http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:Gat21GYq6N0J:online.newsforextrade.com/28%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%ADjas%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%87%E0%B8%A7.html+VI+%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%AC&cd=4&hl=th&ct=clnk&gl=th
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่าการปรับตัวลดลงของหุ้น JAS ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2554 ที่ราคาสูงสุด 3.90 บาท ลงมาต่ำกว่า 3 บาท เกิดจากการเทขายหุ้นของ 2กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1.กลุ่มนักลงทุนที่อ้างว่าเป็นนักลงทุนที่เน้นคุณค่า (Value Investor :VI) ซึ่งมีหมอบำรุง เสี่ยปู่ แกนหลัก 2.กลุ่มของกองทุนเปิดที่เข้ามาถือหุ้นก่อนหน้านี้ เบ็ดเสร็จขายไป 500 ล้านหุ้น ทำให้ตอนนี้แรงขายสะเด็ดน้ำแล้ว และไม่มีใครที่ต้นทุนต่ำอีกแล้ว
“หมอบำรุงเดิมถืออยู่ 233 ล้านหุ้น ขายเหลือเพียงแค่ 68 ล้านหุ้น ส่วนเสี่ยปู่และภรรยา ขายหุ้นออกไปเกือบ 100 ล้านหุ้น ซึ่งเสี่ยปู่เองไม่เหลือหุ้นแล้ว มีแต่นางวารุณี ภรรยาถืออยู่แค่ 7.3 ล้านหุ้น สำหรับยอดรวมของกลุ่มวีไอและพวก ขายไป 500 ล้านหุ้น จึงทำให้ราคาหุ้นร่วงหนักหลุด 3 บาท สร้างผลขาดทุนให้กับนักลงทุนรายย่อยที่แห่เข้าไปถือหุ้นตามวีไอ”แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ที่ผ่านมามีข่าวลือในห้องค้าว่า เจ้าของเป็นคนเทขายหุ้นออกมา แต่เมื่อปรากฏรายชื่อหลังปิดสมุดทะเบียนล่าสุดพบว่า กลุ่มของ นายพิชญ์ โพธารามิก ยังถือหุ้นอยู่ครบเท่าเดิม ไม่ต่างจากช่วงที่หุ้นขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 3.90 บาท จนราคาหุ้นร่วงหลุด 3 บาท จวบจนปัจจุบันที่ราคาหุ้นต่ำกว่า 2.20 บาทก็ยังถืออยู่ครบ
“หลังจากที่แก๊งวีไอขายหุ้น JAS ทิ้งออกมาหมดแล้ว ก็พยายามที่จะไปยืมหุ้นของกองทุนมาชอร์ตเซล เพื่อให้หุ้นร่วงหนัก จนสัญญาณทางเทคนิคเสีย ทำให้ไม่มีใครกล้าถือหุ้น และยอมตัดขายขาดทุนออกมา เพื่อให้กลุ่มตนเองเข้ามารับของถูก เมื่อดูตามสัญญาณกราฟหุ้นแล้ว หากราคาหุ้นหลุด 2.10 บาท จะร่วงไปที่ 1.80 บาท และ 1.50 บาท ตามลำดับ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนระยะยาวจริง ขวัญเสียไม่กล้าถือหุ้นต่อ ขณะที่คนไม่มีหุ้นก็ไม่กล้าซื้อเกรงว่าราคาหุ้นร่วงต่ออีก” แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับปริมาณหุ้นที่แก๊งวีไอมีการยืมหุ้นมาขายก่อนเฉพาะแค่ช่วงต้นสัปดาห์ประมาณ 70 ล้านหุ้น และวันต่อมาก็ชอร์ตเซลมาอีก 17 ล้านหุ้น ก่อนที่ราคาหุ้นจะร่วงไปที่ 2.12 บาท แต่มีนักลงทุนบางกลุ่มที่พยายามจะเข้ามารับไม่ให้ราคาหุ้นเสียทรง และยืนรับที่ราคาดังกล่าว เนื่องจากการปล่อยให้ราคาหุ้นไหลลงไปแบบไม่มีหูรูด จะทำให้กู้คืนลำบาก จึงต้องยันไม่ให้ราคาหลุด 2.10 บาท
