Yak : The Giant King (ยักษ์) Review (มีSpoilแต่ซ่อนเรียบร้อยครับ ขอบคุณOptionใหม่จากพันทิพ)



ตั้งแต่ได้เห็นเทรเลอร์ตัวแรก สิ่งที่ผมนึกถึงอยู่เสมอเวลาคิดถึงภาพยนตร์อนิเมชั่นของไทยเรื่องนี้ก็คือ

จะรุ่งจะหรือจะร่วงเนี่ย?


ยอมรับว่าตื่นเต้นกับงานภาพในตัวอย่างมาก อนิเมชั่นค่อนข้างไหลลื่น ตัวละครที่ดูมีมิติ(ดูเป็นวัตถุ ต่างจากหลายๆเรื่องที่โมเดลตัวละครยังเหมือนภาพการ์ตูนที่ไม่รับรายละเอียดของแสงเงาเท่าไหร่) แต่สิ่งที่มันตะขิดตะขวงใจอยู่ก็...

"มันอาจจะห่วยก็ได้นะ?"
"สวยแค่ภาพรึเปล่า?" (ยังมีข้อครหาที่ว่าไปคล้ายเรื่อง Robot อีก)
"สุดท้ายก็แค่การ์ตูนที่ทำมาให้เด็ก 10- (สิบขวบหรือต่ำกว่า) ดูเท่านั้นล่ะมั้ง?"

แม้จะอยากส่งเสริมแค่ไหนแต่ประสบการณ์ที่ผ่านๆมากับอนิเมชั่นไทยก็ไม่ช่วยให้ผมมีความหวังสูงนัก กระนั้นก็ตั้งใจว่ายังไงจะไปดูให้ได้ เพื่อจะกลับมาชื่นชมหรือจะสับเละก็อีกเรื่องหนึ่ง และในที่สุดก็ได้ไปยลโฉม ณ โรงหนังธนาซีเพล็กซ์รอบบ่าย 2 โมง 10 นาที(02:10 PM)
(ปล. ขอบ่นนิด โรงหนังนี้ทำไมไม่เอา Rise of the Guardians กับ Wreck-It Ralph มาฉายฟร้า!!!! ออกจะดัง)



Act1
-(ต้นเรื่อง) เปิดตัวได้โอเค อนิเมชั่นที่คิดว่าลื่นไหลในเทรเลอร์....เอาเข้าจริงก็ยังไม่พริ้วเท่าไหร่ ยังมีช่วงที่แข็งๆอยู่บ้าง แต่จุดเด่นคือมุขตลก(ไม่ใช่มุขแนวคาเฟ่ด้วย!!)ที่ใส่มานั้นทำเอาเสียงหัวเราะดังก้องโรง ช่วงเวลาการตัดมุขทำได้ลื่นไหลและเป็นธรรมชาติดี คะแนนในช่วงเปิดตัวผมให้ 7/10 (ยังไม่มีอะไรน่าประทับใจมาก แต่ก็ให้ความบันเทิงเรื่อยๆ)

Act2
-(กลางเรื่อง) เริ่มจะกร่อย...เนื้อเรื่องเดี๋ยวก็เอื่อยเดี๋ยวก็เร่ง บทตัวละครที่มีอยู่แค่ไม่กี่ตัวก็ยังจะกระจายได้ไม่พอดี ทำให้ช่วงกลางเรื่องผมคิดว่าเป็นช่วงอ่อนที่สุด มีอยู่หลายตอนที่ผมนั่งดูแล้วขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกว่าการตัดต่อมันมั่วแบบแปลกๆ คะแนนจากต้นเรื่องตอนนี้ลดลงมาเหลือ 2/10 (เริ่มจะหวั่นใจ สงสัยจะเป็นหนังดีแต่หน้าฉากอีกแล้วล่ะมั้ง...)

Act3



(**ขออนุญาตไม่สาบานว่าไม่ใช่หน้าม้าของ Work Point เพราะตอนนี้พึ่งส่งใบสมัครฝึกงานไป เกิดได้ฝึกที่นี่ขึ้นมาเดี๋ยวจะหาว่าเราโกหกเรื่องไม่ส่วนได้เสียส่วนเสียกะบริษัทนี้....ถ้าได้น่ะนะ)

-Act3 ของอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นอะไรที่ทำให้ทั้งตาค้าง ตื่นเต้น ลุ้น และถึงขนาดเสียน้ำตาได้ตลอดช่วงท้ายเรื่อง ความเข้มข้นของ Act3 นั้นอาจจะมากกว่าหนังจากดิสนีย์บางเรื่องเสียอีก(ขอย้ำว่าแค่บางเรื่อง!!) อารมณ์ขุ่นๆพาลจะเกลียดจาก Act2 หายไปในพริบตา นี่คือช่วงเวลาที่สุดยอดที่สุดเท่าที่ผมเคยพบในการ์ตูนอนิเมชั่นของไทย คะแนนอารมณ์ตอนนั้นให้ 11/10!! ครับ สุดยอดแบบคาดไม่ถึงจริงๆ



ทั้งนี้นั่นคืออารมณ์ตอนดู ถ้าจะให้ประเมินตัวหนังทั้งเรื่อง ผมคงให้คะแนนได้แค่ 7/10 ส่วนที่เป็นข้อดีนั้นทำได้ดีมากๆ พอๆกับส่วนที่เป็นข้อเสียก็เสียจนทำให้หนังเป๋ไปเหมือนกัน


