บันทึก....(ไม่ลับ)....ของจันทร์จิรา

กระทู้สนทนา
บันทึก….( ไม่ลับ ) …. ของจันทร์จิรา                                 
อนัตดา  พุทธิกุล ….

ปีนี้..จันทร์จิรา อายุย่างเข้า   27     หล่อนยังไม่มีทั้งคู่เดท   และคู่รัก   ซึ่งเรื่องนี้ก็มิได้สร้างความเดืดเนื้อร้อนใจให้กับเจ้าตัวแต่ประการใด    
จันทร์จิรา   มาจากครอบครัวใหญ่    อย่างครอบครัวไทยทั่วไป
บ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ บนเนื้อที่ ร่วมไร่ในสวนแถวฝั่งธนฯ   อุ่นหนาฝาคั่ง   อยู่กันพร้อมหน้า
พ่อ  แม่   พี่น้องหญิงชาย ลุงป้า น้าอา ไม่รวมหมาอีกโขยง  ด้วยเหตุนี้เจ้าตัว   ก็เลยไม่รู้สึกเหงาอย่างคนโสดบางคน

ปกติธรรมดา  จันทร์จิรา จะเริงร่า หน้าเป็น  ร้อยวันพันปี  เจ้าตัว ไม่เคยมีเรื่อง โกรธเคือง กับใคร
จะมีก็แต่เรื่องเดียว  ที่ทำให้จันทร์จิราหงุดหงิด ขุ่นข้อง    จะเรื่องอะไร  ถ้าไม่ใช่เรื่อง ความหวังดี ของคนรอบข้าง
กับคำพูดซ้ำซาก   ตลอดจนคำถาม กวนประสาท  

อายุปูนนี้แล้ว …( ยังกับว่า  จันทร์จิราอายุสักร้อย)   ทำไมไม่ยักมี ฟงมีแฟน อย่างใครเขา
หรือไม่ก้อ…
อาไรกัน    ผู้ชายตั้งร้อยตั้งพัน ไม่เจอบ้างเหรอที่ถูกใจ  แถมบางคนยังพูดไปโน่น
ระวังให้ดี  โบราณยิ่งว่า  เลือกนักมักได้แร่
  
จันทร์จิรา  เคืองนัก ทุกครั้งที่ได้ยินคำพูด และคำถามแบบนี้  
ดีนะเนี่ย ที่จันทร์จิรา มีไดอารี่ เล่มเล็กๆ พกติดตัว  
หนักอก หนักใจ  ก็ระบายมันลงไป    นอกจากมันจะเป็นทางออกที่ดี   ยังช่วยคลายความเครียดได้อย่างชะงัด
ทุกครั้ง   ที่เกิดอาการอับเซท   เกี่ยวกับเรื่องนี้  
จันทร์จิรา  เป็นต้องหวนระลึก  ถึงผู้ชายในอดีต  ที่มีอยู่เพียงสามคน

คนแรก ..  พูดได้เต็มปากว่าเป็น  รักแรกพบ     ตอนนั้น จันทร์จิรา อายุเพียงสิบห้า   ส่วนเขาสิบแปด
หล่อนบูชา ความเป็นแมนของเขา  ไม่ว่าจะเดินเหิน พูดจา  รวมทั้งกล้ามเป็นมัดๆ  ( เขาเล่นกล้ามด้วยนะ)
เมื่อแรกคบกัน  ดูเหมือน   มิตรภาพจะไปด้วยดี    จวบจน  ช่วงเวลาหนึ่งได้มาถึง  
ความรู้สึกหนึ่งเฝ้าเตือน     เหมือนมันพยายามจะบอก  จันทร์จิรา
ท่าเขาจะไม่ใช่  พระเอกในดวงใจของเราซะแล้ว    
จะไม่ให้จันทร์จิรา  คิดอย่างนั้นได้อย่างไร  

ทุกครั้งที่เจอกัน    แทนที่จะทักทาย ถามไถ่   สารทุกข์สุกดิบ    ประสาคนชอบพอ  
เขากลับยกกล้ามขึ้นชู  พร้อมกับซ้ำซาก   ในประโยคเดิมๆ
ไง…  สวยมั๊ย   กว่าจะได้มาแค่นี้   ( กล้าม )  เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่
เพราะทนดูกล้ามเขา  ต่อไปไม่ไหว   จันทร์จิรา   เลยบอกลา  

