วันนี้กินข้าวเช้า 2 คนหมดไป 90 บาท!!

กระทู้สนทนา
อาศัยอยู่อำเภอเล็กๆ ในต่างจังหวัด
ปกติทานข้าว สองคนกะภรรยา มื้อเช้าจะอยู่ที่มื้อละ 60-70 บาท วันนี้ 90 บาท!
ประกอบด้วย ข้าวเปล่า 2 จาน + แกงเหลือง 1 ถ้วย (มีหน่อไม้ดอง ราวๆ 10 คำ และกุ้งขาวตัวเล็ก 4 ตัว) + ไข่เจียวหมูสับ 1 จาน (ไข่2-3ฟอง หมูนิดหน่อย)
สรุปข้าวนั่นจานละ 10 บาท + แกงเหลือง 40 + ไข่เจียว 30 บาท = 90 บาท น้ำฟรี(บริการตนเอง) นี่ร้านข้าวตามสั่งธรรมดาๆเลยนะ เป็นเพิง โต๊ะม้าหินเลย

ที่ตั้งกระทู้เนี่ย เพราะเริ่มรู้สึกทนไม่ได้กับการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคมากเกินไป
และปกติทำอาหารกินเองตลอด ผมตีราคาต้นทุนให้เลย ไข่ 3 ฟอง 10 บาท + หน่อไม้ดอง 2 บาท + กุ้ง 4 ตัว 10 บาท + ข้าวสวย 2 จาน 5 บาท + หมูสับ(น้อยมาก แทบไม่เห็นว่ามี) 5 บาท + ค่าประกอบอาหาร ค่าแก๊ส ค่าเครื่องปรุง น้ำมันพืช(ใช้ทอดซ้ำหลายครั้ง) ค่าน้ำเปล่า น้ำยาล้างจาน น้ำแข็ง 10 บาทเลยเอ้า
รวม 42 บาท  บวกค่าบริการอีก 10 บาทด้วยเอ้า (แม้บางครั้งจะบอกว่า ข้าวได้แล้ว ให้ไปหยิบและจ่ายตังค์เองที่โต๊ะ แม่ค้าไม่ว่าง)
เต็มที่ 52 บาท ไม่เกินนี้

แต่ขายผม 90 บาท
นี่วันก่อน กินผัดผักบุ้งไฟแดง จานละ 40 บาท! พระเจ้า ต้นทุน 10 บาท ขาย 40 บาท!
ถ้าเป็นร้านใหญ่ๆ ร้านอาหารดีๆ ไม่ใช่ข้างทางแบบนี้นะ มีบริการเสิร์ฟ นู่นนี่นั่น เอาเหอะ คุณคิดบวกไป 50% เพื่อไปปรับปรุงบริการ เพื่อเอาเงินไปทำร้านสวยๆน่านั่ง เพื่อเอาไปจ้างพนักงานเสิร์ฟ ค่ายูนิฟอร์ม ค่าไฟ ค่าแอร์ ค่าที่จอดรถ ค่าเช่าที่ คุณบวกไปเลย โอเครับได้
ผัดผักบุ้งไฟแดง ขายจานละ 50 โอเค
แต่นี่อะไรเนี่ย!!
บวก 90-400% แต่นี่มันไม่ใช่เลย ที่สำคัญคนทานคือใคร ชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา แรงงาน คนที่มาติดต่อธุระสถานที่ราชการแบบผม (ร้านติดสถานที่ราชการ) รายได้เขาเท่าไร คุณเอากำไรขนาดนี้?

