หลังกล้องละครไทย กว่าจะได้ออนแอร์ มติชน 12 มกราคม 56
ด้วยเหตุผล ไม่เหมาะสม ที่ช่อง 3 ชี้แจง ในการสั่งแบนละครเรื่อง
เหนือเมฆ 2 กลางอากาศ ทั้งๆ ที่เหลืออีกแค่ 3 ตอนก็จะอวสาน
เป็นที่มาของข่าวใหญ่ การเมือง แทรกแซง ละคร
ขณะที่คำชี้แจงของฝั่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย คือการยืนยันว่าไม่
เกี่ยวข้อง ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของสถานี
ลองมาดูเส้นทางของละครแต่ละเรื่อง
ปีที่แล้ว ช่อง 3 ผลิตละครออกมา 43 เรื่อง รวมตลอด 40 ปีขอ
การทำงาน
ก็มีละครมาแล้วหลายร้อยหลายพันเรื่อง
แต่มีแค่ 2 เรื่องที่เจอกรณีแบนกลางอากาศ คือ
เหนือเมฆ 2 และ พระเจ้าตาก
กว่าจะมาเป็นละครได้ก็มีขั้นตอนเยอะ คือคำอธิบายเดียวกันจากคน
ทำงานละครให้ช่อง 3, 5 และ 7 ซึ่งล้วนแล้วแต่มีวิธีการคล้ายๆ กัน
เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนเลือกเรื่อง ซึ่งมีตั้งแต่สถานีเลือกเรื่องซึ่งส่วนใหญ่
มาจากนวนิยายที่ถูกใจ ซื้อลิขสิทธิ์ไว้ จากนั้นจึงมอบหมายให้ผู้จัด
แต่ละรายไปดำเนินการ อย่างที่ช่อง 3 กับ 7 ซึ่งเป็นเจ้าของเวลา
ออกอากาศมักทำ
ในทางกลับกันหากผู้จัดรายไหนเจอเรื่องที่ตัวเองถูกใจก็สามารถ
นำเสนอให้ช่องพิจารณา ซึ่งช่อง 3 กับ 7 ก็มี เช่นเดียวกับช่อง 5
ที่บริษัทเอ็กแซ็กท์ ซึ่งเช่าเวลาสถานีทำละคร โดยระยะหลังการนำ
เสนอจากผู้จัดไปสู่ช่องเริ่มมีมากขึ้นๆ
อย่างไรก็ดี การนำเสนอกว่าจะได้รับอนุมัติมักใช้เวลานาน เพราะผู้รับ
ผิดชอบซึ่งส่วนใหญ่คือฝ่ายรายการ หรือทีมละครของสถานีจะต้อง
พิจารณาอย่างละเอียด เพิ่มเติมจากผู้จัดเองที่ต้องพิจารณามาแล้วว่า
จะกระทบกับความมั่นคงของชาติ ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
ศีลธรรมอันดี หรือสิทธิของบุคคลอื่นหรือไม่
ทั้งนี้ถ้าเนื้อเรื่องกระทบต่อชาติ ศาสนา และสถาบัน จะไม่ได้รับการอนุมัติ
ถ้าเป็นเรื่องการเมืองก็ต้องพิจารณาเนื้อหา โดยถ้าเรื่องแตะนิดๆ
หน่อยๆ และไม่ใช่ประเด็นหลัก อาจไม่มีปัญหา
แต่ถ้าทำแบบ ชัดและตรง ไม่ว่าช่องไหนก็ขอหลีกเลี่ยง เพราะหากไม่ถูกใจ
ผู้มีอำนาจ ทั้งหลาย มีโอกาสเสียมากกว่าได้ โดยจะมาในรูป ขอให้ตัดออก
เปลี่ยนเนื้อหา รีบจบซะ ซึ่งไม่แน่ใจว่าอีกว่าแม้จะทำตามคำสั่งเหล่านั้นแล้ว
จะส่งผลอะไรในอนาคตของการดำเนินธุรกิจหรือไม่
ละครเรื่องที่เกี่ยวข้องหรือกล่าวพาดพิงวิชาชีพใดๆ ก็ต้องระวังเช่นกัน
เพราะแม้ละครจะเป็นละคร แต่ในความจริงหลายคนยังรับไม่ได้ที่อาชีพ
ของตนจะถูกมองว่าไม่ดี ดังนั้น เพื่อไม่ให้ละคร ทำให้วิชาชีพนั้นเสื่อม
เสีย เรื่องเหล่านี้ก็ต้องหลีกเลี่ยงเช่นกัน
ไม่เช่นนั้นอาจเกิดกรณีซ้ำรอย สงครามนางฟ้า ที่บรรดา
แอร์โฮสเตสออกมาประท้วง