คนที่สอง …   จันทร์จิรา   ชอบเขา  เพราะหน้าตาเขาดี๊ดี    
แล้วตอนนั้น    จุดอ่อนจันทร์จิราอยู่ตรงนี้   เห็นใครหล่อไม่ได้     เป็นต้องหลงไหลได้ปลื้ม   โดยลืมความจริงข้อนั่นไปเสียสิ้น
  ความงาม… มักจะพ่วงเอาความหลงตัว    และเย้อหยิ่ง  
หญิงงามทั้งหลาย   ที่มักจะหลงตัว พอกับผู้ชายที่หน้าตาหล่อๆ นั่นแหละ
แต่ผู้หญิง   ถึงจะหยิ่งเย้อ   หลงตัว  ก็ยังพออนุโลม    เพราะเป็นธรรมชาติของผู้หญิง    
ช่วงที่จันทร์จิรา  คบหากับเขา   จันทร์จิรา    รู้สึกราวกับว่า  ตัวเองตกอยู่ในฝันร้าย  

เมื่อต้องเผชิญกับสายตา  ของหญิงอื่น  ที่มองมายังตนเอง    พร้อมกับซุบซิบ  ถึงจันทร์จิรา จะไม่ได้ยิน ก็พอจะเดาได้ พวกนั้นกำลังสรรเสริญตัวเองอยู่  
ฮื้อ..  น่าเสียดายเนอะ ผู้ชายหน้าตาออกดี๊ดี แต่ดูแม่นั่นซิ   เฉิ่มเชียว

จันทร์จิราไม่ตำหนิผู้หญิงพวกนั้นหรอก
ในเมื่อเขาเดินหล่อ   ยิ้มหล่อ   และยังทำท่าหล่อๆ  อีกหลายอย่าง
จะนั่งตรงไหน   มักจะหาทำเล  ที่มีกระจก   พูดกับจันทร์จิรา   แต่ตาทั้งสอง   คอยชำเลืองดูรูปลักษณ์ตัวเอง ในกระจก จันทร์จิรา   อึดอัดหนักเข้า  แม้จะเสียดาย ความหล่อ   จำต้องตัดใจลา

คนที่สาม…   ( ซึ่งเป็นคนสุดท้าย )     เพราะขยาด  คนรูปงาม  อีกทั้งอายุนามที่มากขึ้น
ทำให้  จันทร์จิรา ชอบผู้ชายที่มีกึ๋น…
  ไม่ต้องหล่อ แต่ขอให้มีสมอง ตำแหน่งหน้าที่ การงานต้องดี ทำนองนั้น
ด้วยสเป็คที่ว่า จันทร์จิราไปพบกับเขา  เมื่อคราว สัมนาระหว่างบริษัท  
เขา เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ บริษัทนั้น    อายุไม่มาก สง่า สุภาพ แถมน่ารักอีกต่างหาก  

แต่อนิจจา!
  คบเขาได้พักใหญ่       จันทร์จิราก็ต้องมานั่งใคร่ครวญอย่างหนัก   พร้อมกับตั้งคำถาม ถามตัวเอง
เราโลภเกินไปหรือเปล่า   เพราะดูไปดูมา   เขาดีเลิศ ไม่สมกับเราจนนิดเดียว
“ผม  จบเศรษฐศาสตร์จุฬา   เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง  ( เวลาพูด เชิดหน้านิด)
จากนั้น  ผมก็ไปต่อโท ที่อเมริกา
จริงๆนะคุณ  จันทร์จิรา ผมไม่ชอบระบบงานเมืองไทย  พอๆกับ  ทนอยู่กับคนโง่ไม่ได้ จริงๆ “

ตั่งแต่คบกับเขา    จันทร์จิรา รู้ตัวว่า โง่ไปถนัด  
  ยิ่งย้อนสำรวจ  ดูตัวเอง   ยิ่งเศร้านัก    
จันทร์จิรา มีหน้าตาปอนๆ  กับปริญญาตรี หนึ่งใบ   ที่เดี๋ยวนี้ใครๆ เขาก็มีกัน
จันทร์จิรา  ใคร่ครวญอยู่พัก   ก็ตัดสินใจ  
ไม่องไม่เอามันแล้วแฟน   เลิกกันที กับใครก็จะไม่สน
  ใครนะ  ว่าผู้หญิง  เรื่องมาก  หยั่งใจไม่ถูก
  เชอะ.. ผู้ชายเองก็เถอะ  
ลึกลับ ดำมืด   ราวกับปริศนาก็ไม่ปาน
จันทร์จิรา    ตัดใจ ไม่รักใคร  ตั้งหน้าตั้งตา ทำงาน    
โชคร้ายเรื่องความรัก  อาจจะโชคดีเรื่องงานก็ได้
จันทร์จิรา  แอบหวัง   อยู่ในใจลึกๆ ว่าจะเป็นอย่างนั้น

