'อยุธยา' ...ในความหวังเจ้าภาพวัดเวิลด์เอ็กซ์โป 2020

ที่มา: หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556




ข้อคิดเห็นของ "ธงชัย ศรีดามา" กรรมการปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ : สสปน. (องค์การมหาชน) ที่ประเมินว่า โอกาสที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในฐานะพื้นที่ซึ่งประเทศไทยได้เสนอให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน "เวิลด์เอ็กซ์โป 2020" หรือในปี 2563 มีแนวโน้มที่จะไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นพื้นที่จัดงาน โดยมีความเป็นไปได้สูงที่เมืองดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะมีโอกาสได้รับการพิจารณามากที่สุด ปัจจัยแห่งความพร้อมที่ทำให้ดูไบมีความโดดเด่นที่จะได้รับการคัดเลือกจากองค์การนิทรรศการนานาชาติ (บีไออี) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก็คือ ความพร้อมที่จะทุ่มเทงบประมาณที่สูงถึง 100 ล้านบาทในการจัดกิจกรรมเพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ การสร้างโครงข่ายระบบขนส่งใต้ดินมาถึงพื้นที่ของการจัดงาน รวมไปถึงการมีพันธมิตรมหาอำนาจอย่างประเทศจีนที่พร้อมจะให้การสนับสนุน นั่นก็ทำให้โอกาสของไทยดูจะลดลงไปโดยปริยาย

ก่อนหน้านี้ สสปน. ได้มอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษา 3 รายศึกษาถึงความเป็นไปในการเสนอตัวของ 6 จังหวัดที่จะขอเป็นเจ้าภาพ เพื่อได้รับพิจารณาให้ใช้เป็นพื้นที่จัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 โดยจังหวัดที่เสนอตัว ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี จันทบุรี เพชรบุรี เชียงใหม่ และภูเก็ต ผลตัดสินปรากฏว่า พระนครศรีอยุธยามีความพร้อมและศักยภาพมากที่สุด สิ่งที่ทำให้พระนครศรีอยุธยาได้รับเลือกให้เป็นพื้นที่ของการจัดงานก็คือ โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่สามารถเชื่อมต่อได้กับทุกภูมิภาค รวมถึงการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านที่สามารถเดินทางมาได้ ทั้งทางรถยนต์ เครื่องบิน และรถไฟ

ขณะที่แผนการพัฒนาด้านการคมนาคมจะมีโครงการรองรับ ทั้งก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างบางปะอิน-นครสวรรค์ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างบางปะอิน-นครราชสีมา โครงการก่อสร้างทางหลวงสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร โครงข่ายการคมนาคมทางถนนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะทำให้ใช้ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ มาที่พระนครศรีอยุธยาใช้เวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น แผนการพัฒนาระบบคมนาคมที่น่าสนใจประกอบด้วย การคมนาคมระบบราง จะมีการก่อสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพ-พระนครศรีอยุธยา ในระบบรางคู่ อีกทั้งยังมีเส้นทางการเดินรถไฟที่ผ่านพระนครศรีอยุธยา 2 สาย คือ ขบวนรถโดยสารที่มีปลายทางสู่ภาคเหนือ ไป-กลับวันละ 18 ขบวน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไป-กลับวันละ 20 ขบวน ลงได้ 2 สถานี คือ สถานีเชียงรากน้อย และบางปะอิน

การเดิทางโดยรถไฟเข้ากรุงเทพฯ สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รถไฟฟ้าใต้ดิน และระบบแอร์พอร์ต ลิงค์ ที่สถานีหัวลำโพง และสถานีรถไฟบางซื่อได้ การคมนาคมทางอากาศ สามารถที่จะเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิถึงศูนย์ศิลปาชีพบางไทรด้วยทางหลวงพิเศษระยะทาง 82 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 50 นาที และจากสนามบินดอนเมืองถึงศูนย์ศิลปาชีพบางไทร (ใช้เส้นทางพหลโยธิน) ระยะทาง 42 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที ส่วนผลที่จะได้รับหากประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานโดยใช้พื้นที่พระนครศรีอยุธยา จะทำให้กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี และสระบุรี มีเม็ดเงินหมุนเวียนขึ้นในระบบ

