เมื่อวาน 16/01/2556 20:30น. แถวสรงประภา28
ผมเกิดอุบัติเหตุ มีรถมอเตอร์ไซด์ แซงซ้ายจะปาดหน้ารถผมแต่ไม่พ้นไปเฉี่ยวท้ายรถ Honda city สีขาวที่จอดรอเลี้ยว .. เลยเซมาชนรถผมที่ขับอยู่เลนขวาสุด ... ประกันขอทั้งผมและรถยนต์อีกคัน ใช้ของ กรุงเทพประกันภัยทั้งคู่
พอผมโทรไปแจ้ง ปลายสายบอกว่า เขารับเรื่องรถอีกคันไว้แล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกัน จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปที่หน้างาน
เหตุการณ์ ที่ 1 :
หลังจากรอประมาณ 30 นาที พนักงานขับรถมอเตอร์ใส่เสื่อแจ๊คเก๊ตสีกากี รูปร่างใหญ่ ผิวเข้ม ตัดผม skinhead ทั้งหัว อายุประมาณ 40+ (ดูไม่ออกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ประกัน)
ผมก็รอให้เขาคุยกันระหว่างคู่่กรณีหลักสักพักใหญ่ๆ ในบทสนทนาไม่มีพูดถึงรถคันที่3(ของผมเลย)
ผม : "มีรถผมด้วยนะ"
ผมก็พูดขึ้นไป เพื่อจะลองถามดูว่า คุณทราบรึเปล่า
พนักงาน : "อะไรเนี่ย ... รถคันไหนอีกกกก ผมไม่ทราบ เขาแจ้งผมมาว่ามี 1 คันนะ ... "
ผม : "ผมโทรไปแจ้งเขาบอกว่ารับเรื่องแล้ว"
พนักงาน : "แต่ผมไม่ได้รับเรื่อง ยังไง คุณต้องโทรไปแจ้งเรื่องเขาใหม่ได้ไหม... "
พูดเสร็จก็ไม่ได้สนใจ ดูรถจดนู่นนี่นั่นต่อไป
ผม : "ก็ผมแจ้งไปแล้วนะ เขาก็บอกว่าเดี๊ยวจะส่งเจ้าหน้าที่มาคนเดียวดูให้ทั้งสองคันเลย "
ผมยังย้ำว่า โทรแจ้งไปแล้ว...
พนักงาน : "นั่นแหละ โทรไปอีกรอบนึงแล้วกัน แจ้งเขาใหม่..."
อ่ะ อันนี้ผมโทรกลับไปใหม่ก็ได้ ไม่ซีเรียส แจ้งแล้วเขาก็โทรมาคุยกันเอง แต่ก็สงสัยทำไม

ไม่โทรคุยกันเองวะ ก็บอกไปแล้วว่าโทรแจ้งไปแล้ว อันนี้จบไป
เหตุการณ์ที่ 2 :
หลังจากตกลงกันไม่เรียบร้อย คู่กรณีหลักยังไม่ได้ข้อสรุปว่าใครผิด เขาก็เดินมาเก็บเลขไมล์ เลขเครื่องรถผม
พนักงาน : "เดี๊ยวขอดูเลขไมค์หน่อยครับ และช่วยเปิดกระโปรงหน้ารถหน่อยครับ ผมจะดูเลขเครื่อง"
ผมก็ดำเนินการช่วยให้ มันเข้าไปดูเลขไมล์ แล้วบอกว่า
พนักงาน : "มองไม่เห็นเลย ช่วยดูให้ผมหน่อย"
OK ดูแล้วบอกตัวเลขให้
พนักงาน : "ช่วยเปิดกระโปรงหน้ารถด้วยครับ "
ผม : "ก็เปิดแล้วไงครับ"
พนักงาน : "คือช่วยมาเปิดกระโปรงหน้ารถขึ้นให้ผมด้วย " แล้วก็ยืนรอหน้ารถ ...
อืม ... โอเค คงเปิดไม่เป็นมั้ง ผมคิดในแง่ดี ก็เลยเดินลงไปเปิดฝากระโปรงหน้ารถให้มันดูตัวเลข ....
