งบ Q4 คงจะออกช่วงตรุษจีน ประมาณกลางเดือนหน้านะครับ ซึ่งผมก็คาดว่าน่าจะได้ตามคาดที่รายได้ 1,000ล และกำไรที่ 70ล ซึ่งผมว่าราคาหุ้นก็ขึ้นมารอรับแล้วที่ประมาณ 13.30 - 13.50บาท (EPS 0.54 @ PE 25)
มาดูแนวโน้มธุรกิจในปีนี้กันครับ
1. ปรับโครงสร้างรายได้ให้มีรายได้ในระยะยาวมาขึ้นครับ อย่างเรื่องของการรับงานจากพม่านะครับ อย่างที่บอกๆไปแล้วครับ มีสองงานใหญ่ที่พม่าที่จะทำให้เกฺิดรายได้ในระยะยาวโดยลงทุนในการผลิตน้ำดีและรับบำบัดน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรมในพม่า (ทำร่วมกับ UAC ซึ่งเป็นเพื่อนวิศวะ และเจ้าของ UAC ก็ถือหุ้นรวมถึงซื้อหุ้นเพิ่มด้วย) ซึ่งผมมองว่าเป็นการหาช่องทางใหม่ซึ่งไม่สามารถหาได้ง่ายในประเทศเพราะรายใหญ่คุมพื้นที่หมดด้วย ซึ่งรายได้ตามข่าวนี่สูงถึง 500ล บาทต่อปี รวมทั้งสองโครงการนะครับ รวมถึงลงทุนทำน้ำประปาขายในจังหวัดเชียงใหม่รอบนอกเมืองที่การประปาไม่อยากทำซึ่งเซ็นสัญญา 30ปี ที่มีรายได้ต่อปีเิริ่มต้นที่หลัก 100ล จนไปถึง 300-400ล ในปีหลังๆ ซึ่งคาดว่าจะมีงานในลักษะนี้อีกในอนาคตครับ ถ้ามองในระยะยาวสัก 3-5ปี ข้างหน้าก็น่าจะสดใสนะครับ ซึ่งในปีนี้คงยังจะไม่เห็นรายได้จากการลงทุนแบบนี้มากนักเพราะยังอยู่ในขั้ยตอนการก่อสร้างหรือเริ่มดำเนินการนะครับ ซึ่งกำไรจากการลงทุนแบบนี้ตาม Opp day นี่สูงนะครับที่ประมาณ 20%+ เมื่อเทียบกับสัดส่วนกำไรของงานรับเหมาที่ประมาณ 10% ซึ่งส่วนนี้จะทำให้สัดส่วนกำไรต่อรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณ 7% นะครับ ( ในธุรกิจเดียวกันนี้ทำกำไรกัน สองหลักนะครับ)
2. รายได้จากงานรับเหมา จากข้อมูลจาก Opp day และข่าวก็น่าจะยังรักษาระดับที่สูงอยู่ ซึ่งก็น่าจะแตะที่ 1,100 - 1,300ล ได้นะครับ ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานที่จะตั้งเป้าโต 30% จากปีนี้ครับ ยังไงก็ลองหากระทู้เก่าของผมหรือหาจากแหล่งข่าวนะครับ
3. รายได้จากงานรับบริหารการผลิตน้ำหรือบำบัดน้ำให้กับภาคเอกชน ซึ่งในส่วนนี้คาดว่าคงจะไม่เพิ่มขึ้นนะครับ เพราะตามข้อมูลจาก Opp day บริษัทไม่ได้มุ่งเน้นมากนัก ซึ่งเหมือนกับว่าให้บริการลูกค้าครบวงจรหลังจากสร้างระบบให้มากกว่า ซึ่งการน่าจะทำรายได้ไม่น่าเกินหลัก 100ล
ข่าวที่อาจมากระทบกับราคาหุ้นในปีนี้
1. แน่นอนครับ ข่าวการรับงานพม่า ยังคงกระตุ้นความสนใจของตลาดได้ครับ อีกทั้งยังข้ามไปดูแนวโน้มงานที่อินโนีเซียด้วยครับ ซึ่งถ้าได้งานอีกคงกระตุ้นเพิ่มได้อีกนะครับ
