซากศพทั่วไป มีเชือกไนลอนสีแดงผูกคอโยงกับโขดหิน ในทางเอนกึ่งนั่งกึ่งนอนลักษณะเหมือนนั่งสมาชิกก่อนล้มสิ้นลมหายใจ ค้นในตัวไม่พบหลักฐานแสดงชื่อ-นามสกุล ที่เกิดเหตุมีบาตรพระ กรดสำหรับจำศีลและเครื่องใช้จำเป็นของพระสงฆ์ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วหลายเดือน สอบถามนายไพบูลย์ ยอดมา อายุ 28 ปี ชาวบ้านที่พบศพทราบว่า ได้เดินลัดเลาะหาของป่าเพื่อดำรงชีพตั้งแต่เช้าวานนี้ จนตกเย็นขณะไต่หุบเขาเพื่อออกจากป่ากลับเข้าหมู่บ้าน จึงมาพบศพพระมรณภาพดังกล่าวอยู่ภายในถ้ำ แล้วแจ้งให้นายบุญตุ้ม หันเผือก ผู้ใหญ่บ้านทราบ
ส่วนชาวบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียงให้การว่า พระรูปดังกล่าวได้ธุดงค์มาปักกรดจำศีลภาวนาในป่าอุทยานแห่งนี้นานกว่า 6 ปีแล้ว ช่วง 2 ปีหลังได้หายตัวเข้าไปในป่าลึกโดยได้เขียนจดหมายทิ้งไว้กับชาวบ้านมีข้อความว่า "วันใดฉันไม่อยู่ โปรดรู้ ฉันไปแล้ว ใครถามให้ตอบตามแนว ว่าไปแล้วก็แล้วกัน อย่าเสียเวลาตามหา เพียงรู้ว่าเช่นนั้น อย่ากังวลไม่สำคัญ ความจริงนั้น ฉันไม่ได้ไป-ไม่ได้มา" เป็นปริศนาธรรมที่ชาวบ้านเก็บเอาไว้นานกว่า 2 ปี พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ของญาติพระ เจ้าหน้าที่ติดต่อไปทราบว่าพระที่มรณภาพชื่อพระทวีศักดิ์ จิตรพี อายุ 67 ปี เดิมเป็นชาว จ.พระนครศรีอยุธยา เคยทำงานเป็นวิศวกรเครื่องกลอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกานานกว่า 20 ปี หลังจากกลับมาอยู่เมืองไทยเกิดเบื่อหน่ายทางโลกจึงออกบวชธุดงค์ไปตามป่าเขาเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำศพมาชันสูตรที่โรงพยาบาลชุมแพ ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างแห่มาดูศพถึงกับตะลึงที่ศพไม่เน่าเปื่อย หลายคนถือโอกาสแย่งกันฉีกเอาผ้าจีวรที่ติดกับศพเอาไว้เป็นเครื่องรางของขลังให้กับตัวเอง โดยพนักงานสอบสวนได้ให้ จนท.กู้ภัยนำศพมาเก็บรักษาไว้ที่พุทธสมาคมฯ เต็กก่า จีแชเกาะ มีนายฉัตรทวัน ถาวรวุฒิประพันธ์ หน.หน่วยกู้ภัยเต็กก่า จีแชเกาะ ได้ถวายผ้าจีวรผืนใหม่สวมใส่ให้กับสังขาร พร้อมจัดดอกไม้สดตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม นำสังขารของพระทวีศักดิ์ ฯ ขึ้นแท่นไว้ ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างให้ความสนใจเดินทางมาดูและกราบไหว้กันแน่นขนัดตลอด 3 วัน
ต่อมา น.ส.สุวิทย์ จิตรพี อายุ 80 ปี และนายบุญชัย จิตรพี อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 139 ซอยพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. พี่สาวและน้องชายพระทวีศักดิ์ฯ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศล โดยเปิดเผยว่า พระทวีศักดิ์ หรือ "หลวงหน่อย" อดีตเป็นวิศวกรเครื่องจักรทำงานอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานานกว่า 20 ปี หลังจากเกษียณกลับมาอยู่เมืองไทย ได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.2536 ที่วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีหลวงปู่ทิม พระเกจิชื่อดังเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า "เขมะธรรมโม" จากนั้นได้ออกธุดงค์ไปตามป่าเข้าลำเนาไพรเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น ล่าสุดทราบข่าวว่ามาปักกรดในป่าผานกเค้า อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน แต่ขาดการติดต่อกันมานานหลายปี จนกระทั้งทราบข่าวมรณภาพ จึงเดินทางมาขอรับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศล ซึ่งทางหน่วยกู้ภัยเต็กก่า "จีแชเกาะ" ได้จัดรถนำสังขารพระทวีศักดิ์ เขมะธรรมโม ไปส่งที่วัดประค่าว ย่านรามอินทรา กทม. ซึ่งเป็นสถานที่ที่ญาติได้จัดเตรียมเอาไว้ ส่วนเงินบริจาคที่ชาวบ้านได้มีจิตศรัทธาทำบุญกับพระทวีศักดิ์ฯ ทางญาติได้มอบให้กับพุทธสมาคมฯ จีแชเกาะ เพื่อนำไปช่วยเหลือด้านสาธารณกุศลต่อไป.