มันก็ส่องไฟ หานู่นี่นั่น (ผมเพิ่งเข้าศูนย์เขาล้างห้องเครื่องมาอย่างสะอาด)
พนักงาน : " รถ Honda city นี่มันดูเลขยากจริงๆ หาไม่เจอ .... คุณมีสำเนาทะเบียนรถไหม? "
ผมก็เดินไปหาให้ แต่ก็งงๆ เพราะทุกทีไม่เคยเรียกหา ... แล้ววดันหาไม่เจอ เพราะเพิ่งเอาเข้าศูนย์ เลยยังไม่ได้เอามาใส่ไว้
ผม : "หาไม่เจอครับ ... ต้องใช้ด้วยเหรอ ปกติที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นประกันเรียกดูเลยนะ"
ผมถามให้คลายสงสัย
พนักงาน : "ไม่มีได้ไง นี้ถ้าตำรวจเรียกนี่คุณซวยเลยนะ ถ้าไป สน.xxxx นี่คุณโดนเล่นเลย"
ผม : "ก็มันไม่มี แล้วจะยังไง"
พนักงาน : "งั้นคุณจะต้องส่งสำเนาทะเบียนรถตามไปทีหลังแล้วแหละ"
ไรวะ เคลมมาหลายครั้งไม่เคยต้องทำแบบนี้
ผม : "แต่ก่อนไม่เคยต้องทำ ทำไมครั้งนี้ต้องทำ"
พนักงาน : "ก็มันไม่มีเลขเครื่อง.. "
คือหน้าที่มันไม่ทำ โยนภาระมาให้ลูกค้าเฉย
ผมเลยไปหาเอกสารที่พึ่งเข้าศูนย์มาให้เขาดู เพราะมันมีเลขเครื่องอยู่
ผม : "เอาเลขนี้ไป ใช้ได้ไหม"
มันก็จดๆ แล้วเดินไปเคลียร์อย่างอื่นต่อ
เหตุการณ์ที่ 3 :
หลังจากคู่กรณีหลักตกลงกันไม่ได้ มันก็เลยบอกว่า งั้นต้องไปคุยกันที่โรงพักแล้วแบบนี้ ก็เลยไปโรงพักกันหมด ที่ สน.ดอนเมือง ตอนนั้นประมาณ จะ 4 ทุ่มแล้ว
หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย มอไซด์รับจ้างคู่กรณีไม่มีใบขับขี่ยอมด้วย ก้รับผิดไป โดนปรับ 400 บาท (แต่เหมือนคนขับมอเตอร์ไซด์จะเข้าใจว่า เขาจะเสียแค่ 400 แล้วจบไป)
ก็มาถึงคราวที่จะต้องเคลียร์ว่ารถผมจะต้องเคลมอะไรบ้าง ซึ่งรถจอดอยู่หน้าโรงพัก สน.ดอนเมือง
พนักงาน : "ไหนดูซิ มีอะไรบ้าง"
ผม : "เนี่ยครับ มันโดนตั้งแต่ ไฟเลี้ยวทับทิมข้างรถ ตรงล้อหน้า บุบยาวไปถึงประตูหลังเลย และกระจกข้างโดนชนจนมันพับเลยด้วย"
พนักงาน : "มันพับได้ไง?? มันชนมาด้านข้าง มันจะไปพับได้ไง" (พยายามจะเลี่ยง)
ผม : "ก้มันล้มมาตั้งแต่หลังล้อหน้ามาชนกระจกข้าง และไฟทับทิมเด้งออกมาเนี่ย แล้วลากยาวไปถึงประตูหลังซ้าย เนี่ย ... "
ผมเดินไปดูกระจกข้าง เปิดขึ้นมาลองขยับดู มันก็ไม่ได้มีรอยอะไร กดลองเลื่อนไฟฟ้าดูก็ยังใช้งานได้ ก็เลยไม่ได้ย้ำอะไรมาก ... แต่มันไม่ควรจะมาพูดเลี่ยงการประกันแบบนั้น
หลังจากนั้นผมก็ไปชี้ให้ดูต่อ
ผม : "แต่เนี่ย ไฟเลี้ยวทับทิมด้านข้างมันเด้งออกมาเนี่ยครับ"
พนักงาน : เดินเข้าไป แล้วกด กรึ๊บ! ลงไป ... "เรียบร้อยแล้ว มันเด้งดีดออกหน่ะ ... OK นะ หมดไป 1 จุด"
