คอลัมน์ การเมือง 22 มกราคม 2556
ก็ไม่แปลกอะไร ที่วงเสวนาของ "ปราชญ์" ที่ตั้งวงสังเกตการณ์การรับสมัคร
ผู้ว่าฯกทม. เมื่อตอนเช้าวันที่ 21 มกราคม ทางทีวีช่องหนึ่ง จะตั้งข้อสังเกตว่า
บรรยากาศการชิงหมายเลขผู้สมัคร ผู้ว่าฯกทม. น่าเบื่อหน่าย
ที่น่าเบื่อ ท่านเฉลยว่าเพราะ เหมือนๆ กันทุกครั้ง
บางท่านให้ความเห็นว่า การหาเสียงด้วยนโยบายต่างๆ ของผู้ว่าฯกทม.
เอาเข้าจริงก็จะทำไม่ได้
เพราะมีปัจจัยเกี่ยวข้องมากมาย
ไหนจะต้องไป "ดีล" กับรัฐบาลกลางที่นั่งทับซ้อนอยู่
ไหนยังจะต้องไปสร้างสมดุลกับสภานิติบัญญัติของท้องถิ่น ได้แก่สภาของ ส.ก.
ไหนยังข้าราชการ กทม. ซึ่งมีวิธีคิดวิธีทำงานในแบบ "ราชการ"
ความเบื่อหน่ายของผู้ร่วมวงเสวนา อาจจะมาจากการมองไม่เห็น
ประสิทธิภาพของ กทม.
มองเห็นแต่ด้านมืด ด้านร้ายของการเลือกตั้งบุคคลไปทำหน้าที่บริหารกรุงเทพฯ
ถามว่าการเลือกตั้ง กทม. และพิธีกรรมต่างๆ นั้น เหมือนกันทุกครั้งจริงหรือ
หากติดตามข่าวสาร และเปรียบเทียบด้วยใจเป็นธรรม จะเห็นความแตกต่าง
และความเปลี่ยนแปลง
ผู้สมัคร 16-17 คนในวันแรก อาจหน้าเดิมก็จริง
อย่าง วรัญชัย โชคชนะ, สมิทธิ์ สมิทธินันทน์ แน่นอนว่าไม่นับว่าเป็นคนใหม่
แต่พรรคการเมืองหลักๆ ที่ลงแข่ง ตัวละครเปลี่ยนไป
อย่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หมายเลข 16 ก็ไม่นับเป็นคนใหม่ แม้จะได้เบอร์ใหม่
คาดว่า พรรคประชาธิปัตย์ที่ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ลงสมัครเที่ยวนี้ จะไม่ใช้
แทคติคเดิมๆ อีก
หน้าใหม่จริงๆ ก็อย่าง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ถอดเครื่องแบบมาใส่เสื้อเพื่อไทย
ได้หมายเลข 9
แค่ "หมายเลข" ก็สนุก และเรียกเสียงวิจารณ์ครื้นเครง
เป็นบรรยากาศ "ประชาธิปไตย" ของการแสดงความคิดความเห็น ความชอบ-ไม่ชอบ
ซึ่งจะไม่มี หากเป็นระบบแต่งตั้ง
ประเด็นสำคัญของการเลือกตั้งผู้ว่าฯคือ "ประสิทธิภาพ" ของผู้ว่าฯกรุงเทพฯ
หากทำงานได้ดี ตอบสนองปัญหา สื่อสารกับประชาชนได้ คงยากที่จะหาเหตุมาเบื่อ
ประสิทธิภาพขึ้นกับวิสัยทัศน์ และความสามารถเชิงบริหารของบุคคลนั้นมี
เพียงพอจะขับเคลื่อน กทม.หรือไม่
บุคลิกลักษณะเฉพาะตัวเป็นผู้ใฝ่ใจในการทำงาน สนใจปัญหา และตั้งใจจะแก้ไข
มากน้อยเพียงใด
หากลงสมัครในนามพรรค ก็ยังขึ้นกับวิสัยทัศน์และนโยบายของพรรค
นอกเหนือจากวิสัยทัศน์และนโยบายของตัวผู้ว่าฯเอง
หากพรรคการเมืองและตัวบุคคล ไม่มีนโยบายและวิสัยทัศน์ต่อปัญหาของ
กรุงเทพฯ ไม่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ
การทำงานย่อมล้มเหลว โดยไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดช่วยได้
เป็นผลอันมาจากเหตุที่เข้าใจได้ง่ายๆ
ปัญหาคือ ความล้มเหลว ในการทำงานตำแหน่งสำคัญ ย่อมก่อให้เกิด
ผลกระทบที่กว้างขวาง
โพลสวนดุสิต เปิดเผยในวันเดียวกัน ระบุว่า ประชาชนมองว่า การเลือกตั้ง
จะรุนแรง/ดุเดือด ร้อยละ 52.17 และไม่รุนแรง/ดุเดือด ร้อยละ 47.83
รุนแรงและดุเดือด ประเด็นหนึ่ง เพราะเป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 พรรคใหญ่
ที่มีแนวทาง แนวคิดต่างกัน
ผ่านการปะทะในระดับชาติ เมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายแพ้
ครั้งนี้ จึงไม่ต้องการแพ้อีก ขณะที่พรรคเพื่อไทย ยังไม่เคยมีผู้ว่าฯกทม.มาก่อน
เป็นการต่อสู้ภายใต้กฎกติกาของกฎหมาย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ด้วยกฎกติกาง่ายๆ ชนะได้ทำงาน บริหาร แก้ปัญหากรุงเทพฯไป
แพ้ก็กลับบ้าน
แพ้-ชนะ เป็นเรื่องที่ประชาชนตัดสิน ด้วยเหตุผลเรื่องผลงาน ความพึงพอใจ
ในด้านต่างๆ
ทำงานแล้วชอบ-ไม่ชอบ 4 ปี ก็มาเลือกตั้งใหม่ เป็นวงจรปกติของระบอบประชาธิปไตย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1358824037&grpid=01&catid=&subcatid=
"ปราชญ์" เขาคุยกันทางทีวี ช่องไหน ? ....
ใครได้ดูบ้าง สงเคราาะห์หน่อยสิคะ .... เพิ่งรู้นะ ว่า "ปราชญ์"
เบื่อหน่าย .....
เบื่อหน่ายการชิงหมายเลข ... ผู้สมัครไม่เห็นจะเบื่อหน่ายเลย
ไม่งั้นคงไม่แห่กันมารอ หรอก ...
ใช่ค่ะ .... ทำงานแล้ว ชอบ - ไม่ชอบ 4 ปีมาเลือกตั้งกันใหม่ ....
เรื่องนี้ ... เอ่ยขึ้นมาทีไร ... ต้องมีคนกล่าวหาว่า ......
ประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง ..... แล้วหัวใจของมันคืออะไร ?
เลือกตั้งผู้ว่าฯ เฟ้นผู้บริหาร-มือทำงาน ด้วยกลไก "ประชาธิปไตย" ....มติชนออนไลน์
ก็ไม่แปลกอะไร ที่วงเสวนาของ "ปราชญ์" ที่ตั้งวงสังเกตการณ์การรับสมัคร
ผู้ว่าฯกทม. เมื่อตอนเช้าวันที่ 21 มกราคม ทางทีวีช่องหนึ่ง จะตั้งข้อสังเกตว่า
บรรยากาศการชิงหมายเลขผู้สมัคร ผู้ว่าฯกทม. น่าเบื่อหน่าย
ที่น่าเบื่อ ท่านเฉลยว่าเพราะ เหมือนๆ กันทุกครั้ง
บางท่านให้ความเห็นว่า การหาเสียงด้วยนโยบายต่างๆ ของผู้ว่าฯกทม.
เอาเข้าจริงก็จะทำไม่ได้
เพราะมีปัจจัยเกี่ยวข้องมากมาย
ไหนจะต้องไป "ดีล" กับรัฐบาลกลางที่นั่งทับซ้อนอยู่
ไหนยังจะต้องไปสร้างสมดุลกับสภานิติบัญญัติของท้องถิ่น ได้แก่สภาของ ส.ก.
ไหนยังข้าราชการ กทม. ซึ่งมีวิธีคิดวิธีทำงานในแบบ "ราชการ"
ความเบื่อหน่ายของผู้ร่วมวงเสวนา อาจจะมาจากการมองไม่เห็น
ประสิทธิภาพของ กทม.