โชคดียังเข้าข้าง ภาวะตลาดหุ้นไทยดีดกลับทั้งตลาด ทำให้แรงซื้อของรายย่อยกลับมา และราคาหุ้นยืนระยะได้ จนในที่สุดปรับตัวขึ้นมา ประกอบกับมีแรงซื้อจากกลุ่มคนที่ต้องการทุบหุ้น ที่ทำการชอร์ตเซลหุ้น JAS ไปก่อนหน้านี้ ต้องรีบซื้อคืน เพื่อปิดสถานะ เพราะเกรงว่าหากหุ้นจะดีดกลับ ทำให้ตนเองขาดทุน
สำหรับรายชื่อที่มีการเทขายหุ้นออกไปมีดังนี้ น.พ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี เคยถือหุ้นอยู่ 127 ล้านหุ้น, นายประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์ เคยถือหุ้นอยู่ 113.58 ล้านหุ้น, นายจีรเดช จงวัฒนาศิลป์กุล เคยถืออยู่ 101.50 ล้านหุ้น, นายนริศ จิระวงศ์ประภา เคยถือหุ้นอยู่ 85 ล้านหุ้น, นางวัชณี สิงหวังชา เคยถืออยู่ 80 ล้านหุ้น, นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล เคยถือหุ้นอยู่ 80 ล้านหุ้น, นางวราณี เสรีวิวัฒนา เคยถือหุ้นอยู่ 65 ล้านหุ้น, นายบรรหาร เพชรโลหะกุล เคยถือหุ้นอยู่ 55.46 ล้านหุ้น
ม.ล. กมลสวัสดิ์ วิสุทธิ เคยถือหุ้นอยู่ 50 ล้านหุ้น, นายสันติ สิงหวังชา เคยถือหุ้นอยู่ 48.33 ล้านหุ้น, นายณัฐวัฒน์ พิณรัตน์ เคยถือหุ้นอยู่ 45 ล้านหุ้น, นายธนา แสงดีจริง เคยถือหุ้นอยู่ 42.25 ล้านหุ้น, นายสิทธิชัย มาธนชัย เคยถือหุ้นอยู่ 39.62
ล้านหุ้น, นายอธิภู ลือชัยชนะกุล เคยถือหุ้นอยู่ 38.88 ล้านหุ้น และนางอุมาพร เมอะประโคน เคยถือหุ้นอยู่ 38 ล้านหุ้น ได้เทขายหุ้นไปหมดแล้ว ไม่ปรากฏชื่อการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกิน 0.50% ในหุ้น JAS แล้ว
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เห็นราคา jas ช่วงนี้แล้วเกิดความสงสัยว่า ทำไม ตอนนั้นเซียน VI ถึงถล่มขายกันครับ
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่าการปรับตัวลดลงของหุ้น JAS ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2554 ที่ราคาสูงสุด 3.90 บาท ลงมาต่ำกว่า 3 บาท เกิดจากการเทขายหุ้นของ 2กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1.กลุ่มนักลงทุนที่อ้างว่าเป็นนักลงทุนที่เน้นคุณค่า (Value Investor :VI) ซึ่งมีหมอบำรุง เสี่ยปู่ แกนหลัก 2.กลุ่มของกองทุนเปิดที่เข้ามาถือหุ้นก่อนหน้านี้ เบ็ดเสร็จขายไป 500 ล้านหุ้น ทำให้ตอนนี้แรงขายสะเด็ดน้ำแล้ว และไม่มีใครที่ต้นทุนต่ำอีกแล้ว
“หมอบำรุงเดิมถืออยู่ 233 ล้านหุ้น ขายเหลือเพียงแค่ 68 ล้านหุ้น ส่วนเสี่ยปู่และภรรยา ขายหุ้นออกไปเกือบ 100 ล้านหุ้น ซึ่งเสี่ยปู่เองไม่เหลือหุ้นแล้ว มีแต่นางวารุณี ภรรยาถืออยู่แค่ 7.3 ล้านหุ้น สำหรับยอดรวมของกลุ่มวีไอและพวก ขายไป 500 ล้านหุ้น จึงทำให้ราคาหุ้นร่วงหนักหลุด 3 บาท สร้างผลขาดทุนให้กับนักลงทุนรายย่อยที่แห่เข้าไปถือหุ้นตามวีไอ”แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ที่ผ่านมามีข่าวลือในห้องค้าว่า เจ้าของเป็นคนเทขายหุ้นออกมา แต่เมื่อปรากฏรายชื่อหลังปิดสมุดทะเบียนล่าสุดพบว่า กลุ่มของ นายพิชญ์ โพธารามิก ยังถือหุ้นอยู่ครบเท่าเดิม ไม่ต่างจากช่วงที่หุ้นขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 3.90 บาท จนราคาหุ้นร่วงหลุด 3 บาท จวบจนปัจจุบันที่ราคาหุ้นต่ำกว่า 2.20 บาทก็ยังถืออยู่ครบ
