เกริ่นนำ: เมื่อต้นฤดูร้อนกลางปีที่ผ่านมาผมไปหาถ่ายบัวที่ทะเลสาบเกือกม้า (HorseShoe Lake)ที่อยู่ในรัฐอิลลินอย์ที่อยู่ติดกับรัฐผมนี่เองแค่ข้ามสะพานไปแล้วเลี้ยวขวาไปประมาณ 20 ก.ม.ก็ถึงแล้วระหว่างทางก็เห็นนกอินทรีหัวขาว (Bald Eagle)สัญลักษณ์ของประเทศอเมริกาบินผ่านเหมือนว่านกอินทรีจะมีถิ่นพำนักอยู่ในระแวกนั้น
เนื่องจากมีภาพเยอะผมจำต้องแยกมาให้ชมเป็นหมวดหมู่แบ่งเป็นสัก 3-4 ตอนเพื่อไม่ให้กระทู้โหลดภาพนาน...กระทู้แรกนี้ผมขอแหวกม่านประเพณีที่ส่วนใหญ่จะนำเบื้องหลังและภาพเก็บตกมาเสนอในกระทู้สุดท้ายเป็นการปิดกระทู้แต่เนื่องจากผมเกรงว่าถ้าทำอย่างนั้นจะไม่มีใครติดตามชมกระทู้นี้ก็เลยเพราะภาพอาจจะตื่นตาตื่นใจเท่าเลยขอแหวกม่านแหวกแนวตอนแรกเป็นภาพเบื้องหลังและภาพเก็บตกก่อนเลยนะครับ...
*** อย่าลืมคลิ๊กขวาขยายชมภาพ view image ใหญ่สะใจให้สมกับพันทิประบบใหม่ด้วยนะครับ ***

ร้านลุงจิมที่อยู่ติดทะเลสาบเกือกม้า
มีโอกาสแวะร้านของลุงจิมที่เป็นร้านให้เช่าอุปกรณ์ตกปลาทุกชนิดในทะเลสาบรวมทั้งมีเรือให้เช่าแต่พอผมถามว่ามีเรือหางยาวให้เช่าหรือเปล่ากลับไม่มี...กรั๊กๆ คุยกับลุงจิมสัพเพเหระไปเรื่อยตั้งแต่เรื่องงูบริเวณทะเลสาบว่ามีเยอะเหลือเกิน..ลุงจิมก็บอกว่าเรื่องปะติ๋วเพราะแกเจอประจำบางตัวยาว 6-7 ฟุตเลื้อยเข้าในร้านแกแล้วทะลุออกหลังร้านที่อยู่ติดทะเลสาบลงน้ำไป..กึ๊ยย..จนกระทั่งผมวกถามเรื่องนกอินทรีที่เห็นระหว่างทางลุงจิมก็บอกว่าถ้าจะตามถ่ายนกอินทรีให้มาในฤดูหนาวจิประมาณเดือน ม.ค.นี่ยิ่งแจ๋วเลยต้องเจอแน่ๆ
ดังนั้นปีนี้จึงเป็นปีแรกที่ผมหาญกล้าแวะเวียนไปที่ทะเลสาบเกือกม้าในฤดูหนาวที่ผมไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลยเพราะกลัวว่าหากหิมะตกเยอะรถผมอาจจะติดหิมะที่นี่ได้แต่ปีนี้ด้วยความอยากที่จะถ่ายภาพนกอินทรีหัวขาวให้ได้และคิดว่าหนาวอย่างนี้พวกพลพรรคงูทั้งหลายคงไม่กล้าโผล่ทะลุน้ำแข็งขึ้นมาให้ผมสยองเล่นแน่ๆ
ฤดูหนาวปีนี้ผมจึงเริ่มต้นตามถ่ายภาพนกอินทรีหัวขาวโดยคิดว่าจะไปดูลาดเลาก่อนว่าถนนหนทางหรือมีสิ่งมีชีวิตอะไรที่อยู่ที่ทะเลสาบในช่วงฤดูหนาวนี้ว่าแล้วก็หยิบกล้องNikon D90 พร้อมเลนส์ระยะ 400mmไปหนึ่งตัวแต่ก็ไม่ลืมหยิบกระเป๋ากล้อง Sony NEX5N ที่มีเลนส์อยู่ด้านในด้วย 2-3 ตัวเสมอไปเผื่อด้วย พอไปถึงทะเลสาบยังไม่ทันจอดรถก็เห็นมีความเคลื่อนไหวและได้ยินเสียงปีกของสัตว์มีปีกในตกไม้สนโบราณ (Cypress)จึงลงจากรถมาดู..อุแม่เจ้าทำไมช่างมากมายเหลือคะนานับขนาดนี้ทั้งนกเป็ดน้ำ ห่านป่า ลงมาหาอาหารกินในทะเลสาบเต็มไปหมด

