เวลาพิมพ์ตอบกระทู้เพื่อนๆยาวๆ แล้วมีเนื้อหาที่คิดว่า น่าสนใจ อยากเอามาฝากเพื่อนๆ เลยขออนุญาติ เอามาตั้งเป็นกระทู้ใหม่นะครับ
พอดีไปตอบเพื่อนเรืองการขายลดต้นทุน และซื้อถัวเฉลี่ยตอนหุ้นตก ในกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/30080209
เลยเอามาฝากด้วย ครับ
#####################################
หลายคนที่เล่นหุ้น เมื่อหุ้นลง จะเสียดาย ไม่ยอมคัทลอส ไม่ยอมแพ้ จะถือ สู้ต่อ
และเมื่อหุ้นลงไปเรื่อยๆ จนราคาห่างจากต้นทุนทีตัวเองถือมาก โอกาสจะกลับไป ที่ราคาเดิมยาก ก็ จะใช้ิวิธี ซื้อถัวเฉลี่ยเมื่อหุ้นในมือตัวเองตกลง เพื่อให้ ต้นทุนต่ำลง โอกาสหลุดดอย หุ้นนั่นง่ายขึ้น
ถามว่าถูกมั้ย
ตอบว่า มันก็ถูก แต่แค่บางส่วน
คำแนะนำในการซื่้อถัวเฉลี่ยขาลง นั่นทำให้ต้นทุนหุ้นในพอร์ต ลดต่ำลงมา มีโอกาส หลุดออก จากการติดดอยหุ้นนั่นได้ง่ายขึ้น นั่นจริงครับ
แต่ว่า บางคนซื้อไปเพื่อแค่ให้ตัวเลขนั้นปลอบใจตัวเรา ให้ดูว่า เราขาดทุนห่างจากราคาปัจจุบันไม่มาก ซึ่งถ้าทำเพื่ออย่างนี้ ก็อาจจะ ไม่ควรทำเสมอไป เพราะว่าการซื้อถัวเฉลี่ยในขาลงนั้น อาจจะทำให้ขาดทุนหนักขึ้ัน
ยกตัวอย่าง ซืั้อหุ้นตัวนึง มา 100 หุ้น ราคา 100 บาท
เมื่อราคาลดลงไปที่ 80 บาท ขาดทุนไป 20 บาท หรือ 20% ก็เลย ไปซื้อเฉลี่ยมาที่ 80 บาท อีึกร้อยหุ้น เลยกลายเป็นมีหุ้น 200 หุ้น ที่ต้นทุนเฉลี่ย 90 บาท ทำให้เหมือนขาดทุนอยู่แค่หุ้นล่ะ 10 บาท หรือ ประมาณ 12% (แต่จริงแล้ว ขาดทุนเป็นเม็ดเงินเท่าเดิม คือ 2000 บาท
ต่อมา ถ้าหุ้นนั้นร่วงไปอีกเหลือ 70 บาท ก็ กลายเป็นขาดทุน 20 บาทต่อหุ้น X 200 หุ้น หรือ ขาดทุน 4000 บาท (ถ้าถือไว้แต่แรก ไม่ไ้ด้เข้าไปถัว ก็จะขาดทุนแค่ 3000 บาท )
ถ้าสมมุติ ยังไม่ยอมแพ้ เข้าไปซื้อถัว ที่ 70 บาท อีก 200 หุ้น รวมมี 400 หุ้นที่เฉลี่ย 80 บาท (ช่วยปลอบใจตัวเอง ว่าขาดทุนอยู่แค่ 10 บาท อีกแล้ว) เด๋วพอดีดขึ้น สิบบาท ขายก็เท่าทุน แต่ถ้ามันลงต่อไป อีก เหลือ 50 บาท คราวนี้ จะกลายเป็นขาดทุนรวม 30 บาทต่อหุ้น X 400 หุ้น หรือ 12000 บาท (ย้อนไปนึกถึงตอนแรก ถ้าไม่ถัว ถือไว้ทุนแพง 100 แค่ร้อยหุ้น ก็จะขาดทุน 5000 หรือ ถ้าหยุดแค่ ตอนถัึวรอบแรก ก็จะขาดทุน 8000 บา่ท เท่านั้น)