ร้านนี้คนทานเยอะ แถมเปิด 6.30 - 18.30 น. รวม 12 ชม. ขายดี ช่วงเช้า (คนมารอทำธุระ) + ช่วงเที่ยง (คนมารอทำธุระอีก)
ผมตีว่า ทั้งวันน่าจะได้ลูกค้าราว 100-150 คน(ขั้นต่ำเลย) คุณขายจานละ 25-30 บาท(ราดข้าว) รายได้ขั้นต่ำต่อวัน น่าจะ 3000-4000 บาท
นี่ไม่นับรวมคนกิน2จานนะ คุณขายทุกวัน เสาร์อาทิตย์อาจได้น้อยกว่าวันธรรมดา แต่ผมคิดแค่ 25 วันต่อเดือนละกัน
รายได้จะอยู่ที่ 25x4000 บาท = 100,000 บาท ต่อเดือน (ขั้นต่ำนะเนี่ย)
คุณหักต้นทุน 50% รายได้คุณจะอยู่ที่ 50,000 บาท ต่อเดือน
อืมมมม ... ส่วนคนที่มาทานร้านคุณ อัตราจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน (ยังเถียงกันแทบตาย กว่าจะได้) เขาได้เดือนละ 9000 บาท (จริงๆ ไม่ถึง เพราะต้องหักวันหยุดอีก) ตอนนี้คุณอ้างว่า เขาขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นวันละ 300 บาท คุณเลยขึ้นค่าข้าวอีก เป็นจานละ 30-35 บาท

ผมถามจริงๆ ถ้าคุณไม่ขึ้นค่าข้าว คุณขาดทุนไหม ? ผมว่าแค่กำไรลดลง?
แต่ในความเป็นจริง ผมจ่ายตลาดทำกับข้าวเอง ราคาวัตถุดิบ แทบไม่ขึ้นเลย เมื่อเทียบกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเป็น 300 บาท
ไข่ไก่ ขึ้นกี่สตางค์ ต่อฟอง คุณขึ้นค่าไข่ดาว 5 บาทเป็น 7 บาท  ค่าข้าวราด คุณเพิ่ม 25 เป็น 30 บาท คุณล่อเพิ่มไป 20 %
ที่สำคัญ ทุกร้าน ขึ้นกันหมด และปริมาณอาหารเท่าเดิม (คือน้อยเท่าเดิม)

นี่มันอะไรกัน?
คุณไปดูอาชีพอื่น เดินไปร้านขายยานะ
ไปถามซื้อ พาราแคป 1 แผง คุณบอกด้วยว่าแผงละกี่บาท ผมบอกให้ว่า มันส่งมาแผงละ 6-7 บาทต่อแผง
คุณเดินไปร้านขายของชำนะ ถามเขาว่า ชาเขียวโออิชิ ขวดละกี่บาท แล้วไปห้างแมคโครนะ ไปดูซิว่า เขารับมาเท่าไร
แล้วคุณจะรู้ว่า ของกินอื่นๆ เขาขายกันน่ะ เขาบวกเพิ่ม เท่าตัวรึเปล่า?

แล้วพวกนี้ภาษีจ่ายน้อยกว่าร้านอาหารใหญ่ๆ เพราะไม่ต้องเสียค่าภาษีป้าย ไม่ต้องจดเป็นนิติบุคคล ไม่ต้องเสียค่าสวัสดิการพนักงาน ไม่มีสรรพากรมานั่งจดจ้องว่าจะเลี่ยงภาษีไหม ค่าเช่าก็ถูก บางร้านนี่ขายข้างถนนกันเลย แต่ขายดีมากกกกกกก

ผมอยากรู้
ทุกวันนี้รักษาคนไข้ เอ็นเข่าอักเสบ ด้วยยา 2 ตัว กินได้ 7 วัน 150 บาท!(รวมค่าตรวจแล้ว)
ตกวันละ 20 บาทนิดๆ บางคนยังบอกแพง!! ก็รพ.มันฟรี ก็ไปซื้อร้านขายยาถูกกว่า
คิดแล้วหงุดหงิด มื้อเช้าจ่ายเงินค่าข้าว 90 บาท มันเท่ากับรักษาโรคได้โรคหนึ่งหรือหลายโรคทีเดียว (ถ้าท้องเสีย ผมรักษาแค่ 50 บาท)
เป็นปัจจัยสี่เหมือนกัน ข้าว-อาหาร กับ ยารักษาโรค
แต่บอกได้เลยว่า กำไรต่างกันเยอะมากกกกกก

สรุป จะผันไปเน้นธุรกิจร้านอาหารแบบข้างทางแล้ว คลินิก เลิก!! เหนื่อย เครียด เสี่ยงตายเสี่ยงติดโรค  เสี่ยงโดนฟ้อง เสียสุขภาพจิต
ขายอาหารข้างทาง รวยกว่า เซฟกว่า สบายใจกว่า ชอบอยู่แล้ว ทำอาหารเนี่ย!

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่