รถผมจอดตรงปากทางเข้าทะเลสาบยังไม่ทันจะเลื่อนจอดดีๆเพราะวิ่งมาถ่ายนกถ่ายห่านก่อน (ภาพนี้และ 3 ภาพถัดไปถ่ายด้วยกล้อง Pentax Q ที่ ผบ.ผมให้สอยมาในราคา 200 เหรียญเอาติดตัวมาด้วยเลยได้ใช้ถ่ายในระยะ 50mm เพราะผมไม่มีเลนส์ระยะนี้ติดไปด้วย)

ที่มองเห็นขาวๆเป็นหย่อมๆคือหิมะที่ยังไม่ละลายและน้ำตรงบริเวณที่มองเห็นเป็นฝ้าๆคือน้ำที่เย็นจัดจนเป็นน้ำแข็ง

จุดแรกที่ผมตั้งขากล้องคือสะพานไม้ที่ยื่นเข้าไปในน้ำของทะเลสาบ

บางที่ก็ยังมีหิมะหลงเหลืออยู่
ผมไม่รอช้ารีบขนอุปกรณ์ไปหาทำเลริมตลิ่งแล้วถ่ายๆๆและถ่ายๆรัวกันเป็นปืนกลทั้งภาคพื้นน้ำและภาคพื้นอากาศจนหน่ำใจแล้วจึงตั้งขากล้องเพื่อถ่ายเจาะเฉพาะที่อยากถ่าย ถ่ายไปได้พักใหญ่ก็มีคุณตาจอนห์และคุณยายแมรี่ขับรถผ่านผมไปแล้วถอยกลับมาบอกว่าโน้น..ทางอีกฝั่งของทะเลสาบมีห่านหิมะลงเป็นฝูงๆนับพันๆตัวขาวพรืดไปหมดเหมือนลานหิมะเลย.. จริงๆเหรอ : ผมอุทานแล้วบอกคุณตาคุณยายไปว่าผมกำลังตามถ่ายนกอินทรีอยู่นี่ก็เห็นตัวแล้วคู่หนึ่งแต่อยู่ไกลมากและต้นไม้ก็บังหมดถ่ายได้แค่ไกลๆได้รูปมาตัวไม่ใหญ่เท่าไรตอนนี้ก็บินหายไปแล้ว..

กำลังถ่ายเป็ดน้ำอยู่ก็มีเงาใหญ่วูบผ่านผมเงยหน้ามองไปเห็นก็เลยแพนตามแล้วกดชัตเตอร์ได้แค่นี้

เงาใหญ่หยุดเกาะที่ต้นสนโบราณต้นหนึ่งในดงสนที่ไกลและต้นไม้บังเยอะเป็นนกอินทรีหัวขาวที่ตามหานั่นเอง

อีกพักก็มีอีกตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ต้นเดียวกันน่าจะเป็นคู่กัน

หาทางเล็งลอดต้นไม้อยู่นานก็ไม่มีมุมเลยสักพักพี่อินทรีก็บินหนีไป
งั้นผมไปดูห่านหิมะที่คุณตาคุณยายช่วยชี้เป้าดีกว่าว่าแล้วก็ขอบอกขอบใจตากะยายแล้วเก็บอุปกรณ์บึ่งรถไปตามหาห่านหิมะตามคำแนะนำ...แต่วันนั้นผมไม่ได้เตรียมตัวว่าจะมาถ่ายห่านจริงๆแถมตอนที่ขับรถหาห่านหิมะก็บ่ายสามโมงเลยเวลาอาหารกลางวันที่ปกติผมกินตอนบ่ายสองครึ่งแล้ว..ขับรถเลาะทะเลสาบไปเรื่อยก็ยังหาห่านหิมะไม่เจอหิวก็หิวแทบจะหาจับนกเป็ดน้ำมาทำเป็ดย่างกินซะแล้ว..ก่อนที่จะตัดสินใจวกรถกลับบ้านก็มีหนุ่มโจ (ชื่อนี่สมมุติเอาหมดนะครับตั้งตามชื่อนิยมของคนอเมริกัน) เห็นผมทำท่าจะจับ...เอ๊ยถ่ายนกเป็ดน้ำอยู่ถอยรถกลับมาถามว่าถ่ายรูปอยู่ใช่ไหม...โน้นทางหลังอาคารด้านโน้นห่านหิมะกำลังลงมาเป็นพันๆตัวผมถ่ายรูปหมดไปหลายร้อยรูปเลยน้าเคนรีบไปทางโน้นเลย.. ผมถามทางย้ำให้แน่ใจอีกทีแล้วบึ่งรถไปตามทิศทางที่เฮียโจบอกทันที...

