กลุ่มคณาจารย์ นักกิจกรรมทางสังคม และนิสิตนักศึกษา
เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มหาสารคาม
15 มกราคม 2556
ชาวโรฮิงญาถือได้ว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่อการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์มากที่สุดในโลก พวกเขาต้องตกเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อย เนื่องมาจากลัทธิล่าอาณานิคมและการเกิดรัฐ-ชาติสมัยใหม่ โดยแผ่นดินเกิดของพวกเขาถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพพม่า แต่รัฐบาลพม่าไม่ยอมรับว่าพวกเขาเป็นพลเมืองของรัฐอันเนื่องมาจากการที่ชาวโรฮิงญานับถือศาสนาอิสลามที่แตกต่างกับศาสนาพุทธที่ถูกสถาปนาเป็นศาสนาประจำชาติ ชาวโรฮิงญาจึงกลายเป็นกลุ่มชาติพันธ์ถุ กูกแบ่งแยกโดยศาสนา ส่งผลให้พวกเขาเป็นคนไร้รัฐและต้องเผชิญกับการปฏิบัติที่มีอคติทางชาติพันธุ์และนำไปสู่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งจากทางการพม่าและพลเมืองกลุ่มอื่นในพม่าดังที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการเข่นฆ่าชาว โรฮิงญาในพม่าบ่อยครั้ง จนกระทั่งทำให้ชาวโรฮิงญาจำนวนมากต้องหลบหนีออกนอกประเทศและส่วนหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง นอกจากนั้น ชะตากรรมของชาวโรฮิงญายังถูกซ้ำเติมจากขบวนการค้ามนุษย์ดังที่ชาวโรฮิงญาจำนวนหนึ่งถูกกักขังและบีบบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาสที่ภาคใต้ดังที่เป็นข่าวในขณะนี้
เป็นที่ชัดเจนว่าเสียงของชาวโรฮิงญาก็คือพวกเขาไม่ต้องการให้รัฐบาลไทยผลักดันพวกเขากลับพม่าเพราะพม่า
ไม่ยอมรับว่าพวกเขาเป็นพลเมือง การส่งกลับพม่าจึงเท่ากับส่งพวกเขาให้ไปเผชิญกับความตายที่พวกเขาหนีออกมา
กลุ่มคณาจารย์ นักกิจกรรมทางสังคม และนิสิตนักศึกษาเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มหาสารคาม ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของ
คณาจารย์ นิสิตนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาในมหาสารคาม และนักกิจกรรมทางสังคม มีความห่วงใยต่อชะตากรรมของ
ชาวโรฮิงญาทั้งที่กำลังเผชิญกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในพม่าและที่กำลังตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ทั้งที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้วและที่คาดว่ายังไม่ได้รับการช่วยเหลืออีกมาก
ดังนั้นกลุ่มจึงขอเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังนี้
ประการแรก ขอเรียกร้องให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมาธิการ
สิทธิมนุษยชนของรัฐสภา องค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนทั้งของไทยและสากล เข้ามีบทบาทในการเข้าช่วยเหลือ
ชาวโรฮิงญาโดยเร่งด่วน โดยกดดันให้รัฐบาลไทยยุตินโยบายและปฏิบัติการที่เป็นการผลักดันชาวโรฮิงญากลับพม่า
เพราะชาวโรฮิงญาแตกต่างจากผู้อพยพหรือแรงงานข้ามชาติกลุ่มอื่นๆ เนื่องจากพวกเขาเป็นคนไร้รัฐ การผลักดันพวกเขา
ออกนอกประเทศกลับไปยังพม่าจะทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และหากพวกเขาหลบหนีออกมาอีกครั้ง
ก็จะทำให้พวกเขาต้องสูญเสียชีวิตระหว่างหลบหนีหรือไม่ก็ต้องตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์อีก
สำหรับนโยบายในการแก้ปัญหาชาวโรฮิงญา รัฐไทยต้องให้ภาคส่วนต่างๆ ทั้งองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นักวิชาการและภาคประชาสังคมเข้ามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและปฏิบัติการของรัฐไทยต่อชาวโรฮิงญาเป็นกรณีเฉพาะ
ประการที่สอง ขอเรียกร้องให้สมาคมประชาชาติเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้หรือประชาคมอาเซียนและรัฐบาลในประเทศกลุ่มอาเซียนนเข้ามีบทบาทในการปกป้องสิทธิมนุษยชน