ตัวละครไม่ดีหลายเรื่องที่เราเห็นจึงเหมือนเป็นคนที่ไม่มีงานทำ จะได้ไม่ต้อง
กระทบใคร หรือไม่ก็ให้เป็นนักธุรกิจลอยๆ ไปในวงกว้างเสียอย่างนั้น
การตั้งชื่อตัวละคร ก็ต้องระวังอยู่บ้าง หากไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะคนทำละคร
ถือว่าในความจริง ใครก็ชื่อซ้ำกันทั้งนั้น เว้นแต่กรณีที่ตัวละครต้องมีนามสกุลด้วย
อันนั้นถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งต้องอาศัยการตรวจสอบอย่างรอบคอบทีเดียว
และเมื่อเรื่องผ่านการอนุมัติจากสถานี ขั้นตอนต่อไปคือต้องนำเรื่องไป
เขียนเป็นเรื่องย่อส่งให้ตรวจอีกครั้ง และถ้าผ่านฉลุย จึงสามารถนำไป
เขียนเป็นบทละครได้
โดยทุกๆ ครั้งที่เขียนเสร็จ 1 บท ก็ต้องส่งให้ตรวจอีก โดยสถานีอาจมีคำสั่ง
ให้ปรับแก้บ้างเพื่อให้ละครสนุกยิ่งขึ้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่เมื่อปรับแก้บทไปได้
หลายตอน มากพอจะเปิดกล้องได้โดยการทำงานไม่ชะงัก สถานีก็จะอนุมัติ
ให้เปิดกล้องถ่ายทำ
ระหว่างถ่ายทำ ทีมงานก็จะตัดต่อส่วนที่ถ่ายเสร็จแล้วเป็นตอนๆ
ทยอยส่งให้ช่องตรวจ ซึ่งแน่นอนถ้าตอนไหนไม่เป็นที่พอใจก็จะ
ถูกกลับมาให้แก้ใหม่ ซึ่งมีทั้งตัดใหม่ ถ่ายทำใหม่ ฯลฯ แล้วส่ง
ให้พิจารณาอีกครั้ง
เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ขั้นตอนสุดท้ายก่อนออกอากาศ คือส่งเทป
ให้ฝ่ายเซ็นเซอร์ของสถานี
ภาพหรือฉากที่มักจะไม่ผ่านการเซ็นเซอร์ คือ ภาพอาวุธที่จ่อหัวหรือลำตัว
การดื่มเหล้า การบุหรี่ และการใช้คำหยาบ ซึ่งแต่ละช่องมีรายละเอียดยิบย่อย
ต่างกัน เช่น บางช่องเห็นแก้วเหล้าได้ แต่ถ้ายกขึ้นดื่มจะถูกทำภาพเบลอ
หรือโมเสกเซ็นเซอร์ แต่บุหรี่ห้ามมีให้เห็นเด็ดขาด
ส่วนในแง่ของเนื้อเรื่องนั้นส่วนใหญ่มักไม่มีปัญหา เพราะกว่าจะมาถึง
ด่านเซ็นเซอร์ได้ก็ถูกกรองมาแล้วเป็นอย่างดี
ที่ต้องละเอียดขนาดนี้ เหล่าคนทำละครบอกว่าเพราะนอกจากจะเป็นงาน
ที่ต้องลงทุนสูงระดับ 20-30 ล้านบาทขึ้นไปแล้ว หากมีข้อผิดพลาดนอก
จากจะเสี่ยงต่อชื่อเสียงของสถานี ยังอาจเป็นเรื่องถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล
เรียกว่า ตรวจกันยิบตั้งแต่ก่อนลงมือถ่ายทำ จนถึงถ่ายทำเสร็จ
แล้วรอออกอากาศ
ออกอากาศแล้ว ก็ยังต้องเงี่ยหูฟังเสียงสะท้อนกันตลอดเวลา
การจบ เหนือเมฆ 2 ด้วยข้อกล่าวหา ไม่เหมาะสม ที่เกิดขึ้นในขั้นตอน
ที่ออกอากาศไปจนเกือบจบแล้ว
จึงทำให้เสียงเพรียกหา คำตอบ ดังกระหึ่มเป็นพิเศษ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1357964339&grpid=&catid=03&subcatid=0305
รู้สึกว่า หลายๆ คนรวมถึงสื่อยังข้องใจ "เหนือเมฆ" ที่เขายังรู้สึกว่าไม่โปร่งใส
เราก็เลยต้องมาบอกกล่าว ต่อ เมื่อสังคมเขายังข้องใจ เขายังถามกัน ทำไม
จะมาฆ่าตัดตอน บอกให้หยุด..เถอะ ...