ข้อดี
-มุขตลกสบายๆ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย(ไม่ร้ายแรงสำหรับเด็ก และไม่ฝืดเกินไปสำหรับผู้ใหญ่)
-ฉากแอคชั่นที่ทำได้ตื่นเต้น...แม้จะมีไม่เยอะเท่าไหร่แต่ก็คุณภาพคับจอทุกฉาก
-ฉากดราม่าเรียกน้ำตาเข้าถึงอารมณ์
-ตัวละครมีเอกลักษณ์ จำง่าย ไม่มีออกมาแบบโดดๆ ทุกตัวมีบทบาทที่ทำให้เนื้อเรื่องดำเนินไปทั้งสิ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ข้อเสีย
-หลายๆช่วงดูเร่งรัด และตัวละครเอกไม่ได้มีพัฒนาการที่เด่นชัดเท่าไหร่
-ฉากบางฉากที่ควรจะเท่ห์หรือน่าเกรงขามด้วยดนตรีประสานเสียง แต่เพราะท่าเต้นกับจังหวะแปลกๆของหุ่นยนต์ในเรื่องทำให้ดูตลกฝืดไปแทน
-เนื้อเรื่องไม่มีช่องโหว่ แต่มีคำถามที่ชวนสงสัยหลายข้อ(ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเบื้องหลังของเหตุการณ์หรือประวัติศาสตร์ของเรื่อง) ดูจนแล้วแอบคาใจ
-การออกแบบตัวละครบางตัว...คิดว่าไม่ต้องดูน่ารักหรือตลกไปซะหมดก็ได้ มันทำให้ฉากจริงจังบางฉากดูไม่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


สรุป

ถ้าคุณมีลูกหรือเด็กเล็กๆ ผมแนะนำให้ซื้อหนังเรื่องนี้มาดูได้เลยครับ และตัวคุณเองก็สามารถนั่งดูด้วยได้โดยไม่รู้สึกเบื่อหรือเซ็งกับเนื้อหาเด็กๆ เป็นหนังที่ผมไม่เสียดายที่จะซื้อเก็บ(ที่จริงผมรอ OST อยู่ด้วยเพราะเพลงเพราะดี แต่ไม่รู้จะหาซื้อได้มั้ย) โดยส่วนตัวไม่อยากให้หนังเรื่องนี้มีภาคต่อ...แต่อยากให้ทีมสร้างทำโปรเจคใหม่ไปเลย เพราะจากผลงานนี้พิสูจน์แล้วว่าทีมพัฒนามีฝีมือที่น่าจับตามองมากๆ

เท่าที่บอกได้โดยไม่สปอยล์ หนังมีจุดให้จับผิดและข้อด้อยที่เด่นชัดมากในหลายๆช่วง บางอย่างยังติดใจออกมาหลังดูจบ แต่ในทางกลับกัน...หนังก็มีส่วนดีๆที่ดีมากจนน่าตกใจ ยิ่งในส่วนของฉากเรียกน้ำตา...แม้จะไม่ถึงกับร้องไห้แต่ก็เล่นเอาน้ำตาซึมได้หลายฉาก ทั้งบทพูด ภาพ และเสียงในฉากนั้นๆทำได้จี้อารมณ์มากๆ

งานภาพโดยรวมอยู่ในระดับพอใช้กึ่งๆดี แต่สภาพแวดล้อมยังดูโล่งและไร้จุดเด่นเกินไปหน่อย(ถึงมันจะเป็นโลกแนวทะเลทรายหรือแดนร้างก็เถอะ แต่มันจืดมากจนดูโหวงๆพิกล) ไม่รู้ว่าเป็นคอนเซปต์ของเรื่องจริงๆหรือเพราะเวลาในการพัฒนาไม่เพียงพอ โลกของยักษ์ถึงดูเหมือนบ่อดินบ่อทรายขนาดใหญ่ที่แทบไม่มีอะไรเลย สีสันเองก็ไม่สะดุดตานักเมื่อเทียบกับการ์ตูนสำหรับเด็กทั่วไป

ในส่วนของเนื้อเรื่อง หนังไม่ซับซ้อนมากครับ และเท่าที่จำได้ก็ไม่ซ้ำกับการ์ตูนเรื่องอะไรที่ผมเคยดูมาเลย(แต่ถ้าใครดูแล้วนึกออกว่าคล้ายเรื่องอะไร วานบอกด้วยนะครับ) กระนั้น...เนื้อเรื่องของหนังก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ถ้าคุณดูเทรเลอร์คุณก็น่าจะพอเดาเนื้อเรื่องคร่าวๆได้แล้ว ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
และหนังแทบไม่ได้ให้แบ็คกราวน์คนดูเท่าไหร่ ผมไม่ได้พูดถึงรามเกียรติ์ที่แทบทุกคนคงจะรู้จัก แต่เป็นเนื้อเรื่องของโลกในหนังที่ดูรวบรัดตัดตอนและไม่ได้อธิบายอะไรเท่าที่ควร ที่มาที่ไปของเหตุการณ์ต่างๆถูกจับมาใส่รวมๆโดยไม่มีการโฟกัสส่วนไหนเป็นพิเศษ ทำให้ผมไม่อินกับมิติในโลกของหนัง หลายๆฉากแม้จะซึ้งอย่างที่กล่าวไป แต่พอดูจบแล้วก็ก่อให้เกิดคำถามคาใจอยู่หลายข้อ...

กระนั้นโดยรวม นี่ก็ถือเป็นผลงานชิ้นเอกที่ยกระดับของอนิเมชั่นไทยขึ้นมา เพราะตัวหนังไม่ได้เน้นที่ผู้ชมเด็กเท่านั้น แม้แต่วัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ดูก็ยังสามารถสนุกและได้สาระดีๆ โดยเฉพาะคำพูดของเผือกที่ว่า

"เราเป็นเพื่อนกันแล้ว จะทำลายกันอีกทำไม!? จะรบกันไปอีกกี่ชาติ!!?"

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่