ความคิดเห็นที่ 12
ลอง ดูประวัตินะครับ
พระที่มรณภาพชื่อพระทวีศักดิ์ จิตรพี อายุ 67 ปี เดิมเป็นชาว จ.พระนครศรีอยุธยา เคยทำงานเป็นวิศวกรเครื่องกลอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกานานกว่า 20 ปี หลังจากกลับมาอยู่เมืองไทยเกิดเบื่อหน่ายทางโลกจึงออกบวชธุดงค์ไปตามป่าเขาเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น
อย่างไหน ตามรอยพระพุทธเจ้ามากกว่ากัน
พระที่มรณภาพชื่อพระทวีศักดิ์ จิตรพี อายุ 67 ปี เดิมเป็นชาว จ.พระนครศรีอยุธยา เคยทำงานเป็นวิศวกรเครื่องกลอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกานานกว่า 20 ปี หลังจากกลับมาอยู่เมืองไทยเกิดเบื่อหน่ายทางโลกจึงออกบวชธุดงค์ไปตามป่าเขาเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น
อย่างไหน ตามรอยพระพุทธเจ้ามากกว่ากัน
แสดงความคิดเห็น
มีศาสนาไหน ดำเนินกิจกรรมเผยแพร่ศาสนา สร้างความเดือดร้อน ทุกข์ร้อนใจ ให้ผู้อื่น แบบนี้บ้าง?
มีแต่จะทำให้ผู้อื่น เป็นสุข หมดทุกข์
แต่ล่าสุด พัฒนาการของนักบวชชีพรหมบางหมู่คณะ มีการจัดกิจกรรมสะท้านบ้านสะท้านเมือง
"สร้างความทุกข์ ความเดือดร้อน" ให้ "ผู้อื่น" ในการสัญจรบนท้องถนน
ไม่ว่าเด็กเล็กที่จะต้องไปโรงเรียนสาย
ผู้ใหญ่ที่จะต้องไปประชุมไม่ทัน
คนท้องแก่น้ำคร่ำเดินใกล้คลอดที่รอดูชีวิตใหม่ที่กำลัง
คนป่วยที่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล
คนชราที่อยู่บนรถ อั้นฉี่อั้นอึไม่ได้นาน
ทุกชีวิตบนท้องถนน ณ ขณะนั้น ต้องตกเป็น "เหยื่อ" ของกิจกรรมทางศาสนาแบบนี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถูกลิดรอนและจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการเดินทางบนท้องถนนอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้
ทุกคนทุกชีวิต บนท้องถนนต้องตกเป็นเหยื่อ กับกิจกรรมที่นำศาสนามาเป็นหลักอ้าง
มีการนำผู้เจริญด้วยปัญญา แต่ละทางโลกแล้ว มาเป็นหลักในการสร้างความเชื่อ
มีการนำรายชื่อผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาอ้างความชอบธรรม
มีการนำผู้บริสุทธิ์ที่หลงไปชั่วขณะ มาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความถูกต้อง
เช่นนี้แล้ว ปกติ การประกอบพิธีกรรมทาง ศาสนา ทั่วๆ ไปทำกันอย่างนี้หรือไม่?