สงครามชิงกรุงเทพ ฯ : สงครามชิงเมืองไทย ...ถ้าเปิดใจรับฟัง มันก็น่าคิด

กระทู้สนทนา
สงครามชิงกรุงเทพ ฯ : สงครามชิงเมืองไทย                  
          ก็คงรู้กันแล้วนะครับว่าการรณรงค์เพื่อหาเสียงสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานครได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และมีใครบ้างที่จะสมัครรับเลือกตั้ง
          โดยกำเนิดผมเป็นคนจังหวัดอุดรธานี ไม่ได้เป็นคนกรุงเทพ ฯ แต่ผมก็เหมือน ๆ กับคนรุ่น ราวคราวเดียวกับผมอีกเป็นอันมาก ที่เมื่อเกิดและเรียนจบชั้นมัธยมในต่างจังหวัดแล้วต้องเข้ามา เรียนต่อในชั้นที่สูงขึ้นในกรุงเทพ ฯ เพราะบ้านนอกไม่มีที่ให้เรียน  และอย่างในกรณีของผมเมื่อ เรียนจนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ก็หางานทำในกรุงเทพ ฯ ต้องย้ายสำมะโนครัวมาอยู่กรุงเทพ ฯ และ กลายเป็นคนกรุงเทพ ฯ ไป
          ผมเป็นคนกรุงเทพ ฯ มานานเป็นเวลากว่า ๕๐ ปีหรือครึ่งศตวรรษ เพราะฉะนั้นจึงมีความ ผูกพันกับกรุงเทพ ฯ มากเป็นธรรมดา แต่ผมไม่เคยนึกว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องและผูกพันกับราช การบริหารกรุงเทพ ฯ เพราะผมเลือกการเป็นตำรวจเป็นอาชีพ  กรมตำรวจเป็นส่วนหนึ่งของราช การบริหารส่วนกลาง ส่วนกรุงเทพ ฯ นั้นอยู่ในราชการบริหารส่วนท้องถิ่น
          แต่แล้วผมก็ได้เข้าไปมีส่วนรู้เห็นราชการบริหารกรุงเทพ ฯ เริ่มตั้งแต่สมัยคุณอภิรักษ์ โกษะ โยธิน เป็นผู้ว่าราชการ เมื่อท่านตั้งอาจารย์ ดร.สิปนนท์ เกตุทัต (ล่วงลับไปแล้ว) เป็นประธานคณะ กรรมการประเมินการทำงานของผู้ว่าราชการกรุงเทพ ฯ และผมรับเชิญจากอาจารย์สิปนนท์ไปร่วม เป็นกรรมการด้วยผู้หนึ่ง
          ต่อมาก็เมื่อคุณชาย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพ ฯ เชิญให้ผมไปเป็น ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนการทุจริตและประพฤติมิชอบในการบริหารราชการกรุงเทพ มหานคร (สสท.กทม.) และผมรับเชิญ
          ถ้าจะดูประวัติความเกี่ยวข้องระหว่างผมกับผู้บริหารกรุงเทพ ฯ แล้ว และเลยดูไปถึงการที่ ผมรับเชิญจากคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูประบบงานตำรวจ ในสมัย ท่ีท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ใคร ๆ ก็คงนึกว่าผมเป็นสมาชิกพรรคหรือสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์  แต่ที่จริงผมไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคนั้นเลย ที่เคยสนับสนุนและลงคะแนนเสียงให้พรรคประชา ธิปัตย์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางสมัยนั้น ผมก็ไม่ได้ทำด้วยความเลื่อมใสหรือนิยม ยินดีในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ทำด้วยเหตุผลส่วนตัว เพราะคนในพรรคที่ผมรู้จักนับถือหรือเลื่อมใส ต่างหาก เช่นคุณอภิสิทธิ์และคุณชายสุขุมพันธุ์
          เพราะความรู้จักนับถือและผูกพันส่วนตัวดังที่ได้เขียนไปแล้ว และเพราะพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว คราวนี้ผมจึงตัดสินใจแน่นอนที่จะสนับสนุนและลงคะแนนเลือกคุณชายสุขุมพันธ์ุ เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพ ฯ อีกสมัยหนึ่ง