ผม : "อ้าว ไหงงั้น" เลยเดินไปเปิดไฟดูว่ามันทำงานไหม มันทำงานได้ ก็เลยช่างมัน แต่ก็รมณ์เสียนะที่มันทำแบบนี้อีกแล้ว แต่ก็พูดไม่ออก
ตอนนั้น เพื่อนผมอยู่แถวนั้น เขาตามมาช่วยดูให้ด้วยตอนที่มา สน. ก็ดูเหตุการณ์มาตลอด มันก็คงเคื่องด้วยแหละ ก็เลยเดินไปช่วยดูตรงหลอดไฟทับทิมเลี้ยว ด้านข้างรถ ว่ามันมีรอยอะไรอีกไหม
เพื่อน : "แต่ตรงหลังจากไฟทับทิม มันก็มีรอยขูดอยู่นะ เห็นไหมเนี่ย"
ซึ่งผมก้ไม่ได้สังเกตุเพราะมันมืด พอไปมองดูก็มีจริงแต่ไม่ได้มากอะไร ยาวประมาณครึ่งเซ็นต์
พนักงาน : "โห นิดเดียวเอง อย่าไปเอาน้องเขาเลย" #น้องเขานี่คงหมายถึงมอไซด์
เพื่อน : "แล้วมันมีรอยจริงรึเปล่าหล่ะ ถ้ามี มันก็คือมี ก็บันทึกไปด้วย จะมาพูดเลี่ยงๆแล้วไม่บันทึกไปได้ไง"
พนักงาน : "ได้ๆ เอ้าน้อง มาชี้ไว้เลยนะ เดี๊ยวผมจะถ่ายรูปไว้ เอ้ามาชี้ไว้เลย"
เขาเรียกผมไป น้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่
จริงๆผมก็ไม่ได้อะไรมากนะ รอยไม่เยอะ แต่

กวนตีน ก็เลยเดินไปชี้แล้วมันก็ถ่ายรูปไป
เพื่อน : "มันเป็นรอยจริงก็ต้องบันทึกไว้ ... "
ยังพูดย้ำ อย่างมีอารมณ์เคืองๆ ว่าทำไมบริษัทประกันไม่สนใจลูกค้าตัวเอง
พอมันได้ยินมันก็พูดลอยขึ้นมาว่า...
พนักงาน : "หรือ จะให้บันทึกว่าเคลมทั้งคันเลยไหมหล่ะ ผมบันทึกให้ได้นะ! ... "
แล้วมันก็เดินไปเขียนใบเคลมต่อ
เพื่อน : "อะไรนะ! พูดงี้หมายความว่าไง"
เพื่อนก็เดินเข้าไปหา
พนักงาน : "แล้วคุณเป็นใคร เป็นเจ้าของรถรึไง แล้วมายุ่งอะไร!! เจ้าของรถยังไม่พูดอะไรเลย จะมาเดือดร้อนอะไร!! ..... ผมไม่กลัวหรอกนะ จะเอายังไง"
มันเดินเข้ามาหาเพื่อนผมด้วย ...
เพื่อนผมกับมันยืนประจันหน้ากับมันแล้ว ... หน้า สน.ดอนเมือง!! ตร.

ก็เฮฮากันอยู่ข้างใน ... ผมเลยดึงเพื่อนออกมาหน่อย บอกว่า อย่าไปแลก มันไม่คุ้มมมม ก็ดึงออกมาให้มันแยกกัน
ผม : "แล้วไง มีอะไรอีกไหม "
ก็ให้มันเขียนใบเคลมให้เสร็จ จะได้แยกย้ายกันไป
พนักงาน : "ก็ตามรายการนี้ ช่วยเซ็นต์ชื่อให้ผมด้วย"
ผมเข้าไปดูไปอ่าน ก็มี 3 รายการ รอยข้างไฟทับทิม / ประตูหน้า L / ประตูหลัง L แล้วผมก็เซ็นไป
จะได้รีบแยกย้ายกันไป
มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย เพราะผมคุยกับเขาผมก้ยิ้มแย้มตลอด เคืองในใจบ้างแรกๆ(เหตุการณ์ 1/2) แต่ก้ยังยิ้มอยู่ คงเพราะผมไม่ใช่คู่กรณีหลักด้วยมั้ง แต่มันก็ทำให้เคืองมากขึ้นๆๆๆๆ จากพฤติกรรมทรามๆของมัน ที่มันทำกับลูกค้า .... เราเรียกให้เขามาดูแลเรา ไม่ใช่มาทรามใส่เรา!!