อาคารที่เฮียโจบอกที่จริงมาดูอีกวันเป็นอาคาร Check Point นัดเจอของพวกพรานล่าสัตว์ใจบาปที่อเมริกาถือว่าเป็นกีฬา (ที่ผมไม่ชอบ)
ขับไปตั้งไกลจนทะลุมา 2 ถนนแล้วเจอทะเลสาบอีกฝั่งแล้วก็ไม่ยักกะเจอห่านหิมะก็เลยตัดใจขับรถกลับทางเดิมพอผ่านอาคารแห่งหนึ่งผมมองเห็นเหมือนกองหิมะที่ยังไม่ละลายในทุ่งหญ้ากว้างหลังอาคารนั้นก็เลยถอยหลังรถมองให้ชัดๆ โอ้...นั่นมันห่านหิมะในตำนานแน่ๆว่าแล้ววันนั้นผมก็ต้องอดกินข้าวกลางวันแต่ก็ไม่ลืมหิวเพราะแสบท้องไปหมด...

หลังอาคารไปกลางทุ่งที่เคยปลูกต้นข้าวสาลีแต่เก็บเกี่ยวหมดแล้วถ้ามองไม่ดีก็คิดว่าเป็นกองหิมะกลางทุ่งที่ยังไม่ละลายเหมือนหิมะด้านล่างในภาพที่ผมยืนถ่ายอยู่