แต่ไม่ใช่ว่า การถัวเฉลี่ยไม่ดี หรือ เป็นข้อห้ามทำ
เพราะว่า อย่างที่บอกไว้ข้างบนแล้ว การซื้อถัวเฉลี่ยในจังหวะทีเหมาะสม จะช่วยทำให้ต้นทุนเฉลี่ยเราต่ำลง(แต่ทุนที่ลงไปมันก็สูงมากขึ้น) ดังนั้น หุ้นขึ้นลง แต่ล่ะครั้ง หลังจากนี้ มีผลต่อเรามากขึ้่น เป็นทวีคูณ ถ้าลง ก็เจ็บหนักขึ้น ถ้าขึ้น ก็หลุดได้ไวขึ้น
ดังนั้นก่อนจะซื้อถัุวเฉลี่ย มีหลักอยู่ว่า อย่าซื้อเพราะว่า ต้องการลดตัวเลข ช่องห่างราคาที่ขาดทุนมาปลอบใจตัวเองเท่านั้น
แต่ต้องหาข้ัอมูลหุ้นตัวนั้น ให้รอบคอบ ไม่มีอัคติ แล้วถามตัวเองว่า ดูจากทิศทาง และการคาดคะเนแล้ว หุ้นตัวนั้น มันกำลังจะขึ้น หรือกำลังจะลง ถ้าเราไม่มีหุ้นตัวนั้น ในมือขณะนั้น เราจะซื้อมันหรือไม่
ถ้าคำตอบคือ คิดว่ามันจะลง หรือ ไม่มีหุ้นไม่ซื้อ ก็อย่าไปถัว เพราะว่า มันมึีโอกาสเจ็บตัวมากขึ้นไปอีก
แต่ถ้าำคำตอบคือ ดูแล้ว มันน่าจะขึ้น (ด้วยเหตุผลทีไม่ลำเอียงเข้าข้างตัวเอง) และ ให้คำตอบกับตัวเองได้ว่าแม้ไม่มีหุ้นนั่นในมือขณะนั้น มันก็น่าซื้อ อย่างนี้ ก็ควรซื่้อถัวเฉลี่ยได้
และที่สำคัญการถัว ควรทิ้งระยะให้ ห่างพอสมควร ไม่ใช่ ลง 5% หรือ 10% รีบถัว กะว่ามันจะเด้งลูกเดียว
ไม่งั้น พอร์ตจาก 100 -200-400-800 -1600 โตไวมาก หาเงินมาเติมมาถัวไม่ทันนั่งมอง มันตาละห้อยหมดตังค์ถัวกันพอดี
แล้วถามว่าถ้าหุ้นมันลง ถ้าไม่ใช่วิธีถัวเฉลี่ย แล้ว จะทำไงกับหุ้นที่ เน่า(ถ้ามันเน่าจริง ดูไร้อนาคต)
คำตอบคือ ขายมันทิ้ง แล้วไปเริ่มต้นกับตัวใหม่ ที่เราพิจารณารอบคอบแล้วว่ามีโอกาส ที่มันขึ้นมากกว่า
เพราะว่า เงินของเรา ไม่ว่าจะอยู่กับหุ้นตัวไหน มันก็เงินของเรา
ถ้าตัวเก่ามันเน่าจนไร้อนาคต จะไปรอฝันเอาเงินคืนจากมันไม่ได้ มีแต่เจ็บลึกลงไปเรื่อยๆ ก็ย้ายไปหาเงินจากตัวใหม่ ที่มีอนาคตกว่า มาแทนได้คับ เงินจากหุ้นตัวไหนๆ ก็ชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย
หุ้นไม่ใช่สามี หรือ ภรรยา ที่ มันเลว กับเรา เหลือร้าย ก็ไม่ยอมทิ้งจะไปกอดกันตายกับมัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนขาย หรือ ซื้อใหม่ ควรพิจารณาหาข้อมูลให้รอบครอบ เด๋วกลายเป็น ขายหมูไปซื้อควาย เศร้าหนักไปอีก