          เหตุผลประการแรกของผมคือ ขณะที่ผมทำหน้าที่เป็นประธาน สสท.กทม.อยู่ ผมได้เห็น และตระหนักในความอุตสาหะมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของคุณชายสุขุมพันธ์ุ ที่จะอุทิศตัวเองทำหน้าที่ผู้ว่า ราชการ กทม.ให้ดีที่สุด  ข้อที่คนอื่นเห็นเป็นข้อเสียของคุณชาย คือความไม่เป็นคนช่างพูด และด่า ใครไม่เป็นนั้น สำหรับผมกลับเป็นคุณสมบัติที่ผมเห็นว่าทำให้คุณชายเป็นนักการเมืองน้ำดีชนิดที่ หาได้ยากสำหรับคนกรุงเทพ ฯ และคนไทย
          เหตุผลประการที่สองคือ ผมเห็นว่าคุณชายสุขุมพันธุ์เป็นผู้ว่าราชการ กทม.ที่ “ผ่านศึก” คือ ได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่า มีความสามารถที่จะเผชิญวิกฤตการณ์ที่ทำความยิ้มร้ายแรงที่สุดให้แก่ กรุงเทพ ฯ คือมหาอุทกภัยในปี พ.ศ.๒๕๕๔  ตลอดเวลาของวิกฤตการณ์นั้น ถ้าเปรียบเทียบกับ การสงคราม คุณชายก็เป็นแม่ทัพที่ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารทุกชั้น อย่างไม่เห็นแก่ความ เหนื่อยยากหรืออันตราย  ยิ่งกว่านั้น คุณชายยังต้องรบสงครามสองด้านในเวลาเดียวกัน คือนอก จากจะรบกับน้ำแล้ว ยังต้องรบกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (หรือ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร) ที่คอยขัดขวางหรือรังควานด้วยเหตุผลทางการเมือง และคุณชายก็ทำได้สำเร็จ แม้จะบอบช้ำ บ้างเป็นธรรมดา
          เหตุผลประการที่สามของผมเป็นเหตุผลทางการเมือง  ผมเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (หรือของ(พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร) กำลังดำเนินนโยบายแบบประชานิยม ใช้วิธี เอาใจคนด้วยการแจกเงินในรูปต่าง ๆ เช่น รับจำนำข้าว คืนภาษีสำหรับรถยนต์คันแรก เป็นการ ผลาญเงินงบประมาณของชาติก้อนมหาศาล แต่ซ่อนเงื่อนไขไว้  การดำเนินนโยบายแบบนี้ ผมเห็น ว่าในไม่ช้าจะทำลายเศรษฐกิจของประเทศลงอย่างย่อยยับ และจะเป็นผลเสียหายร้ายแรงมหาศาล แก่บ้านเมือง
          ถ้าคนของพรรคเพื่อไทย (หรือของ(พ.ต.ท.)ทักษิณ) ได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมก็กลัวและแน่ใจว่ารัฐบาลของพรรคเพื่อไทย (หรือของ(พ.ต.ท.)ทักษิณ) จะต้องฉวยโอกาสยึดเอา งบประมาณของ กทม.ประมาณกว่า ๕ หมื่นล้านบาท (ซึ่งคือเงินของคนกรุงเทพ ฯ และของผมด้วย) ไปหว่านและผลาญเพิ่มจากที่กำลังทำอยู่กับงบประมาณของชาติ ทำความยิ้มซ้ำซ้อนหนักลงไป อีกให้แก่บ้านเมือง
          เราไม่ต้องการข้าศึกทั้งที่เปิดเผยและที่ปลอมแปลงตัวมา แต่ต้องการคนที่เคยรบกับข้าศึกมา แล้ว ไปทำหน้าที่แม่ทัพเพื่อรบกับข้าศึกที่กำลังเขมือบเมืองไทยอยู่ในขณะนี้
          ด้วยเหตุผลข้างต้น ผมจึงจะลงคะแนนเลือกตั้งคุณชาย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่า ราชการกรุงเทพมหานครอีกวาระหนึ่ง ขอเรียกร้องเชิญชวนท่านผู้อ่านให้ทำด้วย  หากท่านเห็นแก่ บ้านเมือง ท่านต้องออกไปใช้สิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนให้คุณชายสุขุมพันธุ์  มิฉะนั้นเราอาจจะเสีย กรุงเทพ ฯ ให้แก่ข้าศึกไป
          กรุงเทพมหานครเป็นปราการสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในสงครามชิงเมืองไทย ถ้าเสียกรุงเทพ ฯ ให้แก่ข้าศึกศัตรู ก็เกือบจะเท่ากับเสียเมืองไทยทั้งประเทศ.

โดย วสิษฐ เดชกุญชร (Vasit Dejkunjorn)
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่