ของชาวโรฮิงญาในประเทศพม่า โดยกดดันใหรัฐบาลพม่าและชาวพม่ากลุ่มอื่น ยุติการปราบปรามเข่นฆ่า และการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ ต่อชาวโรฮิงญาโดยทันที และให้การช่วยยเหลือชาวโรฮิงญาทั้งที่ยังอย่ในประเทศพม่าและที่หลบหนีออกมา รวมทั้งที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์โดยเร่งด่วน หากประชาคมอาเซียนและรัฐบาลในประเทศกลุ่มอาเซียนเพกิ เฉยต่อชาวโรฮิงญาก็เท่ากับแสดงให้เห็นว่าประชาคมอาเซียนเป็นเพียงการรวมกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวโดยไม่ตระหนักถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกลุ่มประเทศอาเซียนซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาคมอาเซียนเอง
ประการที่สาม ขอให้สังคมไทยร่วมกันผลักดันให้รัฐบาลไทยดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์โดยดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราบการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 อย่างจริงจัง รวมทั้งทำการรณรงค์ให้ยุติการค้ามนุษย์
ในประเทศไทยโดยเร่งด่วน สำหรับกรณีของชาวโรฮิงญาที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ที่ภาคใต้ใน ขณะนี้ ขอให้สังคมไทย
ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พวกเขาโดยเร่งด่วนโดยไม่มีอคตทิ างศาสนาและชาติพันธุ์ แต่ถือ ว่าชาวโรฮิงญาคือเพื่อนร่วมโลกของเรา...
ด้วยความสมานฉันท์
ลงชื่อ
1.ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ นักวิชาการ คณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2. ผศ.ดร.สมชัย ภัทรธนานันท์ นักวิชาการ คณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
3.นายนิรันดร คำนุ นักวิชาการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ฯลฯ
ขอความร่วมมือจากท่าน เพียงแค่ช่วยลงนามของท่านเพื่อหยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวโรฮิงญาที่
http://www.facebook.com/events/322038061240436/?notif_t=plan_user_joined
รู้จักโรฮิงญา จากสารคดี"โรฮิงญาที่ฉันรู้จัก" สารคดีเรื่องแรกของ ธนานุช สงวนศักดิ์ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์เนชั่น แชนแนล
ช่วยกันซับน่้ำตาให้กับพวกเขา... โรฮิงญา

ขอความร่วมมือลงนาม เพื่อหยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาว "โรฮิงญา"
เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มหาสารคาม
15 มกราคม 2556
ชาวโรฮิงญาถือได้ว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่อการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์มากที่สุดในโลก พวกเขาต้องตกเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อย เนื่องมาจากลัทธิล่าอาณานิคมและการเกิดรัฐ-ชาติสมัยใหม่ โดยแผ่นดินเกิดของพวกเขาถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพพม่า แต่รัฐบาลพม่าไม่ยอมรับว่าพวกเขาเป็นพลเมืองของรัฐอันเนื่องมาจากการที่ชาวโรฮิงญานับถือศาสนาอิสลามที่แตกต่างกับศาสนาพุทธที่ถูกสถาปนาเป็นศาสนาประจำชาติ ชาวโรฮิงญาจึงกลายเป็นกลุ่มชาติพันธ์ถุ กูกแบ่งแยกโดยศาสนา ส่งผลให้พวกเขาเป็นคนไร้รัฐและต้องเผชิญกับการปฏิบัติที่มีอคติทางชาติพันธุ์และนำไปสู่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งจากทางการพม่าและพลเมืองกลุ่มอื่นในพม่าดังที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการเข่นฆ่าชาว โรฮิงญาในพม่าบ่อยครั้ง จนกระทั่งทำให้ชาวโรฮิงญาจำนวนมากต้องหลบหนีออกนอกประเทศและส่วนหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง นอกจากนั้น ชะตากรรมของชาวโรฮิงญายังถูกซ้ำเติมจากขบวนการค้ามนุษย์ดังที่ชาวโรฮิงญาจำนวนหนึ่งถูกกักขังและบีบบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาสที่ภาคใต้ดังที่เป็นข่าวในขณะนี้
เป็นที่ชัดเจนว่าเสียงของชาวโรฮิงญาก็คือพวกเขาไม่ต้องการให้รัฐบาลไทยผลักดันพวกเขากลับพม่าเพราะพม่า
ไม่ยอมรับว่าพวกเขาเป็นพลเมือง การส่งกลับพม่าจึงเท่ากับส่งพวกเขาให้ไปเผชิญกับความตายที่พวกเขาหนีออกมา
กลุ่มคณาจารย์ นักกิจกรรมทางสังคม และนิสิตนักศึกษาเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มหาสารคาม ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของ
คณาจารย์ นิสิตนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาในมหาสารคาม และนักกิจกรรมทางสังคม มีความห่วงใยต่อชะตากรรมของ
ชาวโรฮิงญาทั้งที่กำลังเผชิญกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในพม่าและที่กำลังตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ทั้งที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้วและที่คาดว่ายังไม่ได้รับการช่วยเหลืออีกมาก
ดังนั้นกลุ่มจึงขอเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังนี้
ประการแรก ขอเรียกร้องให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมาธิการ
สิทธิมนุษยชนของรัฐสภา องค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนทั้งของไทยและสากล เข้ามีบทบาทในการเข้าช่วยเหลือ
ชาวโรฮิงญาโดยเร่งด่วน โดยกดดันให้รัฐบาลไทยยุตินโยบายและปฏิบัติการที่เป็นการผลักดันชาวโรฮิงญากลับพม่า
เพราะชาวโรฮิงญาแตกต่างจากผู้อพยพหรือแรงงานข้ามชาติกลุ่มอื่นๆ เนื่องจากพวกเขาเป็นคนไร้รัฐ การผลักดันพวกเขา
ออกนอกประเทศกลับไปยังพม่าจะทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และหากพวกเขาหลบหนีออกมาอีกครั้ง
ก็จะทำให้พวกเขาต้องสูญเสียชีวิตระหว่างหลบหนีหรือไม่ก็ต้องตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์อีก
สำหรับนโยบายในการแก้ปัญหาชาวโรฮิงญา รัฐไทยต้องให้ภาคส่วนต่างๆ ทั้งองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นักวิชาการและภาคประชาสังคมเข้ามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและปฏิบัติการของรัฐไทยต่อชาวโรฮิงญาเป็นกรณีเฉพาะ
ประการที่สอง ขอเรียกร้องให้สมาคมประชาชาติเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้หรือประชาคมอาเซียนและรัฐบาลในประเทศกลุ่มอาเซียนนเข้ามีบทบาทในการปกป้องสิทธิมนุษยชน
ของชาวโรฮิงญาในประเทศพม่า โดยกดดันใหรัฐบาลพม่าและชาวพม่ากลุ่มอื่น ยุติการปราบปรามเข่นฆ่า และการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ ต่อชาวโรฮิงญาโดยทันที และให้การช่วยยเหลือชาวโรฮิงญาทั้งที่ยังอย่ในประเทศพม่าและที่หลบหนีออกมา รวมทั้งที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์โดยเร่งด่วน หากประชาคมอาเซียนและรัฐบาลในประเทศกลุ่มอาเซียนเพกิ เฉยต่อชาวโรฮิงญาก็เท่ากับแสดงให้เห็นว่าประชาคมอาเซียนเป็นเพียงการรวมกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวโดยไม่ตระหนักถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกลุ่มประเทศอาเซียนซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาคมอาเซียนเอง
ประการที่สาม ขอให้สังคมไทยร่วมกันผลักดันให้รัฐบาลไทยดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์โดยดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราบการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 อย่างจริงจัง รวมทั้งทำการรณรงค์ให้ยุติการค้ามนุษย์
ในประเทศไทยโดยเร่งด่วน สำหรับกรณีของชาวโรฮิงญาที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ที่ภาคใต้ใน ขณะนี้ ขอให้สังคมไทย
ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พวกเขาโดยเร่งด่วนโดยไม่มีอคตทิ างศาสนาและชาติพันธุ์ แต่ถือ ว่าชาวโรฮิงญาคือเพื่อนร่วมโลกของเรา...
ด้วยความสมานฉันท์
ลงชื่อ
1.ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ นักวิชาการ คณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2. ผศ.ดร.สมชัย ภัทรธนานันท์ นักวิชาการ คณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
3.นายนิรันดร คำนุ นักวิชาการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ฯลฯ
ขอความร่วมมือจากท่าน เพียงแค่ช่วยลงนามของท่านเพื่อหยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวโรฮิงญาที่
http://www.facebook.com/events/322038061240436/?notif_t=plan_user_joined