โชคดีในการลงทุนครับ
@@@ ไม่ได้แช่งนะ แต่มาุคุยกันเรื่อง ติดดอย หุ้นร่วงลงมา จะซื้อถัวเฉลี่ยดีมั้ย @@@
พอดีไปตอบเพื่อนเรืองการขายลดต้นทุน และซื้อถัวเฉลี่ยตอนหุ้นตก ในกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/30080209
เลยเอามาฝากด้วย ครับ
#####################################
หลายคนที่เล่นหุ้น เมื่อหุ้นลง จะเสียดาย ไม่ยอมคัทลอส ไม่ยอมแพ้ จะถือ สู้ต่อ
และเมื่อหุ้นลงไปเรื่อยๆ จนราคาห่างจากต้นทุนทีตัวเองถือมาก โอกาสจะกลับไป ที่ราคาเดิมยาก ก็ จะใช้ิวิธี ซื้อถัวเฉลี่ยเมื่อหุ้นในมือตัวเองตกลง เพื่อให้ ต้นทุนต่ำลง โอกาสหลุดดอย หุ้นนั่นง่ายขึ้น
ถามว่าถูกมั้ย
ตอบว่า มันก็ถูก แต่แค่บางส่วน
คำแนะนำในการซื่้อถัวเฉลี่ยขาลง นั่นทำให้ต้นทุนหุ้นในพอร์ต ลดต่ำลงมา มีโอกาส หลุดออก จากการติดดอยหุ้นนั่นได้ง่ายขึ้น นั่นจริงครับ
แต่ว่า บางคนซื้อไปเพื่อแค่ให้ตัวเลขนั้นปลอบใจตัวเรา ให้ดูว่า เราขาดทุนห่างจากราคาปัจจุบันไม่มาก ซึ่งถ้าทำเพื่ออย่างนี้ ก็อาจจะ ไม่ควรทำเสมอไป เพราะว่าการซื้อถัวเฉลี่ยในขาลงนั้น อาจจะทำให้ขาดทุนหนักขึ้ัน
ยกตัวอย่าง ซืั้อหุ้นตัวนึง มา 100 หุ้น ราคา 100 บาท
เมื่อราคาลดลงไปที่ 80 บาท ขาดทุนไป 20 บาท หรือ 20% ก็เลย ไปซื้อเฉลี่ยมาที่ 80 บาท อีึกร้อยหุ้น เลยกลายเป็นมีหุ้น 200 หุ้น ที่ต้นทุนเฉลี่ย 90 บาท ทำให้เหมือนขาดทุนอยู่แค่หุ้นล่ะ 10 บาท หรือ ประมาณ 12% (แต่จริงแล้ว ขาดทุนเป็นเม็ดเงินเท่าเดิม คือ 2000 บาท
ต่อมา ถ้าหุ้นนั้นร่วงไปอีกเหลือ 70 บาท ก็ กลายเป็นขาดทุน 20 บาทต่อหุ้น X 200 หุ้น หรือ ขาดทุน 4000 บาท (ถ้าถือไว้แต่แรก ไม่ไ้ด้เข้าไปถัว ก็จะขาดทุนแค่ 3000 บาท )
ถ้าสมมุติ ยังไม่ยอมแพ้ เข้าไปซื้อถัว ที่ 70 บาท อีก 200 หุ้น รวมมี 400 หุ้นที่เฉลี่ย 80 บาท (ช่วยปลอบใจตัวเอง ว่าขาดทุนอยู่แค่ 10 บาท อีกแล้ว) เด๋วพอดีดขึ้น สิบบาท ขายก็เท่าทุน แต่ถ้ามันลงต่อไป อีก เหลือ 50 บาท คราวนี้ จะกลายเป็นขาดทุนรวม 30 บาทต่อหุ้น X 400 หุ้น หรือ 12000 บาท (ย้อนไปนึกถึงตอนแรก ถ้าไม่ถัว ถือไว้ทุนแพง 100 แค่ร้อยหุ้น ก็จะขาดทุน 5000 หรือ ถ้าหยุดแค่ ตอนถัึวรอบแรก ก็จะขาดทุน 8000 บา่ท เท่านั้น)
