คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 26
ลองไปเลียบๆ เคียงๆ ถามแฟน หรือว่าที่แม่ยายดูครับ ว่าสินสอดประมาณเท่าไร บ้านแฟนจะเรียกเป็นหน้าเป็นตาเฉยๆ หรือเปล่า (อันนี้ถ้าไปเลียบๆ เคียงๆ ถามเขาก็คงจะบอกเอง)
ภาพรวมผมคิดว่า
- รายได้ขนาดนี้ และมีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะพอมีหนี้สินบ้าง (ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับคนทำธุรกิจ) ผมคิดว่าก็คงเรียกได้ว่าพร้อมแล้ว
- คำว่าพร้อม หรือไม่พร้อม ปัจจัยนึงอยู่ที่ตัวคุณเอง คุณตั้งเป้าหมายว่าสินสอดเยอะ จัดงานแต่งใหญ่ แน่นอน ก็ต้องมีเงินเก็บเยอะ สำหรับไปสู่ขอ และต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ สำหรับการจัดงาน เพราะฉะนั้น พร้อม หรือไม่พร้อม ก็ต้องขึ้นอยู่กับตรงนี้ ถ้าหากบ้านแฟนคุณคิดว่าเรียกสินสอดเป็นหน้าเป็นตาให้ลูกสาว แล้วเอาเงินคืนคุณกับแฟนคุณ เพื่อใช้ต่อยอดในการทำธุรกิจ ผมก็คิดว่าเงินตรงส่วนนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหา และการจัดงาน ถ้าหากคุณต้องการจัดงานใหญ่ ก็ต้องใช้เงินเยอะ แต่อย่างน้อยก็พอมีเงินซองมาช่วยได้บ้าง อาจจะไม่ทั้งหมด (เพราะการเชิญแขก เราไม่ได้มุ่งเป้าไปที่หวังกำไรเงินซอง เราต้องตั้งเป้าไว้ว่า เราเชิญแขกเพื่อเป็นเกียรติ ไม่ว่าแขกจะให้เงินซองมากหรือน้อยอย่าไปคิดให้ปวดหัว) แต่ถ้าคุณจัดงานขนาดไม่ใหญ่มาก คุณก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้เหมือนกัน
จาก 2 ประเด็นข้างต้น คุณต้องตัดสินใจเองแล้วว่า คุณจะมีมุมมองอย่างไร เท่านั้นเอง บางคนเป็นคนมีหน้ามีตา การจัดงานก็ต้องจัดงานใหญ่ บางคนคิดว่าอยากประหยัด ก็จัดงานกลางๆ บางคนเงินน้อย ก็จัดงานเล็กๆ ความพร้อมของแต่ละคนตรงนี้มันไม่เท่ากัน
ภาพรวมผมคิดว่า
- รายได้ขนาดนี้ และมีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะพอมีหนี้สินบ้าง (ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับคนทำธุรกิจ) ผมคิดว่าก็คงเรียกได้ว่าพร้อมแล้ว
- คำว่าพร้อม หรือไม่พร้อม ปัจจัยนึงอยู่ที่ตัวคุณเอง คุณตั้งเป้าหมายว่าสินสอดเยอะ จัดงานแต่งใหญ่ แน่นอน ก็ต้องมีเงินเก็บเยอะ สำหรับไปสู่ขอ และต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ สำหรับการจัดงาน เพราะฉะนั้น พร้อม หรือไม่พร้อม ก็ต้องขึ้นอยู่กับตรงนี้ ถ้าหากบ้านแฟนคุณคิดว่าเรียกสินสอดเป็นหน้าเป็นตาให้ลูกสาว แล้วเอาเงินคืนคุณกับแฟนคุณ เพื่อใช้ต่อยอดในการทำธุรกิจ ผมก็คิดว่าเงินตรงส่วนนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหา และการจัดงาน ถ้าหากคุณต้องการจัดงานใหญ่ ก็ต้องใช้เงินเยอะ แต่อย่างน้อยก็พอมีเงินซองมาช่วยได้บ้าง อาจจะไม่ทั้งหมด (เพราะการเชิญแขก เราไม่ได้มุ่งเป้าไปที่หวังกำไรเงินซอง เราต้องตั้งเป้าไว้ว่า เราเชิญแขกเพื่อเป็นเกียรติ ไม่ว่าแขกจะให้เงินซองมากหรือน้อยอย่าไปคิดให้ปวดหัว) แต่ถ้าคุณจัดงานขนาดไม่ใหญ่มาก คุณก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้เหมือนกัน
จาก 2 ประเด็นข้างต้น คุณต้องตัดสินใจเองแล้วว่า คุณจะมีมุมมองอย่างไร เท่านั้นเอง บางคนเป็นคนมีหน้ามีตา การจัดงานก็ต้องจัดงานใหญ่ บางคนคิดว่าอยากประหยัด ก็จัดงานกลางๆ บางคนเงินน้อย ก็จัดงานเล็กๆ ความพร้อมของแต่ละคนตรงนี้มันไม่เท่ากัน
แสดงความคิดเห็น
อยากเก็บเงินแต่งงานครับ วางแผนอย่างไรดี?