ขอแท็ค ห้องเฉลิมไทย ด้วยค่ะ
หลังกล้องละครไทย กว่าจะได้ออนแอร์ ...... มติชนออนไลน์
ด้วยเหตุผล ไม่เหมาะสม ที่ช่อง 3 ชี้แจง ในการสั่งแบนละครเรื่อง
เหนือเมฆ 2 กลางอากาศ ทั้งๆ ที่เหลืออีกแค่ 3 ตอนก็จะอวสาน
เป็นที่มาของข่าวใหญ่ การเมือง แทรกแซง ละคร
ขณะที่คำชี้แจงของฝั่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย คือการยืนยันว่าไม่
เกี่ยวข้อง ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของสถานี
ลองมาดูเส้นทางของละครแต่ละเรื่อง
ปีที่แล้ว ช่อง 3 ผลิตละครออกมา 43 เรื่อง รวมตลอด 40 ปีขอ
การทำงาน
ก็มีละครมาแล้วหลายร้อยหลายพันเรื่อง
แต่มีแค่ 2 เรื่องที่เจอกรณีแบนกลางอากาศ คือ
เหนือเมฆ 2 และ พระเจ้าตาก
กว่าจะมาเป็นละครได้ก็มีขั้นตอนเยอะ คือคำอธิบายเดียวกันจากคน
ทำงานละครให้ช่อง 3, 5 และ 7 ซึ่งล้วนแล้วแต่มีวิธีการคล้ายๆ กัน
เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนเลือกเรื่อง ซึ่งมีตั้งแต่สถานีเลือกเรื่องซึ่งส่วนใหญ่
มาจากนวนิยายที่ถูกใจ ซื้อลิขสิทธิ์ไว้ จากนั้นจึงมอบหมายให้ผู้จัด
แต่ละรายไปดำเนินการ อย่างที่ช่อง 3 กับ 7 ซึ่งเป็นเจ้าของเวลา
ออกอากาศมักทำ
ในทางกลับกันหากผู้จัดรายไหนเจอเรื่องที่ตัวเองถูกใจก็สามารถ
นำเสนอให้ช่องพิจารณา ซึ่งช่อง 3 กับ 7 ก็มี เช่นเดียวกับช่อง 5
ที่บริษัทเอ็กแซ็กท์ ซึ่งเช่าเวลาสถานีทำละคร โดยระยะหลังการนำ
เสนอจากผู้จัดไปสู่ช่องเริ่มมีมากขึ้นๆ
อย่างไรก็ดี การนำเสนอกว่าจะได้รับอนุมัติมักใช้เวลานาน เพราะผู้รับ
ผิดชอบซึ่งส่วนใหญ่คือฝ่ายรายการ หรือทีมละครของสถานีจะต้อง
พิจารณาอย่างละเอียด เพิ่มเติมจากผู้จัดเองที่ต้องพิจารณามาแล้วว่า
จะกระทบกับความมั่นคงของชาติ ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
ศีลธรรมอันดี หรือสิทธิของบุคคลอื่นหรือไม่
ทั้งนี้ถ้าเนื้อเรื่องกระทบต่อชาติ ศาสนา และสถาบัน จะไม่ได้รับการอนุมัติ
ถ้าเป็นเรื่องการเมืองก็ต้องพิจารณาเนื้อหา โดยถ้าเรื่องแตะนิดๆ
หน่อยๆ และไม่ใช่ประเด็นหลัก อาจไม่มีปัญหา
แต่ถ้าทำแบบ ชัดและตรง ไม่ว่าช่องไหนก็ขอหลีกเลี่ยง เพราะหากไม่ถูกใจ
ผู้มีอำนาจ ทั้งหลาย มีโอกาสเสียมากกว่าได้ โดยจะมาในรูป ขอให้ตัดออก
เปลี่ยนเนื้อหา รีบจบซะ ซึ่งไม่แน่ใจว่าอีกว่าแม้จะทำตามคำสั่งเหล่านั้นแล้ว
จะส่งผลอะไรในอนาคตของการดำเนินธุรกิจหรือไม่
ละครเรื่องที่เกี่ยวข้องหรือกล่าวพาดพิงวิชาชีพใดๆ ก็ต้องระวังเช่นกัน
เพราะแม้ละครจะเป็นละคร แต่ในความจริงหลายคนยังรับไม่ได้ที่อาชีพ
ของตนจะถูกมองว่าไม่ดี ดังนั้น เพื่อไม่ให้ละคร ทำให้วิชาชีพนั้นเสื่อม
เสีย เรื่องเหล่านี้ก็ต้องหลีกเลี่ยงเช่นกัน
ไม่เช่นนั้นอาจเกิดกรณีซ้ำรอย สงครามนางฟ้า ที่บรรดา
แอร์โฮสเตสออกมาประท้วง