เหตุการณ์นี้ ผมโทรไปร้องเรียนกับ กรุงเทพประกันภัยแล้ว
ผมไม่รู้นะว่าเขาจะตอบสนอยังไง แต่เขาอ้างว่าเป็นบริษัท outsource ที่จ้างมา ... แต่การที่บริษัทจะให้ใครออกมาดูแลลูกค้า มันก็คือคนที่แบกหน้าบริษัท "กรุงเทพประกันภัย" ออกมา เขาสามารถมาเจรจา มาเซ็นต์เคลมได้ แปลว่าเขาก็ต้องผ่านการฝึกอบรมมา ... จะมาอ้างว่าเขาเป็น outsource หรืออะไรไม่ได้หรอกนะ ถ้ามันเสีย มันก็เสียไปหมด!! ... ถ้าเมื่อวานเกิดมีเรื่องชกต่อยกันจริงๆ จะเป็นยังไง!!! คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ที่ บริษัทประกันส่งเจ้าหน้าที่มาทำร้ายลูกค้า!!
สโลแกน "แคร์คุณทุกย่างก้าว" ... ตอนนี้กลายเป็น "ทรามใส่คุณทุกย่างก้าว" ไปแล้ว คนที่กลายเป็นคู่กรณีทำร้ายลูกค้า คือบริษัทกรุงเทพประกันภัยเอง เราจ่ายเงินให้คุณมาดูแลเรา ไม่ใช่ให้คุณมาทำร้ายเรา ... ผมไม่รู้ว่าในนี้มีใครใช้บริการ กรุงเทพประกันภัยอยู่บ้าง ก็ระวังตัวไว้นะ ว่าคนที่บริษัทกรุงเทพประกันภัยส่งมาให้ช่วยเหลือคุณ คุณอาจจะไม่ปลอดภัยมากกว่าเดิม!!!
กรุงเทพประกันภัย เปลี่ยนสโลแกนใหม่ จาก "แคร์คุณทุกย่างก้าว" ... ตอนนี้กลายเป็น "ทรามใส่คุณทุกย่างก้าว" ไปแล้ว
ผมเกิดอุบัติเหตุ มีรถมอเตอร์ไซด์ แซงซ้ายจะปาดหน้ารถผมแต่ไม่พ้นไปเฉี่ยวท้ายรถ Honda city สีขาวที่จอดรอเลี้ยว .. เลยเซมาชนรถผมที่ขับอยู่เลนขวาสุด ... ประกันขอทั้งผมและรถยนต์อีกคัน ใช้ของ กรุงเทพประกันภัยทั้งคู่
พอผมโทรไปแจ้ง ปลายสายบอกว่า เขารับเรื่องรถอีกคันไว้แล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกัน จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปที่หน้างาน
เหตุการณ์ ที่ 1 :
หลังจากรอประมาณ 30 นาที พนักงานขับรถมอเตอร์ใส่เสื่อแจ๊คเก๊ตสีกากี รูปร่างใหญ่ ผิวเข้ม ตัดผม skinhead ทั้งหัว อายุประมาณ 40+ (ดูไม่ออกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ประกัน)
ผมก็รอให้เขาคุยกันระหว่างคู่่กรณีหลักสักพักใหญ่ๆ ในบทสนทนาไม่มีพูดถึงรถคันที่3(ของผมเลย)
ผม : "มีรถผมด้วยนะ"
ผมก็พูดขึ้นไป เพื่อจะลองถามดูว่า คุณทราบรึเปล่า
พนักงาน : "อะไรเนี่ย ... รถคันไหนอีกกกก ผมไม่ทราบ เขาแจ้งผมมาว่ามี 1 คันนะ ... "
ผม : "ผมโทรไปแจ้งเขาบอกว่ารับเรื่องแล้ว"
พนักงาน : "แต่ผมไม่ได้รับเรื่อง ยังไง คุณต้องโทรไปแจ้งเรื่องเขาใหม่ได้ไหม... "
พูดเสร็จก็ไม่ได้สนใจ ดูรถจดนู่นนี่นั่นต่อไป
ผม : "ก็ผมแจ้งไปแล้วนะ เขาก็บอกว่าเดี๊ยวจะส่งเจ้าหน้าที่มาคนเดียวดูให้ทั้งสองคันเลย "
ผมยังย้ำว่า โทรแจ้งไปแล้ว...