สามแยกที่ผมเลยไปวนไปวนมา 2 เที่ยวหาห่านหิมะไม่เจอเห็นวิวสวยเลยเก็บภาพมาด้วยกล้อง Pentax Q
>>>>> [ นกเป็ดน้ำ ห่านป่า ห่านหิมะ มาดูซิจ๊ะเยอะจริงๆ ตอน 1 : เบื้องหลังและภาพเก็บตก ] <<<<&l
เนื่องจากมีภาพเยอะผมจำต้องแยกมาให้ชมเป็นหมวดหมู่แบ่งเป็นสัก 3-4 ตอนเพื่อไม่ให้กระทู้โหลดภาพนาน...กระทู้แรกนี้ผมขอแหวกม่านประเพณีที่ส่วนใหญ่จะนำเบื้องหลังและภาพเก็บตกมาเสนอในกระทู้สุดท้ายเป็นการปิดกระทู้แต่เนื่องจากผมเกรงว่าถ้าทำอย่างนั้นจะไม่มีใครติดตามชมกระทู้นี้ก็เลยเพราะภาพอาจจะตื่นตาตื่นใจเท่าเลยขอแหวกม่านแหวกแนวตอนแรกเป็นภาพเบื้องหลังและภาพเก็บตกก่อนเลยนะครับ...
*** อย่าลืมคลิ๊กขวาขยายชมภาพ view image ใหญ่สะใจให้สมกับพันทิประบบใหม่ด้วยนะครับ ***
ร้านลุงจิมที่อยู่ติดทะเลสาบเกือกม้า
มีโอกาสแวะร้านของลุงจิมที่เป็นร้านให้เช่าอุปกรณ์ตกปลาทุกชนิดในทะเลสาบรวมทั้งมีเรือให้เช่าแต่พอผมถามว่ามีเรือหางยาวให้เช่าหรือเปล่ากลับไม่มี...กรั๊กๆ คุยกับลุงจิมสัพเพเหระไปเรื่อยตั้งแต่เรื่องงูบริเวณทะเลสาบว่ามีเยอะเหลือเกิน..ลุงจิมก็บอกว่าเรื่องปะติ๋วเพราะแกเจอประจำบางตัวยาว 6-7 ฟุตเลื้อยเข้าในร้านแกแล้วทะลุออกหลังร้านที่อยู่ติดทะเลสาบลงน้ำไป..กึ๊ยย..จนกระทั่งผมวกถามเรื่องนกอินทรีที่เห็นระหว่างทางลุงจิมก็บอกว่าถ้าจะตามถ่ายนกอินทรีให้มาในฤดูหนาวจิประมาณเดือน ม.ค.นี่ยิ่งแจ๋วเลยต้องเจอแน่ๆ
ดังนั้นปีนี้จึงเป็นปีแรกที่ผมหาญกล้าแวะเวียนไปที่ทะเลสาบเกือกม้าในฤดูหนาวที่ผมไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลยเพราะกลัวว่าหากหิมะตกเยอะรถผมอาจจะติดหิมะที่นี่ได้แต่ปีนี้ด้วยความอยากที่จะถ่ายภาพนกอินทรีหัวขาวให้ได้และคิดว่าหนาวอย่างนี้พวกพลพรรคงูทั้งหลายคงไม่กล้าโผล่ทะลุน้ำแข็งขึ้นมาให้ผมสยองเล่นแน่ๆ
ฤดูหนาวปีนี้ผมจึงเริ่มต้นตามถ่ายภาพนกอินทรีหัวขาวโดยคิดว่าจะไปดูลาดเลาก่อนว่าถนนหนทางหรือมีสิ่งมีชีวิตอะไรที่อยู่ที่ทะเลสาบในช่วงฤดูหนาวนี้ว่าแล้วก็หยิบกล้องNikon D90 พร้อมเลนส์ระยะ 400mmไปหนึ่งตัวแต่ก็ไม่ลืมหยิบกระเป๋ากล้อง Sony NEX5N ที่มีเลนส์อยู่ด้านในด้วย 2-3 ตัวเสมอไปเผื่อด้วย พอไปถึงทะเลสาบยังไม่ทันจอดรถก็เห็นมีความเคลื่อนไหวและได้ยินเสียงปีกของสัตว์มีปีกในตกไม้สนโบราณ (Cypress)จึงลงจากรถมาดู..อุแม่เจ้าทำไมช่างมากมายเหลือคะนานับขนาดนี้ทั้งนกเป็ดน้ำ ห่านป่า ลงมาหาอาหารกินในทะเลสาบเต็มไปหมด
รถผมจอดตรงปากทางเข้าทะเลสาบยังไม่ทันจะเลื่อนจอดดีๆเพราะวิ่งมาถ่ายนกถ่ายห่านก่อน (ภาพนี้และ 3 ภาพถัดไปถ่ายด้วยกล้อง Pentax Q ที่ ผบ.ผมให้สอยมาในราคา 200 เหรียญเอาติดตัวมาด้วยเลยได้ใช้ถ่ายในระยะ 50mm เพราะผมไม่มีเลนส์ระยะนี้ติดไปด้วย)
ที่มองเห็นขาวๆเป็นหย่อมๆคือหิมะที่ยังไม่ละลายและน้ำตรงบริเวณที่มองเห็นเป็นฝ้าๆคือน้ำที่เย็นจัดจนเป็นน้ำแข็ง