ตัวละครไม่ดีหลายเรื่องที่เราเห็นจึงเหมือนเป็นคนที่ไม่มีงานทำ จะได้ไม่ต้อง
กระทบใคร หรือไม่ก็ให้เป็นนักธุรกิจลอยๆ ไปในวงกว้างเสียอย่างนั้น
การตั้งชื่อตัวละคร ก็ต้องระวังอยู่บ้าง หากไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะคนทำละคร
ถือว่าในความจริง ใครก็ชื่อซ้ำกันทั้งนั้น เว้นแต่กรณีที่ตัวละครต้องมีนามสกุลด้วย
อันนั้นถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งต้องอาศัยการตรวจสอบอย่างรอบคอบทีเดียว
และเมื่อเรื่องผ่านการอนุมัติจากสถานี ขั้นตอนต่อไปคือต้องนำเรื่องไป
เขียนเป็นเรื่องย่อส่งให้ตรวจอีกครั้ง และถ้าผ่านฉลุย จึงสามารถนำไป
เขียนเป็นบทละครได้
โดยทุกๆ ครั้งที่เขียนเสร็จ 1 บท ก็ต้องส่งให้ตรวจอีก โดยสถานีอาจมีคำสั่ง
ให้ปรับแก้บ้างเพื่อให้ละครสนุกยิ่งขึ้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่เมื่อปรับแก้บทไปได้
หลายตอน มากพอจะเปิดกล้องได้โดยการทำงานไม่ชะงัก สถานีก็จะอนุมัติ
ให้เปิดกล้องถ่ายทำ
ระหว่างถ่ายทำ ทีมงานก็จะตัดต่อส่วนที่ถ่ายเสร็จแล้วเป็นตอนๆ
ทยอยส่งให้ช่องตรวจ ซึ่งแน่นอนถ้าตอนไหนไม่เป็นที่พอใจก็จะ
ถูกกลับมาให้แก้ใหม่ ซึ่งมีทั้งตัดใหม่ ถ่ายทำใหม่ ฯลฯ แล้วส่ง
ให้พิจารณาอีกครั้ง
เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ขั้นตอนสุดท้ายก่อนออกอากาศ คือส่งเทป
ให้ฝ่ายเซ็นเซอร์ของสถานี
ภาพหรือฉากที่มักจะไม่ผ่านการเซ็นเซอร์ คือ ภาพอาวุธที่จ่อหัวหรือลำตัว
การดื่มเหล้า การบุหรี่ และการใช้คำหยาบ ซึ่งแต่ละช่องมีรายละเอียดยิบย่อย
ต่างกัน เช่น บางช่องเห็นแก้วเหล้าได้ แต่ถ้ายกขึ้นดื่มจะถูกทำภาพเบลอ
หรือโมเสกเซ็นเซอร์ แต่บุหรี่ห้ามมีให้เห็นเด็ดขาด
ส่วนในแง่ของเนื้อเรื่องนั้นส่วนใหญ่มักไม่มีปัญหา เพราะกว่าจะมาถึง
ด่านเซ็นเซอร์ได้ก็ถูกกรองมาแล้วเป็นอย่างดี
ที่ต้องละเอียดขนาดนี้ เหล่าคนทำละครบอกว่าเพราะนอกจากจะเป็นงาน
ที่ต้องลงทุนสูงระดับ 20-30 ล้านบาทขึ้นไปแล้ว หากมีข้อผิดพลาดนอก
จากจะเสี่ยงต่อชื่อเสียงของสถานี ยังอาจเป็นเรื่องถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล
เรียกว่า ตรวจกันยิบตั้งแต่ก่อนลงมือถ่ายทำ จนถึงถ่ายทำเสร็จ
แล้วรอออกอากาศ
ออกอากาศแล้ว ก็ยังต้องเงี่ยหูฟังเสียงสะท้อนกันตลอดเวลา
การจบ เหนือเมฆ 2 ด้วยข้อกล่าวหา ไม่เหมาะสม ที่เกิดขึ้นในขั้นตอน
ที่ออกอากาศไปจนเกือบจบแล้ว
จึงทำให้เสียงเพรียกหา คำตอบ ดังกระหึ่มเป็นพิเศษ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1357964339&grpid=&catid=03&subcatid=0305
รู้สึกว่า หลายๆ คนรวมถึงสื่อยังข้องใจ "เหนือเมฆ" ที่เขายังรู้สึกว่าไม่โปร่งใส
เราก็เลยต้องมาบอกกล่าว ต่อ เมื่อสังคมเขายังข้องใจ เขายังถามกัน ทำไม
จะมาฆ่าตัดตอน บอกให้หยุด..เถอะ ...
ขอแท็ค ห้องเฉลิมไทย ด้วยค่ะ