เก่าไป …ใหม่ไป … สิ่งที่ว่า วนเวียนเป็นวัฎจักร
ผู้จัดการคนเก่า  ลาออก ผู้จัดการคนใหม่    กำลังจะย้ายมาแทน
ใครต่อใครในบริษัท ต่างพากันจับตามอง   พร้อมวิพากษณ์วิจารณ์กันสนุก    และหนึ่งในนั้น ก็มีจันทร์จิรารวมอยู่ด้วย  
ผู้จัดการคนใหม่   คงจะแก่ และ  เคร่ง  ไม่แคล้ววางกล้าม อย่างผู้จัดการคนเก่า    
เมื่อความคาดคะเนย์ เป็นไปอย่างนั้น  จันทร์จิราก็อดจะ  เศร้าใจมิได้    ตามประสาผู้น้อย

“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมดังๆ    ดึงความคิด ของจันท์จิราที่เตลิดไปไกลกลับมา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามอง   ก็พบชายคนนั้น ยืนโดดเด่นอยู่ตรงหน้า
ด้วยสมอง ที่ทำงานว่องไว ราวเครื่องคิดเลข  ( ฝ่ายบัญชี  คิดเลข ไม่เก่งได้ยังไง )
จันทร์จิรา  กะคร่าวๆ  อายุเขา  อยู่ในราวสามสิบต้นๆ    รูปร่างโปร่ง  แต่ไม่บาง หน้าตาขรึมๆ ชอบกลอยู่
เขายิ้มให้  พร้อมกับถามอย่างสุภาพ
“ขอโทษ   ห้องท่านผู้อำนวยการอยู่ไหน   มิทราบครับ”
ให้ซิเอ้า จันทร์จิราไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ทำไป   จะต้องตื่นเต้น  เอ็กไซค์ ไปกับเขา  
เออถ้าเขาเป็นนักร้องดัง     เคป๊อป  เจป๊อป     ก็ไปอย่าง   แต่นี่ก็ไม่ใช่
  รอจนอาการตื่นเต้นหมดไป    ก็อธิบายพร้อมกับชี้มือชี้ไม้  แต่เห็นเขาขมวดคิ้ว ทำหน้าไม่เข้าใจ  
จันทร์จิรา    ก็เลยเดินนำหน้า    พาเขาไปยังห้องผู้อำนวยการที่อยู่ด้านในสุด
  เมื่อไปถึงหน้าห้อง    ก็เคาะประตู     พอ ท่านผู้อำนวยการ ร้องดังๆ
“เข้ามาได้”    
จันทร์จิรา  ก็ยื่นมือไปเปิดประตูให้เขา  ลืมตัวไปชั่วขณะว่าเป็น สุภาพสัตรี

“ว่าไงคุณจันทร์    มาหาผม มีธุระอะไรมิทราบ ? ”     ท่านผู้อำนวยการ  ร้องถาม  
“จันทร์ไม่มีหรอกค่ะ    แต่คุณคนนี้คงจะมี  “ พูดพลางหันหลังกลับไปบอกกับเขาที่ยังยืนอยู่หน้าประตู “ เชิญค่ะ”  
“ขอบคุณครับ” เขาบอกเรียบๆ     ก้าวเข้ามาในห้อง   ท่านผู้อำนวยการ  ที่กำลังมองมาจากโต๊ะ เห็นเขา ก็ลุกขึ้นเร็วๆ  ก้าวมาหา  
“สวัสดี คุณสรรเสริญ มาเร็วแฮะ” ทักทายเมื่อมายืนตรงหน้า
ความจริง     จันทร์จิรานำเขามาส่งถึงที่เรียบร้อย  จะกลับไปทำงานต่อก็ได้   แต่กลับไม่ทำ   ความอยากรู้ ทำให้ยืนมองนิ่งๆ  ไม่ขยับ
“อ้อ คุณจันทร์  อยู่ก็ดีเลย  จะได้แนะนำให้รู้จัก   นี่คุณสรรเสริญ ผู้จัดการคนใหม่ของเรา   รู้จักกันไว้  ”  
จันทร์จิรา  กระพริบตาถี่ๆ ไล่ความงง  มองเขา  ที่ส่งยิ้มมาให้  พร้อมกับทักทาย
“ยินดีที่ได้รู้จักกับคุณ   ลูกจันทร์” ( โชคดี   เค้าไม่เรียก  ดอกไม้จันทร์  )
“ไม่ใช่  ลูกจันทร์ คุณสรรเสริญ   เธอชื่อ จันทร์จิรา  บัญชีเอก ของเรา “   ท่านผู้อำนวยการ อธิบายยิ้มๆ   ในขณะที่จันทร์จิรายืนงงเป็นไก่ตาแตก