มองเห็นแต่ด้านมืด ด้านร้ายของการเลือกตั้งบุคคลไปทำหน้าที่บริหารกรุงเทพฯ
ถามว่าการเลือกตั้ง กทม. และพิธีกรรมต่างๆ นั้น เหมือนกันทุกครั้งจริงหรือ
หากติดตามข่าวสาร และเปรียบเทียบด้วยใจเป็นธรรม จะเห็นความแตกต่าง
และความเปลี่ยนแปลง
ผู้สมัคร 16-17 คนในวันแรก อาจหน้าเดิมก็จริง
อย่าง วรัญชัย โชคชนะ, สมิทธิ์ สมิทธินันทน์ แน่นอนว่าไม่นับว่าเป็นคนใหม่
แต่พรรคการเมืองหลักๆ ที่ลงแข่ง ตัวละครเปลี่ยนไป
อย่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หมายเลข 16 ก็ไม่นับเป็นคนใหม่ แม้จะได้เบอร์ใหม่
คาดว่า พรรคประชาธิปัตย์ที่ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ลงสมัครเที่ยวนี้ จะไม่ใช้
แทคติคเดิมๆ อีก
หน้าใหม่จริงๆ ก็อย่าง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ถอดเครื่องแบบมาใส่เสื้อเพื่อไทย
ได้หมายเลข 9
แค่ "หมายเลข" ก็สนุก และเรียกเสียงวิจารณ์ครื้นเครง
เป็นบรรยากาศ "ประชาธิปไตย" ของการแสดงความคิดความเห็น ความชอบ-ไม่ชอบ
ซึ่งจะไม่มี หากเป็นระบบแต่งตั้ง
ประเด็นสำคัญของการเลือกตั้งผู้ว่าฯคือ "ประสิทธิภาพ" ของผู้ว่าฯกรุงเทพฯ
หากทำงานได้ดี ตอบสนองปัญหา สื่อสารกับประชาชนได้ คงยากที่จะหาเหตุมาเบื่อ
ประสิทธิภาพขึ้นกับวิสัยทัศน์ และความสามารถเชิงบริหารของบุคคลนั้นมี
เพียงพอจะขับเคลื่อน กทม.หรือไม่
บุคลิกลักษณะเฉพาะตัวเป็นผู้ใฝ่ใจในการทำงาน สนใจปัญหา และตั้งใจจะแก้ไข
มากน้อยเพียงใด
หากลงสมัครในนามพรรค ก็ยังขึ้นกับวิสัยทัศน์และนโยบายของพรรค
นอกเหนือจากวิสัยทัศน์และนโยบายของตัวผู้ว่าฯเอง
หากพรรคการเมืองและตัวบุคคล ไม่มีนโยบายและวิสัยทัศน์ต่อปัญหาของ
กรุงเทพฯ ไม่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ
การทำงานย่อมล้มเหลว โดยไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดช่วยได้
เป็นผลอันมาจากเหตุที่เข้าใจได้ง่ายๆ
ปัญหาคือ ความล้มเหลว ในการทำงานตำแหน่งสำคัญ ย่อมก่อให้เกิด
ผลกระทบที่กว้างขวาง
โพลสวนดุสิต เปิดเผยในวันเดียวกัน ระบุว่า ประชาชนมองว่า การเลือกตั้ง
จะรุนแรง/ดุเดือด ร้อยละ 52.17 และไม่รุนแรง/ดุเดือด ร้อยละ 47.83
รุนแรงและดุเดือด ประเด็นหนึ่ง เพราะเป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 พรรคใหญ่
ที่มีแนวทาง แนวคิดต่างกัน
ผ่านการปะทะในระดับชาติ เมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายแพ้
ครั้งนี้ จึงไม่ต้องการแพ้อีก ขณะที่พรรคเพื่อไทย ยังไม่เคยมีผู้ว่าฯกทม.มาก่อน
เป็นการต่อสู้ภายใต้กฎกติกาของกฎหมาย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ด้วยกฎกติกาง่ายๆ ชนะได้ทำงาน บริหาร แก้ปัญหากรุงเทพฯไป
แพ้ก็กลับบ้าน
แพ้-ชนะ เป็นเรื่องที่ประชาชนตัดสิน ด้วยเหตุผลเรื่องผลงาน ความพึงพอใจ
ในด้านต่างๆ
ทำงานแล้วชอบ-ไม่ชอบ 4 ปี ก็มาเลือกตั้งใหม่ เป็นวงจรปกติของระบอบประชาธิปไตย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1358824037&grpid=01&catid=&subcatid=
"ปราชญ์" เขาคุยกันทางทีวี ช่องไหน ? ....
ใครได้ดูบ้าง สงเคราาะห์หน่อยสิคะ .... เพิ่งรู้นะ ว่า "ปราชญ์"
เบื่อหน่าย .....
เบื่อหน่ายการชิงหมายเลข ... ผู้สมัครไม่เห็นจะเบื่อหน่ายเลย
ไม่งั้นคงไม่แห่กันมารอ หรอก ...
ใช่ค่ะ .... ทำงานแล้ว ชอบ - ไม่ชอบ 4 ปีมาเลือกตั้งกันใหม่ ....
เรื่องนี้ ... เอ่ยขึ้นมาทีไร ... ต้องมีคนกล่าวหาว่า ......
ประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง ..... แล้วหัวใจของมันคืออะไร ?