2. การซื้อหุ้นเพิ่มของ ดร. ไพบูลย์ (โดยใช้ชื่อภรรยา) และเจ้าของ UAC ซึ่งทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมรุ่นวิศวะจุฬา แล้วก็ในอาทิตย์มีการซื้อขายหุ้นตัวนี้นอกกระดานอีก 10ล หุ้น ซึ่งผมยังหาข้อมูลไม่ได้ว่าใครซื้อขาย 10ลหุ้นนี้ครับ ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างอย่างที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มธุรกิจในอนาคตครับ ซึ่ง UAC ก็เริ่มที่จะปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจด้วยครับ โดยที่ทั้ง UAC และ HYDRO ก็ตั้งบริษัทร่วมทุนกันแล้ว อีกทั้งยังไปรับงานพมาสร่วมกันด้วยครับ
3. Market Cap ของหุ้นตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 1,700ล (130ล้านหุ้น ที่ราคา13.30บาท) ซึ่งถ้ามองว่าบริษัทจะโตที่ 30%ต่อปี, รับงานลงทุนที่พม่าระดับ 800 - 1,000ล, ลงทุนทำน้ำประปาชุมชนที่ประมาณ 300-500ล ต่อปี, รับงานรับเหมาที่ 1,200 - 1,500ล ต่อปี, จะข้ามไปลงทุนในต่างประเทศเช่น อินโด ผมว่า Market Cap ควรต้องสมศักดิ์ศรีกว่านี้นิดนึง ซึ่งอาจจะมาจากการที่ตลาดมองเห็นศักยภาพในอนาคตแล้วให้ค่า
PE สูงกว่าตลาดปกติ หรือว่า HYDRO ต้องเพิ่มทุนแล้วขยายโดยรักษาราคาหุ้นให้เหมือนกัย UAC ก็น่าจะสมน้ำสมเนื่อกับขนาดของงานที่จะรับครับ ผมเดานะครับว่า ถ้าจะเพิ่มทุนละก็ คงทำคล้ายกับ UAC ทำหลังจากงบ Q4 ออกหรือหลังประกาศจ่ายปันผลซึ่งอาจจ่ายเป็นหุ้นเพิ่มทุนก็ได้นะครับ
จากที่กล่าวมานะครับผมคาดว่าราคาหุ้นน่าจะมีโอกาศดังนี้
1. ราคาปีนี้น่าจะสูงสุดที่ประมาณ 17-18บาท (กำไร 90ล EPS 0.70 PE 25) Upside 22% จากราคาวันนี้ โดยไม่มีเพิ่มทุน
2. ถ้ามีเพิ่มทุนแล้วทำได้ดีเหมือน UAC ละก็ คงได้เห็นที่ราคา 7 - 8 บาท หลังจากลดพาร์ครึ่งนึงแล้วเพิ่มทุนร่วมกับแจกวอร์แรนด้วย ซึ่งผมลองใช้วิธีแบบ UAC ก็จะได้ต้นทุนลดลงไปประมาณ 5-8% ในขณะที่ราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้นด้วยครับ โดยถ้าเอาทุกอย่างมาลงที่ราคาหุ้น (ราคาที่เพิ่มขึ้น, ได้หุ้นเพิ่มทุนที่ราคาต่ำ, ได้วอร์แรนฟรี) ก็เห็นมูลค่าที่ประมาณ 20-22 บาทจากราคาพาร์ตอนนี้หลังจากระยะเวลาแลกวอร์แรนนะครับ
3. ผมตามหุ้นตัวนี้มาเกือบปีแล้วครับ มีคนช่วยรักษาราคาหุ้นครับ ตกไม่กี่วันหรือไม่กี่ช่องก็กลับมาได้ตลอดครับ
ถ้ายังไม่มีหรือจะซื้อเพิ่มก็อ่านแล้วและถ้าเห็นคล้ายกันก็หาข้อมูลเพิ่มเอาเองให้มั่นใจก่อนซื้อลงทุนนะครับ ถ้าใครมีอยู่ก่อนแชร์ข้อมูลทั้งดีและข้อควรจับตาด้วยนะครับ