เพียงชั่วเวลาแค่เดือนกว่าๆ.. .   ผู้จัดการคนใหม่ เข้ามานั่งแป้น แทนผู้จัดการคนเก่า  
กับข่าวกรองที่ว่า   เขายังโสด
ได้นำความ  สับสนอลหม่านให้กับเหล่า  พนักงานสตรี
มิตรภาพ …    และรอยยิ้ม ที่เคยมีต่อกันมลาย
แม่เจ้าประคุณ   พากันลุกขึ้น  แต่งหน้า ทาปาก แต่กายประชัน  ดูไปไม่ผิดกับ  มวลเหล่าดอกไม้ ในฤดูใบหน้าผลิ    พอดอกหนึ่งบาน   ดอกอื่นก็แย้มตาม   ดอกที่เหลือ ก็แย้มแข่ง
ปรากฏสี  เขียว แดง ฟ้า  เหลือง   หลายหลากสีสรร ละลานตา  กลาดเกลื่อนไปทั่วทุ่ง  กระจายไปทั้งบริษัท

แต่ปัญหามีอยู่ว่า  ที่นี่ ( บริษัท)  ไม่ใช่ทุ่งกว้าง  ที่มากมายไปด้วยภมร
ที่นี่   จะมีก็เพียงภมรเดียว  ( ผู้จัดการนะซิ จะมีใคร)    
แล้วดอกไม้ ( พนักงานหญิง)  ก็ตั่งหน้าตั่งตา จ้องตะครุบเขา พัลวัน

จันทร์จิราเห็นแล้ว    ให้หมองหม่นใจ    ด้วยตัวเอง ก็เป็นหนึ่งในบรรดาดอกไม้ที่ว่า  หากหวัง จะเยื้อยุด เขามาเด็ดดม  จันทร์จิราต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก
ก็แล้ว จันทร์จิรา ผู้มีหน้าตาปอนๆ กับสมุดบันทึกหนึ่งเล่ม  ที่จวนจะเต็มอยู่รอมร่อ  เพราะความในใจ มันมากล้น    ขอให้ว่างเถอะน่า  เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น   จันทร์ร์จิราเป็นต้องเปิดบันทึกออกอ่าน  
  เริ่มต้นจากหน้าหนึ่ง   อ่านต่อไปเรื่อยๆ  อย่างเลื่อนลอย  

วันที่..ให้ตายซิน่า   เราคิดว่าเราแอบรักเขาเข้าแล้ว  (แบบแอบไง  จ้างให้เขาก็ไม่มีวันรู้)  
จริงๆแล้ว   เขาไม่ใช่คนหล่อ แต่ว่าน่ารัก  มีบุคลิค หลายอย่างที่เราเห็นแล้ว   ละลาย
เราชอบ หน้าเคร่งขรึม กับตา ซึมเซื่องของเขา  
ชอบปากบางเฉียบ  
ชอบเวลาเขาเดิน  
เขาเดินเนิบนาบ เนี๊ยบกว่านายแบบหลายคน  
เราชอบมองเวลาเขายิ้ม  (แม้นานๆจะยิ้มที)  
เราว่ายิ้มของเขาสวยที่สุดในโลก  
และประการสุดท้าย  ที่ลืมไม่ได้
เราชอบเสียงเขา  
เราว่าเสียงเขา  ทุ้ม ฟังดูนุ่มหู   จนเราเกือบจะกรี๊ดออกมา ทุกครั้งที่เขาสั่งงาน  

