นักวิเคราะห์แนะเลี่ยงลงทุน STA-KSL ในระยะสั้น หวั่นเงินบาทแข็งค่าพ่นพิษ
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่าทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในปัจจุบัน ถือเป็น
Sentiment เชิงลบต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มส่งออก (ทั้งชิ้นส่วนฯ และอาหาร) เนื่องจากราย
ได้ส่วนใหญ่ของผู้ประกอบการจะอยู่ในรูปสกุลเงินต่างประเทศ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินดอลลาร์
สหรัฐฯ) ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ในรูปสกุลเงินบาท ทั้งนี้ ค่าเงินบาท ณ ปัจจุบันที่
ระดับ 29.81 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อยู่ต่ำกว่าสมมติฐานของฝ่ายวิจัยที่กำหนดไว้ที่ระดับ 30
บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ และหากค่าเงินบาทจะยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอีกในช่วงที่เหลือของปี 2556 ก็
ถือเป็นประเด็นเสี่ยงที่อาจทำให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มส่งออกในปี 2556 ปรับตัวลดลงจาก
เดิมที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้
ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ต่อกำไรสุทธิของหุ้น
รายตัวในกลุ่มชิ้นส่วนฯ และเกษตร-อาหาร พบว่าจะกดดันให้ความสามารถในการทำกำไรลดลง
กล่าวคือทุก 1 บาท ที่แข็งค่าขึ้นจะกดดันให้กำไรของกลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, HANA,
SVI,CCET, KCE, SMT) ลดลงเฉลี่ย 3.4% ขณะที่กลุ่มอาหาร พบว่าได้รับผลกระทบราว
3.2% โดยหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือ STA, KSL,TUF โดยจะลดลงราว 5.5%, 5% และ
4% ตามลำดับ ฉะนั้นในระยะสั้นจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นเหล่านี้ไปก่อน
เรียบเรียง โดย อาภรณ์ สุภาพ
อนุมัติ โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 18/01/13 เวลา 9:39:21
แต่วันนี้ ราคายางล่วงหน้าเริ่มฟื้นแล้ว
STA... FC
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่าทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในปัจจุบัน ถือเป็น
Sentiment เชิงลบต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มส่งออก (ทั้งชิ้นส่วนฯ และอาหาร) เนื่องจากราย
ได้ส่วนใหญ่ของผู้ประกอบการจะอยู่ในรูปสกุลเงินต่างประเทศ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินดอลลาร์
สหรัฐฯ) ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ในรูปสกุลเงินบาท ทั้งนี้ ค่าเงินบาท ณ ปัจจุบันที่
ระดับ 29.81 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อยู่ต่ำกว่าสมมติฐานของฝ่ายวิจัยที่กำหนดไว้ที่ระดับ 30
บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ และหากค่าเงินบาทจะยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอีกในช่วงที่เหลือของปี 2556 ก็
ถือเป็นประเด็นเสี่ยงที่อาจทำให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มส่งออกในปี 2556 ปรับตัวลดลงจาก
เดิมที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้
ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ต่อกำไรสุทธิของหุ้น
รายตัวในกลุ่มชิ้นส่วนฯ และเกษตร-อาหาร พบว่าจะกดดันให้ความสามารถในการทำกำไรลดลง
กล่าวคือทุก 1 บาท ที่แข็งค่าขึ้นจะกดดันให้กำไรของกลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, HANA,
SVI,CCET, KCE, SMT) ลดลงเฉลี่ย 3.4% ขณะที่กลุ่มอาหาร พบว่าได้รับผลกระทบราว
3.2% โดยหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือ STA, KSL,TUF โดยจะลดลงราว 5.5%, 5% และ
4% ตามลำดับ ฉะนั้นในระยะสั้นจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นเหล่านี้ไปก่อน
เรียบเรียง โดย อาภรณ์ สุภาพ
อนุมัติ โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 18/01/13 เวลา 9:39:21
แต่วันนี้ ราคายางล่วงหน้าเริ่มฟื้นแล้ว