รัฐบาลนายอภิสิทธิ์กับ 10 ข้อที่คุณสมจิตติ์ต้องรู้ !!

อุแหม่ !!  คุณสมจิตติ์มันจะดูไม่เอนเอียงไปหน่อยหรอจ๊ะทำมาวิจารณ์รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลอภิสิทธิ์ล่ะค๊ะไม่วิจารณ์หน่อยหรอค๊ะข้ามไปได้จะไดกัน...สามีก็ไม่ใช่นิวิจารณ์ได้ค่ะถ้างั้นขอดิชั้นลองทวนความจำให้หน่อยน๊ะค๊ะ 10 ข้อที่ประชาชนรับรู้และคุณสมจิต
ต้องรู้ค่ะ ^^"


1. ละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่เคารพสิทธิประชาชน

            ยุคทักษิณ : ปราบปรามประชาชนมือเปล่าด้วยความรุนแรง เช่น กรณีตากใบ และโรงแยกก๊าซจะนะ

            ยุคยิ่งลักษณ์ : ปราบปรามประชาชนมือเปล่าด้วยความรุนแรงจาก กรณีการชุมนุมของกลุ่มเสธ.อ้ายด่้วยการยิงแก๊สน้ำตาหมดอายุ และทำร้ายสื่อมวลชนหลายคนอย่างไร้เหตุผล

            ยุคอภิสิทธิ์ : สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 คน บาดเจ็บกว่า 2,000 คนและเป็นครั้งแรกที่พบทหารใช้สไนเปอร์ในการปราบปรามนับเป็นครั้งประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่มีผู้สูญเสียชีวิตมากที่สุดจนนานาประเทศไม่มีการเทียบเชิญให้นายอภิสิทธิ์ไปเยี่ยมประเทศเพื่อนบ้านเลยสักครั้ง

2. กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย พรรคพวกมาก่อนหลักการ

            ยุคทักษิณ : ใช้มวลชนกดดันองค์กรอิสระ เตรียมจัดม็อบหนุนชนม็อบต้านรัฐบาล เล่นพรรคเล่นพวกไม่สนกติกา สร้างความแตกแยก

            ยุคยิ่งลักษณ์ : ใช้มวลชนกดดันองค์กรอิสระ พร้อมจัดม็อบหนุนชนม็อบต้านรัฐบาล เล่นพรรคเล่นพวกไม่สนกติกา สร้างความแตกแยก

            ยุคอภิสิทธิ์ : จัดตั้งม๊อบเสื้อน้ำเงินถือไม้ถือเหล็กชนผู้ชุมนุมเสื้อแดงเรียกร้องประชาธิปไตย สร้างความแตกแยก ดูถูกรากหญ้าว่าเป็นผู้มีความรู้น้อยไม่ให้ความเสมอภาคจนทำให้ประชาชนเรียกร้องสิทธิของตัวเองและอภิสิทธิ์แพ้การเลือกตั้งในครั้งล่าสุดกว่า 4 ล้านคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง


3. ทำลายองค์กรอิสระ กวาดล้างอำนาจตุลาการ

            ยุคทักษิณ : แทรกแซงองค์กรอิสระตั้งแต่กระบวนการสรรหาด้วยการบล็อคโหวต โดยสามารถควบคุม กกต.และ ปปช.ได้ในยุคหนึ่งก่อนที่จะถูกรัฐประหารในวันที่ 19 ก.ย.49

            ยุคยิ่งลักษณ์ : เตรียมรื้อ รธน.ยุบองค์กรอิสระ ปรับโครงสร้างตุลาการ รวบอำนาจมาไว้ที่ฝ่ายบริหาร อ้างว่าต้องยึดโยงกับประชาชนผ่านเสียงข้างมากในสภา

            ยุคอภิสิทธิ์ : แต่งตั้งโยกย้ายราชการแบบไม่เป็นธรรมไม่แต่งตั้ง เพรียวพันธ์ เป็น ผบ.ตร เพราะไม่ใช่พวกพ้องของตัวเองซึ่งทำให้องค์กรตำรวจไม่มี ผบ.ตร นานนับปี โยกย้ายอธิบดีของดีเอสไอแบบสายฟ้าแลบ และมีการซื้อตำแหน่งมากมายในยุคอภิสิทธิ์

      
4. เมินแก้ทุจริต คิดนโยบายเพื่อโกง

            ยุคทักษิณ : เป็นยุคแรกของการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายที่แพร่ขยายอย่างรวดเร็ว จากการกำหนดนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเอง อาทิ การแปลงสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตร

            ยุคยิ่งลักษณ์ : สานต่อการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย ออกแบบนโยบายเปิดช่องทุจริต เช่น โครงการรับจำนำข้าว โดยไม่สนใจความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง

            ยุคอภิสิทธิ์ : เป็นผู้นำคนแรกที่มีการทำโครงการไทยเข็มแข็งและประชาชนไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยพร้อมกันนั้นกลับพบการทุจริตมากมายและล่าสุดมีการก่อสร้างโรงพัก 300 กว่าแห่งแต่พบว่ามีการทิ้งร้างและงบ 5 พันกว่าล้านหายไปไหน ?  
    