พนักงาน : "นั่นแหละ โทรไปอีกรอบนึงแล้วกัน แจ้งเขาใหม่..."
อ่ะ อันนี้ผมโทรกลับไปใหม่ก็ได้ ไม่ซีเรียส แจ้งแล้วเขาก็โทรมาคุยกันเอง แต่ก็สงสัยทำไม
เหตุการณ์ที่ 2 :
หลังจากตกลงกันไม่เรียบร้อย คู่กรณีหลักยังไม่ได้ข้อสรุปว่าใครผิด เขาก็เดินมาเก็บเลขไมล์ เลขเครื่องรถผม
พนักงาน : "เดี๊ยวขอดูเลขไมค์หน่อยครับ และช่วยเปิดกระโปรงหน้ารถหน่อยครับ ผมจะดูเลขเครื่อง"
ผมก็ดำเนินการช่วยให้ มันเข้าไปดูเลขไมล์ แล้วบอกว่า
พนักงาน : "มองไม่เห็นเลย ช่วยดูให้ผมหน่อย"
OK ดูแล้วบอกตัวเลขให้
พนักงาน : "ช่วยเปิดกระโปรงหน้ารถด้วยครับ "
ผม : "ก็เปิดแล้วไงครับ"
พนักงาน : "คือช่วยมาเปิดกระโปรงหน้ารถขึ้นให้ผมด้วย " แล้วก็ยืนรอหน้ารถ ...
อืม ... โอเค คงเปิดไม่เป็นมั้ง ผมคิดในแง่ดี ก็เลยเดินลงไปเปิดฝากระโปรงหน้ารถให้มันดูตัวเลข ....
มันก็ส่องไฟ หานู่นี่นั่น (ผมเพิ่งเข้าศูนย์เขาล้างห้องเครื่องมาอย่างสะอาด)
พนักงาน : " รถ Honda city นี่มันดูเลขยากจริงๆ หาไม่เจอ .... คุณมีสำเนาทะเบียนรถไหม? "
ผมก็เดินไปหาให้ แต่ก็งงๆ เพราะทุกทีไม่เคยเรียกหา ... แล้ววดันหาไม่เจอ เพราะเพิ่งเอาเข้าศูนย์ เลยยังไม่ได้เอามาใส่ไว้
ผม : "หาไม่เจอครับ ... ต้องใช้ด้วยเหรอ ปกติที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นประกันเรียกดูเลยนะ"
ผมถามให้คลายสงสัย
พนักงาน : "ไม่มีได้ไง นี้ถ้าตำรวจเรียกนี่คุณซวยเลยนะ ถ้าไป สน.xxxx นี่คุณโดนเล่นเลย"
ผม : "ก็มันไม่มี แล้วจะยังไง"
พนักงาน : "งั้นคุณจะต้องส่งสำเนาทะเบียนรถตามไปทีหลังแล้วแหละ"
ไรวะ เคลมมาหลายครั้งไม่เคยต้องทำแบบนี้
ผม : "แต่ก่อนไม่เคยต้องทำ ทำไมครั้งนี้ต้องทำ"
พนักงาน : "ก็มันไม่มีเลขเครื่อง.. "
คือหน้าที่มันไม่ทำ โยนภาระมาให้ลูกค้าเฉย
ผมเลยไปหาเอกสารที่พึ่งเข้าศูนย์มาให้เขาดู เพราะมันมีเลขเครื่องอยู่
ผม : "เอาเลขนี้ไป ใช้ได้ไหม"
มันก็จดๆ แล้วเดินไปเคลียร์อย่างอื่นต่อ
เหตุการณ์ที่ 3 :
หลังจากคู่กรณีหลักตกลงกันไม่ได้ มันก็เลยบอกว่า งั้นต้องไปคุยกันที่โรงพักแล้วแบบนี้ ก็เลยไปโรงพักกันหมด ที่ สน.ดอนเมือง ตอนนั้นประมาณ จะ 4 ทุ่มแล้ว
หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย มอไซด์รับจ้างคู่กรณีไม่มีใบขับขี่ยอมด้วย ก้รับผิดไป โดนปรับ 400 บาท (แต่เหมือนคนขับมอเตอร์ไซด์จะเข้าใจว่า เขาจะเสียแค่ 400 แล้วจบไป)
ก็มาถึงคราวที่จะต้องเคลียร์ว่ารถผมจะต้องเคลมอะไรบ้าง ซึ่งรถจอดอยู่หน้าโรงพัก สน.ดอนเมือง
พนักงาน : "ไหนดูซิ มีอะไรบ้าง"
ผม : "เนี่ยครับ มันโดนตั้งแต่ ไฟเลี้ยวทับทิมข้างรถ ตรงล้อหน้า บุบยาวไปถึงประตูหลังเลย และกระจกข้างโดนชนจนมันพับเลยด้วย"
พนักงาน : "มันพับได้ไง?? มันชนมาด้านข้าง มันจะไปพับได้ไง" (พยายามจะเลี่ยง)
ผม : "ก้มันล้มมาตั้งแต่หลังล้อหน้ามาชนกระจกข้าง และไฟทับทิมเด้งออกมาเนี่ย แล้วลากยาวไปถึงประตูหลังซ้าย เนี่ย ... "
ผมเดินไปดูกระจกข้าง เปิดขึ้นมาลองขยับดู มันก็ไม่ได้มีรอยอะไร กดลองเลื่อนไฟฟ้าดูก็ยังใช้งานได้ ก็เลยไม่ได้ย้ำอะไรมาก ... แต่มันไม่ควรจะมาพูดเลี่ยงการประกันแบบนั้น
หลังจากนั้นผมก็ไปชี้ให้ดูต่อ
ผม : "แต่เนี่ย ไฟเลี้ยวทับทิมด้านข้างมันเด้งออกมาเนี่ยครับ"
พนักงาน : เดินเข้าไป แล้วกด กรึ๊บ! ลงไป ... "เรียบร้อยแล้ว มันเด้งดีดออกหน่ะ ... OK นะ หมดไป 1 จุด"
ผม : "อ้าว ไหงงั้น" เลยเดินไปเปิดไฟดูว่ามันทำงานไหม มันทำงานได้ ก็เลยช่างมัน แต่ก็รมณ์เสียนะที่มันทำแบบนี้อีกแล้ว แต่ก็พูดไม่ออก
ตอนนั้น เพื่อนผมอยู่แถวนั้น เขาตามมาช่วยดูให้ด้วยตอนที่มา สน. ก็ดูเหตุการณ์มาตลอด มันก็คงเคื่องด้วยแหละ ก็เลยเดินไปช่วยดูตรงหลอดไฟทับทิมเลี้ยว ด้านข้างรถ ว่ามันมีรอยอะไรอีกไหม
เพื่อน : "แต่ตรงหลังจากไฟทับทิม มันก็มีรอยขูดอยู่นะ เห็นไหมเนี่ย"
ซึ่งผมก้ไม่ได้สังเกตุเพราะมันมืด พอไปมองดูก็มีจริงแต่ไม่ได้มากอะไร ยาวประมาณครึ่งเซ็นต์
พนักงาน : "โห นิดเดียวเอง อย่าไปเอาน้องเขาเลย" #น้องเขานี่คงหมายถึงมอไซด์
เพื่อน : "แล้วมันมีรอยจริงรึเปล่าหล่ะ ถ้ามี มันก็คือมี ก็บันทึกไปด้วย จะมาพูดเลี่ยงๆแล้วไม่บันทึกไปได้ไง"
พนักงาน : "ได้ๆ เอ้าน้อง มาชี้ไว้เลยนะ เดี๊ยวผมจะถ่ายรูปไว้ เอ้ามาชี้ไว้เลย"
เขาเรียกผมไป น้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่
จริงๆผมก็ไม่ได้อะไรมากนะ รอยไม่เยอะ แต่
เพื่อน : "มันเป็นรอยจริงก็ต้องบันทึกไว้ ... "
ยังพูดย้ำ อย่างมีอารมณ์เคืองๆ ว่าทำไมบริษัทประกันไม่สนใจลูกค้าตัวเอง
พอมันได้ยินมันก็พูดลอยขึ้นมาว่า...
