คิดให้ดีก่อนจะดูแลใคร เดี๋ยวจะเข้าสุภาษิตไทย "เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด"
ท่านผู้ทรงเมตตาทั้งหลาย นักสิทธิมนุษยชน นักพรตพรามห์พรหม เทพเทวดาผู้ทรงศีลจงมองดูให้ถี่ถ้วนก่อนจะสายเกินไป...
การโอบอุ้มชาวโรฮิงญาในแง่หลักมนุษยธรรม ใช่...มันเป็นการดี..
แต่ในแง่อนาคตของลูกหลานประชาชนชาวไทยในอนาคตล่ะ...?? ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่
ท่านควรคิดในแง่ข้อเสียให้มากๆ เพราะหากมันเกิดขึ้นจริงท่านจะรับมือมันได้ทันท่วงที แต่หากท่านคิดว่าทุกอย่างมันง่ายอย่างที่ตาท่านเห็น วันหนึ่งพวกท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายอาจทำได้เพียงเหลือบตามองเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้...
!!!ท่านเคยคิดไหมว่าการอพยพไหลเข้าของชาวโรฮิงญาอาจจะไม่หยุดแค่หลักพัน แต่จะไหลทะลักเข้ามาเรื่อยๆ เพราะเรายึดหลักเมตตาธรรมมากเกินไป...
- ที่ผ่านมา 800 กว่าคน
- วันที่ 17 ม.ค. บ้านตำมะลังเหนือ หมู่ 2 ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล นำกำลังไปตรวจสอบพบชาวโรฮิงญาเป็นชายทั้งหมด มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวม 52 คน
- วันที่ 17 ม.ค. ช่วงบ่าย หมู่ 3 ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี พบชาวโรฮิงญามีทั้งชาย หญิง เด็ก และผู้ใหญ่รวม 174 คน
(และแน่นอนว่าจะไม่หยุดแค่นี้แน่)
!!!ท่านเคยคิดถึงความมั่นคงที่ชาวโรฮิงญาอาจตกเป็นเป้าหมายของฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงในการล้างสมองเข้ากระบวนการหรือไม่...
!!!หากวันหนึ่งพวกเขาลุกขึ้นมาอ้างสิทธิ์ที่พวกเขาควรจะได้ พวกท่านจะทำเช่นไร จะไล่พวกเขาออกจากประเทศไทยตอนนั้นก็คงสายเกินไปแล้ว...
หนึ่งเหตุการณ์ของชาวโรฮิงญาที่มาอาศัยอยู่ในบ้านเมืองเราแทนที่จะแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนให้เห็น กลับแสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว...
ชาวโรฮิงญายังทะลักเข้าไทยไม่หยุด ที่สตูลและพังงาจับได้อีก 226 คน ขณะที่ชาวโรฮิงญา 4 คนบุกหน้ากระทรวงบัวแก้ว เรียกร้องหยุดผลักไสเพื่อนร่วมเชื้อชาติ
บริเวณด้านหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ถนนพระราม 6 เมื่อเวลา 12.00 น. ได้มีตัวแทนชาวโรฮิงญาในประเทศไทย 4 คน มารวมตัวกันชูป้ายข้อความ “หยุดฆ่าชาวโรฮิงญา” และ “หยุดผลักไสชาวโรฮิงญา” พร้อมประกาศเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ชาวโรฮิงญาผู้ไร้สัญชาติ จากนั้นตัวแทนชาวโรฮิงญาเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องต่อกระทรวงการต่างประเทศขอให้รัฐบาลไทยพิจารณายกเลิกการส่งตัวชาวโรฮิงญาใน จ.สงขลา ไปยังประเทศพม่า และขอเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยค้นหาชาวโรฮิงญาที่ลี้ภัยออกมาแต่หายตัวไประหว่างเดินทางที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในป่าลึกและทะเลทางภาคใต้ของประเทศไทย นอกจากนี้ กลุ่มชาวโรฮิงญาเตรียมยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวไปยังสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และมาเลเซีย ประจำประเทศไทยด้วย
ชาวโรฮิงญา 4 คนบุกหน้ากระทรวงบัวแก้ว เรียกร้องหยุดผลักไสเพื่อนร่วมเชื้อชาติ
ท่านผู้ทรงเมตตาทั้งหลาย นักสิทธิมนุษยชน นักพรตพรามห์พรหม เทพเทวดาผู้ทรงศีลจงมองดูให้ถี่ถ้วนก่อนจะสายเกินไป...