ปล. ใครถืออยู่หรือเคยถือแล้วได้กำไรก็มาเช็คชื่อด้วยนะครับ
HYDRO รอลุ้นงบ Q4 แล้งมาประเมินราคาหุ้นปีนี้กันครับ
มาดูแนวโน้มธุรกิจในปีนี้กันครับ
1. ปรับโครงสร้างรายได้ให้มีรายได้ในระยะยาวมาขึ้นครับ อย่างเรื่องของการรับงานจากพม่านะครับ อย่างที่บอกๆไปแล้วครับ มีสองงานใหญ่ที่พม่าที่จะทำให้เกฺิดรายได้ในระยะยาวโดยลงทุนในการผลิตน้ำดีและรับบำบัดน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรมในพม่า (ทำร่วมกับ UAC ซึ่งเป็นเพื่อนวิศวะ และเจ้าของ UAC ก็ถือหุ้นรวมถึงซื้อหุ้นเพิ่มด้วย) ซึ่งผมมองว่าเป็นการหาช่องทางใหม่ซึ่งไม่สามารถหาได้ง่ายในประเทศเพราะรายใหญ่คุมพื้นที่หมดด้วย ซึ่งรายได้ตามข่าวนี่สูงถึง 500ล บาทต่อปี รวมทั้งสองโครงการนะครับ รวมถึงลงทุนทำน้ำประปาขายในจังหวัดเชียงใหม่รอบนอกเมืองที่การประปาไม่อยากทำซึ่งเซ็นสัญญา 30ปี ที่มีรายได้ต่อปีเิริ่มต้นที่หลัก 100ล จนไปถึง 300-400ล ในปีหลังๆ ซึ่งคาดว่าจะมีงานในลักษะนี้อีกในอนาคตครับ ถ้ามองในระยะยาวสัก 3-5ปี ข้างหน้าก็น่าจะสดใสนะครับ ซึ่งในปีนี้คงยังจะไม่เห็นรายได้จากการลงทุนแบบนี้มากนักเพราะยังอยู่ในขั้ยตอนการก่อสร้างหรือเริ่มดำเนินการนะครับ ซึ่งกำไรจากการลงทุนแบบนี้ตาม Opp day นี่สูงนะครับที่ประมาณ 20%+ เมื่อเทียบกับสัดส่วนกำไรของงานรับเหมาที่ประมาณ 10% ซึ่งส่วนนี้จะทำให้สัดส่วนกำไรต่อรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณ 7% นะครับ ( ในธุรกิจเดียวกันนี้ทำกำไรกัน สองหลักนะครับ)
2. รายได้จากงานรับเหมา จากข้อมูลจาก Opp day และข่าวก็น่าจะยังรักษาระดับที่สูงอยู่ ซึ่งก็น่าจะแตะที่ 1,100 - 1,300ล ได้นะครับ ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานที่จะตั้งเป้าโต 30% จากปีนี้ครับ ยังไงก็ลองหากระทู้เก่าของผมหรือหาจากแหล่งข่าวนะครับ
3. รายได้จากงานรับบริหารการผลิตน้ำหรือบำบัดน้ำให้กับภาคเอกชน ซึ่งในส่วนนี้คาดว่าคงจะไม่เพิ่มขึ้นนะครับ เพราะตามข้อมูลจาก Opp day บริษัทไม่ได้มุ่งเน้นมากนัก ซึ่งเหมือนกับว่าให้บริการลูกค้าครบวงจรหลังจากสร้างระบบให้มากกว่า ซึ่งการน่าจะทำรายได้ไม่น่าเกินหลัก 100ล
ข่าวที่อาจมากระทบกับราคาหุ้นในปีนี้
1. แน่นอนครับ ข่าวการรับงานพม่า ยังคงกระตุ้นความสนใจของตลาดได้ครับ อีกทั้งยังข้ามไปดูแนวโน้มงานที่อินโนีเซียด้วยครับ ซึ่งถ้าได้งานอีกคงกระตุ้นเพิ่มได้อีกนะครับ