วันนี้…ไม่มีกำลังใจทำงาน  เรื่องของเรื่องทนไม่ได้   หมั่นใส้ทุกคนที่เข้าใกล้เขา
เชอะ… ยายพรทิพย์ เลขา  ถือว่าตัวสวย  เพราะเป็นอดีตเทพีสงกรานต์  ปกติก็เชิดอยู่แล้ว   พอผู้จัดการเรียกตัวถี่หน่อย   หน้าเลยบานเป็นจานเชิง

ยาย นภาลัยนั่น  เป็นแค่ โอเปอเรเตอร์  เวอร์ซะไม่มี  คงถือว่าเคย  เป็นนางแบบโฆษณายากำจัดสิว   หน้าตาจืดๆ ดีว่าขาว  หน่อยเท่านั้นเอง

เวรกรรม  !  ท่าเราจะเป็นเอาหนัก   มานั่งถากถางชาวบ้านเขา   หาสวรรค์ วิมานอะไร   ของอย่างนี้    มันอยู่ที่ใจ ไม่เห็นหรือไง    ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาๆ    แต่มีแฟนออกหล่อเลิศ  

เจ้าประคุณ   รูปธรรม นามธรรม   ถึงหนูจะไม่สวย     แต่ก็จิตใจดี   ( คิดว่า)  หลวงพ่อ ช่วยดลจิตดลใจ ให้เขาชอบหนูที  ถ้างานนี้สำเร็จละก้อ  
หนูจะเอาหัว  ยายพรทิพย์  กับ ยาย นภาลัย    เอ๊ย ไม่ใช่  หัวหมู กับ ดอกไม้  ธูปเทียนไปถวาย  เพี้ยง!

จันทร์จิรา   เกือบจะทำบ้าหลายครั้ง  แบบเดินเฉียดกับเขา ลังเลๆ จะทิ้งผ้าเช็ดหน้า     แต่ฉุกคิดขึ้นมาได้ พิธีการที่ว่ามันออกจะโบราณสถาน  ก็เลยล้มโครงการณ์นั้น
แต่ยังคง  ยึดมั่น ในคติที่ว่า   “  ความพยายามอยู่ที่ไหน  ความสำเร็จต้องอยู่ที่นั่น “

วันต่อมา ..เดินเฉียดกับเขา   (อีกแล้ว )    ที่หน้าลิฟท์ตอนพักเที่ยง  
รอจนเขาหันมาทางทิศทางที่ตนยืนอยู่   ก็บรรจงส่งยิ้มไปให้   ซะหวานหยด  ส่วนเขา  ก็ตามเคย  
แค่พงกหัวให้นิดๆ   จะยิ้มสักหน่อยก็ไม่มี    เท่านั้นยังไม่พอ  พอยายพรทิพย์เดินผ่านมา   ก็เดินกระหนุงกระหนิงกับยายพรทิพย์ เลขา  ออกประตูทางออกไป

ความเจ็บปวดที่จันทร์จิราได้รับ   แสนสาหัส   จันทร์จิรา  เลยประท้วง
หมกตัวอยู่ในออฟฟิศ  ข้าวปลาไม่กิน
  ระบายความคับอกคับใจ   ลงไป  ในสมุดบันทึก  ยาวเหยียด

“คุณจันทร์   ผมขอบัญชี  ของเดือนนี้หน่อย ”  เขามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง   หรือว่าเขาจะให้สุ้มให้เสียงแล้ว แต่จันทร์จิรากำลังเพลิน กับการบันทึก ก็ไม่แน่ใจ
“ค่ๆ..  นี่ค่ะ ” ร้องบอก อย่างตื่นเต้น  บนโต๊ะ  รกไปด้วยเอกสาร และแฟ้ม  หยิบขึ้นมาได้ ก็ส่งพรวดให้เขากับเขา  จะได้ไปพ้นๆ   เห็นหน้าแล้วมีแต่เสียใจ

อีกครึ่งชั่วโมงก่อนงานเลิก    จันทร์จิรากำลังหัวเสียสุดๆ   เพราะค้นเท่าไหร่ ก็ไม่ยักเจอ  สมุดบันทึกของตน   ไม่รู้ว่าเอาไปไว้ไหน  
ระหว่างที่กำลัง ค้นหา สมุดบันทึก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่