หลักฐานเริ่มชัด! ต้องหยุดขายชาติ

กระทู้สนทนา
กระทรวงการต่างประเทศได้ออกเอกสารเผยแพร่เรื่องข้อเท็จจริงที่คนไทยควรรู้เกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหารที่กำลังถูกเขมรฟ้องคาอยู่ในศาลโลก....ข้อเท็จจริงหลายเรื่องที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าวทำให้ความจริงเริ่มชัดเจนมากขึ้นทุกทีว่า มีคนขายชาติ

                คนขายชาติได้สมคบกับเขมรยืมมือศาลโลกเพื่อให้ตัดสินให้ดินแดนไทยถึง 19 ล้านไร่ตกเป็นของเขมร แล้วเอาผลประโยชน์ทั้งทางบก ทางทะเล ไปแบ่งปันกัน

                เอกสารเผยแพร่ดังกล่าวมีความตอนหนึ่งยอมรับความจริงว่า ในคดีปราสาทพระวิหารที่ศาลโลกได้ตัดสินในปี พ.ศ. 2505 ในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐบาลเขมรได้ยื่นฟ้องประเทศไทยเป็นสองรอบ คือ

                รอบแรก ยื่นฟ้องเมื่อ ค.ศ. 1959 หรือ พ.ศ. 2502 เป็นการฟ้องเรียกเอาตัวปราสาทพระวิหารว่าเป็นของเขมร ขอให้ศาลโลกตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นอธิปไตยของเขมร

                รอบที่สอง เมื่อ ค.ศ. 1962 หรือ พ.ศ.2505 เขมรได้ยื่นคำร้องเพิ่มเติมคำฟ้อง กล่าวอ้างว่าพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารตามแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 เป็นของเขมรด้วย

                แต่น่าละอายยิ่งนักที่ผู้คนในกระทรวงการต่างประเทศปกปิดไม่เปิดเผยความจริงให้ครบถ้วนว่า ในการฟ้องคดีรอบที่สองในรูปแบบของการยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องนั้นเป็นอย่างไร

                กระทรวงการต่างประเทศคงสรุปคำตัดสินของศาลโลกว่าตัดสินเฉพาะตัวปราสาทพระวิหาร ว่าเป็นอธิปไตยของเขมร แต่ก็ได้ยอมรับเอาไว้เองว่าศาลโลกไม่ได้ตัดสินเรื่องพื้นที่หรือดินแดนรอบปราสาทพระวิหาร

                ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่จะเผยให้เห็นว่า มีการขายชาติ มีการสมคบกันเพื่อยกดินแดนไทยให้กับเขมร ดังนั้นข้อเท็จจริงอะไรที่ขาดหายไป หรือที่ถูกปกปิดไว้จึงต้องนำเอามาแฉและนำเอามาเปิดเผย เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศและทหารทุกเหล่าทัพได้รู้เช่นเห็นชาติของขบวนการขายชาติ และจะได้ทำหน้าที่รักษาเอกราชอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญได้อย่างเต็มภาคภูมิ

                คำฟ้องรอบที่สองที่เขมรฟ้องเรียกเอาดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร ตามแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 ในรูปแบบของคำฟ้องเพิ่มเติมนั้น ในเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศที่ว่าคนไทยควรรู้ แต่ไม่ได้เปิดเผยไว้คือ รัฐบาลไทยไม่ยอมรับศาลโลก ไม่ยอมรับให้เขมรเพิ่มเติมคำฟ้อง

                นั่นคือเมื่อเขมรยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องเรียกเอาดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรอบปราสาทพระวิหารแล้ว โดยข้อกำหนดวิธีพิจารณาความของศาลโลก ศาลโลกไม่มีอำนาจสั่งว่าจะดำเนินคดีในส่วนนี้ได้หรือไม่ เพราะต้องรอฟังประเทศที่เป็นภาคีก่อน ศาลโลกจึงสั่งให้ส่งสำเนาแก่ทนายความฝ่ายไทยว่า จะคัดค้านการเพิ่มเติมคำฟ้องหรือไม่

                คณะทนายความได้รับสำเนาคำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องพร้อมคำสั่งศาลแล้ว ได้เสนอต่อรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ว่า สมควรเห็นชอบให้เขมรเพิ่มเติมคำฟ้องเรียกเอาดินแดนได้

                คณะรัฐมนตรีที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นั่งเป็นประธาน มีมติมอบให้พระยาอรรถการีนิพนธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี

                พระยาอรรถการีนิพนธ์ได้ตั้งคณะทำงาน มีศาสตราจารย์กำธร พันธุลาภ เนติบัณฑิตอังกฤษ  ผู้พิพากษา พร้อมด้วยนายบุศย์ ขันธวิทย์ เนติบัณฑิตไทย ผู้พิพากษา และคนอื่น ๆ อีก เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ โดยพระยาอรรถการีนิพนธ์ได้สอบถามนายบุศย์ ขันธวิทย์ เป็นการส่วนตัวก่อนว่าในฐานะที่เคยเป็นทนายความมาก่อน มีความเห็นเรื่องเขมรขอเพิ่มเติมคำฟ้องอย่างไร

                นายบุศย์ ขันธวิทย์ แจ้งแก่พระยาอรรถการีนิพนธ์ว่า ไม่มีธรรมเนียมที่ไหนที่ฝ่ายโจทก์จะเพิ่มเติมคำฟ้องให้ตัวเองเสียเปรียบ มีแต่จะเพิ่มเติมเพื่อเอาเปรียบฝ่ายจำเลย เพียงเหตุผลเท่านี้ก็ต้องคัดค้านไม่ให้เขมรเพิ่มเติมคำฟ้อง ท่านเจ้าคุณพระยาอรรถการีนิพนธ์เห็นด้วย

                คณะทำงานพิจารณาเรื่องแล้วมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ให้รัฐบาลไทยคัดค้านการเพิ่มเติมคำฟ้อง คือไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกให้พิจารณาเรื่องดินแดน และไม่ยอมรับให้เขมรเพิ่มเติมคำฟ้องเรื่องดินแดน

                ศาลโลกจึงมีคำสั่งยกคำร้องที่ฟ้องเรียกเอาดินแดนของเขมรนั้นเสีย ดังนั้นคดีดังกล่าวจึงพิพาทกันเฉพาะตัวปราสาทพระวิหาร และประเทศไทยก็แพ้คดีเฉพาะตัวปราสาทพระวิหาร นี่คือเหตุผลว่าทำไมศาลโลกจึงไม่ได้พิพากษาเรื่องดินแดนและเรื่องแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 เพราะเป็นเรื่องนอกฟ้อง นอกประเด็น

                ดังนั้นไอ้หน้าไหนก็ตามที่มาโกหกคนไทยว่าศาลโลกตัดสินให้ดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร ตามแผนที่ 1:200,000 เป็นของเขมรจึงเป็นวาทกรรมของพวกขายชาติ ทรยศ กบฏชาติ ที่ต้องประหารชีวิตสถานเดียวเท่านั้น!

ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/5033

ปล..ย้ำ...พวกขายชาติ ทรยศ กบฏชาติ ที่ต้องประหารชีวิตสถานเดียวเท่านั้น! เอิ๊ก ๆ ๆ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่