5. ไม่เคารพสภา ไร้หัวใจประชาธิปไตย

            ยุคทักษิณ : เห็นประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจ ตลอดการบริหารประเทศเข้าสภาเพียงแค่ 12 ครั้ง ไม่เคยตอบกระทู้ฝ่ายค้าน ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะรวบรวมเสียงไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยการควบรวมพรรคเล็ก (คุณสมจิตต์น่าจะโง่วนะค๊ะที่ไม่เคยถูกอภิปรายเพราะว่าฝ่ายค้านไม่ยื่นอภิปรายเองนี่ค๊ะ)

            ยุคยิ่งลักษณ์ : ไม่มีความเข้าใจต่อระบอบประชาธิปไตยแต่ชอบอ้างระบบรัฐสภา ทั้งที่ไม่เคยให้ความเคารพต่อกระบวนการตรวจสอบ หนีการตอบกระทู้ในสภา ใช้สภาเป็นกลไกออกกฎหมายมุ่งล้างความผิดให้พี่ชายนักโทษ โดยไม่สนว่าจะขัดหลักนิติรัฐ นิติธรรม

            ยุคอภิสิทธิ์ : ไม่เคยเคารพต่อประชาธิปไตย บอตคอยการเลือกตั้งเพราะรู้ว่าตัวเองจะแพ้และเป็นนายกฯที่ไม่ได้รับชนะการเลือกตั้งนับเป็นผู้ที่หวยหาตำแหน่งนายกฯมากกว่าท่านใดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา

6. เอาประชาชนเป็นข้ออ้างแต่ทุกอย่างทำเพื่อตัวเอง

            ยุคทักษิณ : ออกโครงการประชานิยมมากมายที่สร้างภาระให้กับประเทศสร้างหนี้ให้กับประชาชน เพื่อคะแนนนิยมทางการเมือง โดยใช้เงินภาษีประชาชนมาซื้ออำนาจให้กับตัวเอง

            ยุคยิ่งลักษณ์ : สานต่อโครงการประชานิยมพาชาติล่มสลาย ไม่สนผลกระทบต่อชาติ มุ่งแต่คะแนนนิยมทางการเมือง

            ยุคอภิสิทธิ์ : ออกโครงการแจกเงินฟรี ๆ 2,000.- บาท อยากได้ให้เลยประชาชนมึนแจกแล้วคนทั้งประเทศได้ประโยชน์อะไรภาษีเข้ารัฐก็ไม่ได้กลับคืนคิดนโยบายแจกฟรีบอกกง ๆ ถ้าไม่โง่วคิดม่ายได้

7. สร้างเครือข่ายการเมืองหนุนรัฐตำรวจสยายปีกเครือญาติ

            ยุคทักษิณ : ตั้งตำรวจเป็นใหญ่ในหลายหน่วยงานเพื่อเป็นมือเป็นไม้ อาทิ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ไปเป็นผู้อำนวยการกองสลากกินแบ่งรัฐบาล ตั้ง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ.

            ยุคยิ่งลักษณ์ :  ตั้งตำรวจเป็นใหญ่ในหลายหน่วยงานเพื่อเป็นมือเป็นไม้ อาทิ พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร อดีตนายตำรวจติดตาม ทักษิณ เป็น ผอ.กองสลากกินแบ่งรัฐบาล ตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น ผบ.ตร. เด้งขรก.ดีอย่าง ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขา สมช.ไปตบฝุ่น

            ยุคอภิสิทธิ์ : ตั้ง ผบ.ตร ไม่ได้เพราะคณะกรรมการไม่เห็นด้วยกับนายอภิสิทธิ์ที่จะตั้งพรรคพวกตัวเองเป็น ผบ.ตร เพื่อต้องการคุมสายงานตำรวจทั้งที่ไม่ถูกกติกา ศีลธรรมและธรรมมาภิบาล

8. อุ้มคนทุจริตไม่คิดวางระบบปราบโกง

            ยุคทักษิณ : ปรับ ครม.หนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ไม่มีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีที่ถูกครหาว่ามีปัญหาเรื่องการทุจริต

            ยุคยิ่งลักษณ์ :  อุ้มคนทุจริตร่วมกันโกหกสีขาวเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวทั้งที่ประเทศชาติเสียหาย เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ป.ป.ช.เรื่องการเสนอราคากลาง