การโอบอุ้มชาวโรฮิงญาในแง่หลักมนุษยธรรม ใช่...มันเป็นการดี..
แต่ในแง่อนาคตของลูกหลานประชาชนชาวไทยในอนาคตล่ะ...?? ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่
ท่านควรคิดในแง่ข้อเสียให้มากๆ เพราะหากมันเกิดขึ้นจริงท่านจะรับมือมันได้ทันท่วงที แต่หากท่านคิดว่าทุกอย่างมันง่ายอย่างที่ตาท่านเห็น วันหนึ่งพวกท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายอาจทำได้เพียงเหลือบตามองเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้...
!!!ท่านเคยคิดไหมว่าการอพยพไหลเข้าของชาวโรฮิงญาอาจจะไม่หยุดแค่หลักพัน แต่จะไหลทะลักเข้ามาเรื่อยๆ เพราะเรายึดหลักเมตตาธรรมมากเกินไป...
- ที่ผ่านมา 800 กว่าคน
- วันที่ 17 ม.ค. บ้านตำมะลังเหนือ หมู่ 2 ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล นำกำลังไปตรวจสอบพบชาวโรฮิงญาเป็นชายทั้งหมด มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวม 52 คน
- วันที่ 17 ม.ค. ช่วงบ่าย หมู่ 3 ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี พบชาวโรฮิงญามีทั้งชาย หญิง เด็ก และผู้ใหญ่รวม 174 คน
(และแน่นอนว่าจะไม่หยุดแค่นี้แน่)
!!!ท่านเคยคิดถึงความมั่นคงที่ชาวโรฮิงญาอาจตกเป็นเป้าหมายของฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงในการล้างสมองเข้ากระบวนการหรือไม่...
!!!หากวันหนึ่งพวกเขาลุกขึ้นมาอ้างสิทธิ์ที่พวกเขาควรจะได้ พวกท่านจะทำเช่นไร จะไล่พวกเขาออกจากประเทศไทยตอนนั้นก็คงสายเกินไปแล้ว...
หนึ่งเหตุการณ์ของชาวโรฮิงญาที่มาอาศัยอยู่ในบ้านเมืองเราแทนที่จะแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนให้เห็น กลับแสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว...
ชาวโรฮิงญายังทะลักเข้าไทยไม่หยุด ที่สตูลและพังงาจับได้อีก 226 คน ขณะที่ชาวโรฮิงญา 4 คนบุกหน้ากระทรวงบัวแก้ว เรียกร้องหยุดผลักไสเพื่อนร่วมเชื้อชาติ
บริเวณด้านหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ถนนพระราม 6 เมื่อเวลา 12.00 น. ได้มีตัวแทนชาวโรฮิงญาในประเทศไทย 4 คน มารวมตัวกันชูป้ายข้อความ “หยุดฆ่าชาวโรฮิงญา” และ “หยุดผลักไสชาวโรฮิงญา” พร้อมประกาศเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ชาวโรฮิงญาผู้ไร้สัญชาติ จากนั้นตัวแทนชาวโรฮิงญาเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องต่อกระทรวงการต่างประเทศขอให้รัฐบาลไทยพิจารณายกเลิกการส่งตัวชาวโรฮิงญาใน จ.สงขลา ไปยังประเทศพม่า และขอเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยค้นหาชาวโรฮิงญาที่ลี้ภัยออกมาแต่หายตัวไประหว่างเดินทางที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในป่าลึกและทะเลทางภาคใต้ของประเทศไทย นอกจากนี้ กลุ่มชาวโรฮิงญาเตรียมยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวไปยังสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และมาเลเซีย ประจำประเทศไทยด้วย