ขณะที่งบลงทุนคาดว่าจะอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาทสำหรับรองรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งสาธารณูปโภค ระบบคมนาคม และค่าซื้อพื้นที่ข้างเคียงศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ด้วยเหตุที่ว่าพื้นที่การจัดงานเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เนื้อที่มากกว่า 1,500 ไร่ ขณะที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร พื้นที่ศูนย์กลาง มีเนื้อที่โดยรวมเพียง 1,200 ไร่ จึงมีความจำเป็นต่อการที่จะต้องใช้พื้นที่เพิ่มเติม โดยข้อมูลของการศึกษาพบว่า หากจัดบนพื้นที่ 1,200 จะสามารถรองรับผู้มาร่วมงานได้มากกว่า 27 ล้านคน ขณะเดียวกันหากขยายพื้นที่ได้ตามที่ศึกษา ตัวเลขของผู้ที่มาร่วมงานจะไปอยู่ที่ 35 ล้านคน นี่คือการหมุนเวียนของผู้มาชมงานตลอด 6 เดือนของการจัดงาน นับตั้งแต่มกราคม-มิถุนายนในปี 2556 อันหมายถึงรายได้ทางตรงช่วงจัดงานที่น่าจะอยู่ที่ 6.2 หมื่นล้านบาท โดยที่มาของรายได้เกิดขึ้นทั้งจากค่าบัตรเข้าชมงานและรายได้จากผู้สนับสนุนจัดงาน และจะมีรายได้ทางอ้อมจากการลงทุนต่อเนื่อง การจ้างงาน

สำหรับความคืบหน้าในการคัดเลือกพื้นที่ ในปลายเดือนมกราคม คณะกรรมการบีไออีจะเดินทางมาตรวจความพร้อมในพื้นที่จริงของพระนครศรีอยุธยา และเข้าพบผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนำผลสำรวจไปนำเสนอเพื่อจัดทำบทสรุปในเดือนมิถุนายน และประกาศตัดสินพื้นที่ที่จะได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพในการจัดงานเดือนพฤศจิกายนนี้

ทั้งนี้ การเสนอตัวเพื่อเป็นพื้นที่เจ้าภาพของการจัดงาน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ประเทศพัฒนาแล้ว เดนมาร์ก เสนอโคเปนเฮเกน, แคนาดา เสนอมอนทรีออล, สหรัฐอเมริกา เสนอฮุสตัน นิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก, ออสเตรเลีย เสนอบริสเบน และฝรั่งเศส เสนอลีลล์ ส่วนกลุ่มประเทศใหม่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เสนอดูไบ, ตุรกี เสนออิสมีร์, ฟิลิปปินส์ เสนอมะนิลา, บราซิล เสนอเซาเปาโล ริโอเดอจาเนโร และไทย เสนอพระนครศรีอยุธยา โดยล่าสุดบีไออีให้การรับรอง 5 เมืองที่ได้รับเลือกให้เข้าชิงการเป็นเจ้าภาพ ซึ่งในจำนวนนั้นมีพระนครศรีอยุธยาของไทยรวมอยู่ด้วย

"ทราบว่าทางบีไออีจะส่งผู้แทนลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมของประเทศไทย ดังนั้น ทางจังหวัดจึงร่วมกับ สสปน. และศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ต้อนรับคณะที่จะเดินทางมา โดยมีกำหนดลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยาในวันที่ 30 มกราคมนี้ สิ่งที่เราจะทำคือ การเสนอความเป็นอยุธยา เสนอความเป็นไทย ให้คณะกรรมการได้สัมผัส ชูจุดแข็งความเป็นไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่น และจะเสนอความคืบหน้าของการเตรียมความพร้อมอีกครั้งในเดือนมิถุนายนนี้ ก่อนที่คณะกรรมการบีไออีจะมีผลตัดสินออกมาในเดือนพฤศจิกายนว่า จะให้เมืองใดเป็นเจ้าภาพ โดยประเทศที่เป็นคู่แข่งขณะนี้คือ บราซิล และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งส่วนตัวผมยังมีความหวังว่าจะได้รับเลือก" วิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าว

ดังนั้น การเดินทางลงพื้นที่ของผู้แทนองค์การนิทรรศการนานาชาติจึงมีความหมายอย่างยิ่ง และเป็นความท้าทายของรัฐบาลไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า จะสามารถพลิกฟื้นโอกาสให้แก่ตัวเองได้หรือไม่ หลังจากที่ประสบความสำเร็จได้เป็น 1 ใน 5 ประเทศที่ได้รับการพิจารณา

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่