2. การซื้อหุ้นเพิ่มของ ดร. ไพบูลย์ (โดยใช้ชื่อภรรยา) และเจ้าของ UAC ซึ่งทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมรุ่นวิศวะจุฬา แล้วก็ในอาทิตย์มีการซื้อขายหุ้นตัวนี้นอกกระดานอีก 10ล หุ้น ซึ่งผมยังหาข้อมูลไม่ได้ว่าใครซื้อขาย 10ลหุ้นนี้ครับ ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างอย่างที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มธุรกิจในอนาคตครับ ซึ่ง UAC ก็เริ่มที่จะปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจด้วยครับ โดยที่ทั้ง UAC และ HYDRO ก็ตั้งบริษัทร่วมทุนกันแล้ว อีกทั้งยังไปรับงานพมาสร่วมกันด้วยครับ
3. Market Cap ของหุ้นตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 1,700ล (130ล้านหุ้น ที่ราคา13.30บาท) ซึ่งถ้ามองว่าบริษัทจะโตที่ 30%ต่อปี, รับงานลงทุนที่พม่าระดับ 800 - 1,000ล, ลงทุนทำน้ำประปาชุมชนที่ประมาณ 300-500ล ต่อปี, รับงานรับเหมาที่ 1,200 - 1,500ล ต่อปี, จะข้ามไปลงทุนในต่างประเทศเช่น อินโด ผมว่า Market Cap ควรต้องสมศักดิ์ศรีกว่านี้นิดนึง ซึ่งอาจจะมาจากการที่ตลาดมองเห็นศักยภาพในอนาคตแล้วให้ค่า
PE สูงกว่าตลาดปกติ หรือว่า HYDRO ต้องเพิ่มทุนแล้วขยายโดยรักษาราคาหุ้นให้เหมือนกัย UAC ก็น่าจะสมน้ำสมเนื่อกับขนาดของงานที่จะรับครับ ผมเดานะครับว่า ถ้าจะเพิ่มทุนละก็ คงทำคล้ายกับ UAC ทำหลังจากงบ Q4 ออกหรือหลังประกาศจ่ายปันผลซึ่งอาจจ่ายเป็นหุ้นเพิ่มทุนก็ได้นะครับ
จากที่กล่าวมานะครับผมคาดว่าราคาหุ้นน่าจะมีโอกาศดังนี้
1. ราคาปีนี้น่าจะสูงสุดที่ประมาณ 17-18บาท (กำไร 90ล EPS 0.70 PE 25) Upside 22% จากราคาวันนี้ โดยไม่มีเพิ่มทุน
2. ถ้ามีเพิ่มทุนแล้วทำได้ดีเหมือน UAC ละก็ คงได้เห็นที่ราคา 7 - 8 บาท หลังจากลดพาร์ครึ่งนึงแล้วเพิ่มทุนร่วมกับแจกวอร์แรนด้วย ซึ่งผมลองใช้วิธีแบบ UAC ก็จะได้ต้นทุนลดลงไปประมาณ 5-8% ในขณะที่ราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้นด้วยครับ โดยถ้าเอาทุกอย่างมาลงที่ราคาหุ้น (ราคาที่เพิ่มขึ้น, ได้หุ้นเพิ่มทุนที่ราคาต่ำ, ได้วอร์แรนฟรี) ก็เห็นมูลค่าที่ประมาณ 20-22 บาทจากราคาพาร์ตอนนี้หลังจากระยะเวลาแลกวอร์แรนนะครับ
3. ผมตามหุ้นตัวนี้มาเกือบปีแล้วครับ มีคนช่วยรักษาราคาหุ้นครับ ตกไม่กี่วันหรือไม่กี่ช่องก็กลับมาได้ตลอดครับ
ถ้ายังไม่มีหรือจะซื้อเพิ่มก็อ่านแล้วและถ้าเห็นคล้ายกันก็หาข้อมูลเพิ่มเอาเองให้มั่นใจก่อนซื้อลงทุนนะครับ ถ้าใครมีอยู่ก่อนแชร์ข้อมูลทั้งดีและข้อควรจับตาด้วยนะครับ
ปล. ใครถืออยู่หรือเคยถือแล้วได้กำไรก็มาเช็คชื่อด้วยนะครับ