พนักงาน : "หรือ จะให้บันทึกว่าเคลมทั้งคันเลยไหมหล่ะ ผมบันทึกให้ได้นะ! ... "
แล้วมันก็เดินไปเขียนใบเคลมต่อ
เพื่อน : "อะไรนะ! พูดงี้หมายความว่าไง"
เพื่อนก็เดินเข้าไปหา
พนักงาน : "แล้วคุณเป็นใคร เป็นเจ้าของรถรึไง แล้วมายุ่งอะไร!! เจ้าของรถยังไม่พูดอะไรเลย จะมาเดือดร้อนอะไร!! ..... ผมไม่กลัวหรอกนะ จะเอายังไง"
มันเดินเข้ามาหาเพื่อนผมด้วย ...
เพื่อนผมกับมันยืนประจันหน้ากับมันแล้ว ... หน้า สน.ดอนเมือง!! ตร.
ผม : "แล้วไง มีอะไรอีกไหม "
ก็ให้มันเขียนใบเคลมให้เสร็จ จะได้แยกย้ายกันไป
พนักงาน : "ก็ตามรายการนี้ ช่วยเซ็นต์ชื่อให้ผมด้วย"
ผมเข้าไปดูไปอ่าน ก็มี 3 รายการ รอยข้างไฟทับทิม / ประตูหน้า L / ประตูหลัง L แล้วผมก็เซ็นไป
จะได้รีบแยกย้ายกันไป
มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย เพราะผมคุยกับเขาผมก้ยิ้มแย้มตลอด เคืองในใจบ้างแรกๆ(เหตุการณ์ 1/2) แต่ก้ยังยิ้มอยู่ คงเพราะผมไม่ใช่คู่กรณีหลักด้วยมั้ง แต่มันก็ทำให้เคืองมากขึ้นๆๆๆๆ จากพฤติกรรมทรามๆของมัน ที่มันทำกับลูกค้า .... เราเรียกให้เขามาดูแลเรา ไม่ใช่มาทรามใส่เรา!!
เหตุการณ์นี้ ผมโทรไปร้องเรียนกับ กรุงเทพประกันภัยแล้ว
ผมไม่รู้นะว่าเขาจะตอบสนอยังไง แต่เขาอ้างว่าเป็นบริษัท outsource ที่จ้างมา ... แต่การที่บริษัทจะให้ใครออกมาดูแลลูกค้า มันก็คือคนที่แบกหน้าบริษัท "กรุงเทพประกันภัย" ออกมา เขาสามารถมาเจรจา มาเซ็นต์เคลมได้ แปลว่าเขาก็ต้องผ่านการฝึกอบรมมา ... จะมาอ้างว่าเขาเป็น outsource หรืออะไรไม่ได้หรอกนะ ถ้ามันเสีย มันก็เสียไปหมด!! ... ถ้าเมื่อวานเกิดมีเรื่องชกต่อยกันจริงๆ จะเป็นยังไง!!! คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ที่ บริษัทประกันส่งเจ้าหน้าที่มาทำร้ายลูกค้า!!
สโลแกน "แคร์คุณทุกย่างก้าว" ... ตอนนี้กลายเป็น "ทรามใส่คุณทุกย่างก้าว" ไปแล้ว คนที่กลายเป็นคู่กรณีทำร้ายลูกค้า คือบริษัทกรุงเทพประกันภัยเอง เราจ่ายเงินให้คุณมาดูแลเรา ไม่ใช่ให้คุณมาทำร้ายเรา ... ผมไม่รู้ว่าในนี้มีใครใช้บริการ กรุงเทพประกันภัยอยู่บ้าง ก็ระวังตัวไว้นะ ว่าคนที่บริษัทกรุงเทพประกันภัยส่งมาให้ช่วยเหลือคุณ คุณอาจจะไม่ปลอดภัยมากกว่าเดิม!!!