แต่ไม่ใช่ว่า การถัวเฉลี่ยไม่ดี หรือ เป็นข้อห้ามทำ
เพราะว่า อย่างที่บอกไว้ข้างบนแล้ว การซื้อถัวเฉลี่ยในจังหวะทีเหมาะสม จะช่วยทำให้ต้นทุนเฉลี่ยเราต่ำลง(แต่ทุนที่ลงไปมันก็สูงมากขึ้น) ดังนั้น หุ้นขึ้นลง แต่ล่ะครั้ง หลังจากนี้ มีผลต่อเรามากขึ้่น เป็นทวีคูณ ถ้าลง ก็เจ็บหนักขึ้น ถ้าขึ้น ก็หลุดได้ไวขึ้น
ดังนั้นก่อนจะซื้อถัุวเฉลี่ย มีหลักอยู่ว่า อย่าซื้อเพราะว่า ต้องการลดตัวเลข ช่องห่างราคาที่ขาดทุนมาปลอบใจตัวเองเท่านั้น
แต่ต้องหาข้ัอมูลหุ้นตัวนั้น ให้รอบคอบ ไม่มีอัคติ แล้วถามตัวเองว่า ดูจากทิศทาง และการคาดคะเนแล้ว หุ้นตัวนั้น มันกำลังจะขึ้น หรือกำลังจะลง ถ้าเราไม่มีหุ้นตัวนั้น ในมือขณะนั้น เราจะซื้อมันหรือไม่
ถ้าคำตอบคือ คิดว่ามันจะลง หรือ ไม่มีหุ้นไม่ซื้อ ก็อย่าไปถัว เพราะว่า มันมึีโอกาสเจ็บตัวมากขึ้นไปอีก
แต่ถ้าำคำตอบคือ ดูแล้ว มันน่าจะขึ้น (ด้วยเหตุผลทีไม่ลำเอียงเข้าข้างตัวเอง) และ ให้คำตอบกับตัวเองได้ว่าแม้ไม่มีหุ้นนั่นในมือขณะนั้น มันก็น่าซื้อ อย่างนี้ ก็ควรซื่้อถัวเฉลี่ยได้
และที่สำคัญการถัว ควรทิ้งระยะให้ ห่างพอสมควร ไม่ใช่ ลง 5% หรือ 10% รีบถัว กะว่ามันจะเด้งลูกเดียว
ไม่งั้น พอร์ตจาก 100 -200-400-800 -1600 โตไวมาก หาเงินมาเติมมาถัวไม่ทันนั่งมอง มันตาละห้อยหมดตังค์ถัวกันพอดี
แล้วถามว่าถ้าหุ้นมันลง ถ้าไม่ใช่วิธีถัวเฉลี่ย แล้ว จะทำไงกับหุ้นที่ เน่า(ถ้ามันเน่าจริง ดูไร้อนาคต)
คำตอบคือ ขายมันทิ้ง แล้วไปเริ่มต้นกับตัวใหม่ ที่เราพิจารณารอบคอบแล้วว่ามีโอกาส ที่มันขึ้นมากกว่า
เพราะว่า เงินของเรา ไม่ว่าจะอยู่กับหุ้นตัวไหน มันก็เงินของเรา
ถ้าตัวเก่ามันเน่าจนไร้อนาคต จะไปรอฝันเอาเงินคืนจากมันไม่ได้ มีแต่เจ็บลึกลงไปเรื่อยๆ ก็ย้ายไปหาเงินจากตัวใหม่ ที่มีอนาคตกว่า มาแทนได้คับ เงินจากหุ้นตัวไหนๆ ก็ชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย
หุ้นไม่ใช่สามี หรือ ภรรยา ที่ มันเลว กับเรา เหลือร้าย ก็ไม่ยอมทิ้งจะไปกอดกันตายกับมัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนขาย หรือ ซื้อใหม่ ควรพิจารณาหาข้อมูลให้รอบครอบ เด๋วกลายเป็น ขายหมูไปซื้อควาย เศร้าหนักไปอีก
โชคดีในการลงทุนครับ