“หลังจากที่แก๊งวีไอขายหุ้น JAS ทิ้งออกมาหมดแล้ว ก็พยายามที่จะไปยืมหุ้นของกองทุนมาชอร์ตเซล เพื่อให้หุ้นร่วงหนัก จนสัญญาณทางเทคนิคเสีย ทำให้ไม่มีใครกล้าถือหุ้น และยอมตัดขายขาดทุนออกมา เพื่อให้กลุ่มตนเองเข้ามารับของถูก เมื่อดูตามสัญญาณกราฟหุ้นแล้ว หากราคาหุ้นหลุด 2.10 บาท จะร่วงไปที่ 1.80 บาท และ 1.50 บาท ตามลำดับ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนระยะยาวจริง ขวัญเสียไม่กล้าถือหุ้นต่อ ขณะที่คนไม่มีหุ้นก็ไม่กล้าซื้อเกรงว่าราคาหุ้นร่วงต่ออีก” แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับปริมาณหุ้นที่แก๊งวีไอมีการยืมหุ้นมาขายก่อนเฉพาะแค่ช่วงต้นสัปดาห์ประมาณ 70 ล้านหุ้น และวันต่อมาก็ชอร์ตเซลมาอีก 17 ล้านหุ้น ก่อนที่ราคาหุ้นจะร่วงไปที่ 2.12 บาท แต่มีนักลงทุนบางกลุ่มที่พยายามจะเข้ามารับไม่ให้ราคาหุ้นเสียทรง และยืนรับที่ราคาดังกล่าว เนื่องจากการปล่อยให้ราคาหุ้นไหลลงไปแบบไม่มีหูรูด จะทำให้กู้คืนลำบาก จึงต้องยันไม่ให้ราคาหลุด 2.10 บาท
โชคดียังเข้าข้าง ภาวะตลาดหุ้นไทยดีดกลับทั้งตลาด ทำให้แรงซื้อของรายย่อยกลับมา และราคาหุ้นยืนระยะได้ จนในที่สุดปรับตัวขึ้นมา ประกอบกับมีแรงซื้อจากกลุ่มคนที่ต้องการทุบหุ้น ที่ทำการชอร์ตเซลหุ้น JAS ไปก่อนหน้านี้ ต้องรีบซื้อคืน เพื่อปิดสถานะ เพราะเกรงว่าหากหุ้นจะดีดกลับ ทำให้ตนเองขาดทุน
สำหรับรายชื่อที่มีการเทขายหุ้นออกไปมีดังนี้ น.พ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี เคยถือหุ้นอยู่ 127 ล้านหุ้น, นายประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์ เคยถือหุ้นอยู่ 113.58 ล้านหุ้น, นายจีรเดช จงวัฒนาศิลป์กุล เคยถืออยู่ 101.50 ล้านหุ้น, นายนริศ จิระวงศ์ประภา เคยถือหุ้นอยู่ 85 ล้านหุ้น, นางวัชณี สิงหวังชา เคยถืออยู่ 80 ล้านหุ้น, นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล เคยถือหุ้นอยู่ 80 ล้านหุ้น, นางวราณี เสรีวิวัฒนา เคยถือหุ้นอยู่ 65 ล้านหุ้น, นายบรรหาร เพชรโลหะกุล เคยถือหุ้นอยู่ 55.46 ล้านหุ้น
ม.ล. กมลสวัสดิ์ วิสุทธิ เคยถือหุ้นอยู่ 50 ล้านหุ้น, นายสันติ สิงหวังชา เคยถือหุ้นอยู่ 48.33 ล้านหุ้น, นายณัฐวัฒน์ พิณรัตน์ เคยถือหุ้นอยู่ 45 ล้านหุ้น, นายธนา แสงดีจริง เคยถือหุ้นอยู่ 42.25 ล้านหุ้น, นายสิทธิชัย มาธนชัย เคยถือหุ้นอยู่ 39.62
ล้านหุ้น, นายอธิภู ลือชัยชนะกุล เคยถือหุ้นอยู่ 38.88 ล้านหุ้น และนางอุมาพร เมอะประโคน เคยถือหุ้นอยู่ 38 ล้านหุ้น ได้เทขายหุ้นไปหมดแล้ว ไม่ปรากฏชื่อการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกิน 0.50% ในหุ้น JAS แล้ว
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------