แม่+น้อง ทำธุรกิจส่งออกร่วมกัน ภาระหนี้สูง
รายจ่ายหลัก
ให้แม่+น้อง 3หมื่น
น้ำมัน 1.5หมื่น
กิน+ช้อป 5พัน
เหลือเงินเก็บประมาณ 1.5แสนต่อเดือน
เป้าหมาย
1. ใช้หนี้บัตรเครดิตให้หมด=> หมดไปแล้ว
2.สำรองเงินไว้ยามฉุกเฉิน => มีเงินในบัญชีแล้วประมาณ 3แสน, ประกันชีวิตอีกปีละ1แสน, เกิดอะไรขึ้นพ่อแม่ก็จะได้2.5ล้าน
3.ภาระทางบ้าน=> หนี้สิน 15ล้าน สินทรัพย์บริษัทแม่ 10ล้าน แต่ทางแม่และน้อง พยายามนำออร์เดอร์ที่ค้างสต็อก ไปลงที่จตุจักร และลดขนาดบริษัทลง ลดการจ้างงาน เหลือแค่คนที่ชำนาญและผลิตงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตั้งใจว่าจะลองหาทางใหม่อยู่เรื่อยๆ ผมจึงคอยดูอยู่ห่่างๆ ทำอะไรได้ไม่มาก
4.แต่งงาน วางแผนจะนำเงินไปสู่ขอ ตั้งใจว่า5แสน (ไม่แน่ใจจะได้คืนมาทำทุนไหม) และเงินสำหรับจัดงานแต่งอีก5แสน
ตอนนี้เก็บเงินเป็น3ส่วน
ส่วนแรก1แสน ในบัญชีเงินฝากไว้ใช้กรณีฉุกเฉิน
ส่วนที่สอง ในLTF, RMF, ประกัน รวม 2แสน เพื่ออนาคต และลดหย่อนภาษี
ส่วนที่สาม อยากลงทุนในธุรกิจที่ผลตอบแทน10-20% ต่อปี ตอนนี้เริ่มทำ DCA ใน กองทุนเปิดบัวหลวงทศพลอยู่
สนใจในตราสารหนี้และ ฝากประจำเช่นกัน แต่ผลตอบแทนน้อยมาก เมื่อเทียบกันกับเงินต้น และวางแผนแต่งงานหลายปีนี้ จึงต้องเก็บเงินให้ได้ล้านก่อนจะไปจองโรงแรม....
ส่วนหุ้น ความเห็นส่วนตัวคิดว่าเสี่ยงเกินไป ถ้าหายหมด ก็ อด แต่ง....
รบกวนผู้รู้ช่วยวิจารณ์+แนะนำด้วยครับ ขอบคุณมาก แนวทางนี้ดีพอหรือไม่ ถ้าไม่ ควรแก้ไขอย่างไร ขอบคุณมากครับ