จุดแรกที่ผมตั้งขากล้องคือสะพานไม้ที่ยื่นเข้าไปในน้ำของทะเลสาบ
บางที่ก็ยังมีหิมะหลงเหลืออยู่
ผมไม่รอช้ารีบขนอุปกรณ์ไปหาทำเลริมตลิ่งแล้วถ่ายๆๆและถ่ายๆรัวกันเป็นปืนกลทั้งภาคพื้นน้ำและภาคพื้นอากาศจนหน่ำใจแล้วจึงตั้งขากล้องเพื่อถ่ายเจาะเฉพาะที่อยากถ่าย ถ่ายไปได้พักใหญ่ก็มีคุณตาจอนห์และคุณยายแมรี่ขับรถผ่านผมไปแล้วถอยกลับมาบอกว่าโน้น..ทางอีกฝั่งของทะเลสาบมีห่านหิมะลงเป็นฝูงๆนับพันๆตัวขาวพรืดไปหมดเหมือนลานหิมะเลย.. จริงๆเหรอ : ผมอุทานแล้วบอกคุณตาคุณยายไปว่าผมกำลังตามถ่ายนกอินทรีอยู่นี่ก็เห็นตัวแล้วคู่หนึ่งแต่อยู่ไกลมากและต้นไม้ก็บังหมดถ่ายได้แค่ไกลๆได้รูปมาตัวไม่ใหญ่เท่าไรตอนนี้ก็บินหายไปแล้ว..
กำลังถ่ายเป็ดน้ำอยู่ก็มีเงาใหญ่วูบผ่านผมเงยหน้ามองไปเห็นก็เลยแพนตามแล้วกดชัตเตอร์ได้แค่นี้
เงาใหญ่หยุดเกาะที่ต้นสนโบราณต้นหนึ่งในดงสนที่ไกลและต้นไม้บังเยอะเป็นนกอินทรีหัวขาวที่ตามหานั่นเอง
อีกพักก็มีอีกตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ต้นเดียวกันน่าจะเป็นคู่กัน
หาทางเล็งลอดต้นไม้อยู่นานก็ไม่มีมุมเลยสักพักพี่อินทรีก็บินหนีไป
งั้นผมไปดูห่านหิมะที่คุณตาคุณยายช่วยชี้เป้าดีกว่าว่าแล้วก็ขอบอกขอบใจตากะยายแล้วเก็บอุปกรณ์บึ่งรถไปตามหาห่านหิมะตามคำแนะนำ...แต่วันนั้นผมไม่ได้เตรียมตัวว่าจะมาถ่ายห่านจริงๆแถมตอนที่ขับรถหาห่านหิมะก็บ่ายสามโมงเลยเวลาอาหารกลางวันที่ปกติผมกินตอนบ่ายสองครึ่งแล้ว..ขับรถเลาะทะเลสาบไปเรื่อยก็ยังหาห่านหิมะไม่เจอหิวก็หิวแทบจะหาจับนกเป็ดน้ำมาทำเป็ดย่างกินซะแล้ว..ก่อนที่จะตัดสินใจวกรถกลับบ้านก็มีหนุ่มโจ (ชื่อนี่สมมุติเอาหมดนะครับตั้งตามชื่อนิยมของคนอเมริกัน) เห็นผมทำท่าจะจับ...เอ๊ยถ่ายนกเป็ดน้ำอยู่ถอยรถกลับมาถามว่าถ่ายรูปอยู่ใช่ไหม...โน้นทางหลังอาคารด้านโน้นห่านหิมะกำลังลงมาเป็นพันๆตัวผมถ่ายรูปหมดไปหลายร้อยรูปเลยน้าเคนรีบไปทางโน้นเลย.. ผมถามทางย้ำให้แน่ใจอีกทีแล้วบึ่งรถไปตามทิศทางที่เฮียโจบอกทันที...
อาคารที่เฮียโจบอกที่จริงมาดูอีกวันเป็นอาคาร Check Point นัดเจอของพวกพรานล่าสัตว์ใจบาปที่อเมริกาถือว่าเป็นกีฬา (ที่ผมไม่ชอบ)
ขับไปตั้งไกลจนทะลุมา 2 ถนนแล้วเจอทะเลสาบอีกฝั่งแล้วก็ไม่ยักกะเจอห่านหิมะก็เลยตัดใจขับรถกลับทางเดิมพอผ่านอาคารแห่งหนึ่งผมมองเห็นเหมือนกองหิมะที่ยังไม่ละลายในทุ่งหญ้ากว้างหลังอาคารนั้นก็เลยถอยหลังรถมองให้ชัดๆ โอ้...นั่นมันห่านหิมะในตำนานแน่ๆว่าแล้ววันนั้นผมก็ต้องอดกินข้าวกลางวันแต่ก็ไม่ลืมหิวเพราะแสบท้องไปหมด...
หลังอาคารไปกลางทุ่งที่เคยปลูกต้นข้าวสาลีแต่เก็บเกี่ยวหมดแล้วถ้ามองไม่ดีก็คิดว่าเป็นกองหิมะกลางทุ่งที่ยังไม่ละลายเหมือนหิมะด้านล่างในภาพที่ผมยืนถ่ายอยู่
สามแยกที่ผมเลยไปวนไปวนมา 2 เที่ยวหาห่านหิมะไม่เจอเห็นวิวสวยเลยเก็บภาพมาด้วยกล้อง Pentax Q