            ยุคอภิสิทธิ์ : ปลากระป๋องเน่า(อภิสิทธิ์เงียบ)  GT200(อภิสิทธิ์เงียบ)  งานราชการชัก 30% เปอร์เซ็นต์และมากที่สุดในประวัติศาสตร์(อภิสิทธิ์เงียบ)  นมโรงเรียน(อภิสิทธิ์เงียบ)  ต้นกล้าอาชีพ(อภิสิทธิ์เงียบ) ชุมชนพอเพียง(อภิสิทธิ์เงียบ)  รถเมล์ NGV(อภิสิทธิ์เงียบ) เสาธงต้นละ 600,000 (อภิสิทธิ์เงียบ)

9. ไม่รู้จักจริยธรรม สนใจแต่วัตถุนิยม

            ยุคทักษิณ : ประดิษฐ์วาทกรรม "บกพร่องโดยสุจริต" หลังถูกตรวจพบ "ซุกหุ้น" ก่อนจะวิ่งเต้นจนชนะคดีในศาลรัฐธรรมนูญ กระทั่งหลีกเลี่ยงการเสียภาษีจากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปซึ่งนายสุวรรณ วลัยเสถียร อดีต รมช.พาณิชย์ที่ปรึกษาด้านภาษียอมรับว่า "ได้รับมอบหมายแค่เรื่องกฎหมายไม่ได้ดูเรื่องจริยธรรม"

            ยุคยิ่งลักษณ์ : ถูกผู้ตรวจการแผ่นดินท้วงติงถึงการแต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็น รมต.ว่าไม่ได้คำนึงถึงจริยธรรมอย่างเพียงพอ นอกจากไม่เคารพแล้วยังส่งลิ่วล้อออกมาโจมตีผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย

             ยุคอภิสิทธิ์ : สนใจแต่ซากวัตถุใจกลางเมืองไม่สนใจชีวิตคนทั้งที่สามารถสั่งให้ทหารหยุดยิงได้จิตใจโหดยิ้มไม่สมควรเป็นผู้นำได้ ประดิษฐ์แต่คำพูดให้ตัวเองดูดี แต่งตั้งนายกษิต ภิรมณ์เพราะผลประโยชน์ตอบแทนที่ช่วยปิดสนามบินจนข้าได้เป็นนาโยกกกกก !

10. โกหกรายวันใช้สื่อตบตาประชาชน

            ยุคทักษิณ : พูดจากลับไปกลับมาเชื่อถือไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องการวางมือทางการเมืองที่เคยประกาศเว้นวรรคให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการนายกฯ แต่เปลี่ยนใจกลับมาทำหน้าที่เอง ครอบงำสื่อปิดหู ปิดตาประชาชน สร้างภาพเศรษฐกิจเฟื่องฟูซุกหนี้ไว้ใต้พรม

            ยุคยิ่งลักษณ์ : กหกรายวันไม่ต่างจากพี่ชาย ปากอ้างเคารพรัฐสภาแต่ไม่เคยเข้าสภา ไร้ความรู้ขาดความสนใจในการบริหารประเทศไม่รู้แม้กระทั่งน้ำมันเบนซินขึ้นราคา อ้างไม่ทำเพื่อพี่ชายแต่ใช้กลไกสภาเดินเครื่องเต็มที่ ลอยตัวหนีปัญหาทำเศรษฐกิจชาติซบ ส่งออกโคม่า หนี้เริ่มวิกฤตทั้งหนี้ประเทศและหนี้ประชาชนบ้านเมืองดิ่งเหวถ้าประเทศได้รัฐบาลที่ไม่ศรัทธาในความดี ไม่ละอายต่อการทำชั่ว

            ยุคอภิสิทธิ์ : ใช้สื่อโดยเฉพาะคุณสมจิตต์ในการประโคมข่าวด่าฝ่ายตรงข้าม ใช้งบภาษีกว่า 2000 ล้านบาทประชาสัมพันธ์ตัวเองเพื่อคะแนนความนิยม บริหารบ้านเมืองแบบขาดดุล กู้เงินเป็นล้านล้านแต่ไม่สามารถส่งเงินคืน IMF ได้แม้แต่บาทเดียวคืนก่อนประกาศยุบสภาประกาศลั่นเงินเหลือในท้องพระคลังกว่าแสนล้านบาทสาวกดีใจนึกว่าอภิสิทธิ์ทำได้ที่ไหนได้ ล้านล้านบาทเหลือแสนกว่าล้านบาทเงินในคลังเหลือน้อยก็เพิ่มภาษีเอาเก็บเพิ่ม ๆ เดี๋ยวเงินในคลังก็มีเอง ยาบ้าระบาดต้องยอมรับจิง ๆ เพราะลูกของ สก. สข. สส. พรรคประชาธิปัตติ์เองก็ถูกจับรายวันเฮฮาบันเทิงกันเลยทีเดียว


PS: เพื่อความเสมอภาคดิชั้นเลยทำ 3 ภาค 3 ยุคมาให้ดูเลยจร้ๅๅๅๅ  เอิ๊กๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่