สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
มาตอบค่ะ การสัมภาษณ์พ่อแม่ใช้เวลาประมาณวันครึ่ง วันแรกเด็กไม่ต้องไป เค้าจะแบ่งพ่อแม่เป็นกลุ่มค่ะ แล้วมีคำถามให้พ่อแม่แชร์คำตอบกัน ตรงนี้สำคัญนะคะ เพราะเค้าจะดูทัศนคติของเราจากตรงนี้ แล้วจะมีกระดาษคำถามให้เราตอบด้วย ลักษณะคำถามจะให้เราเขียนบรรยาย เช่น เรามีความคาดหวังที่จะให้ลูกของเราเติบโตเป็นอย่างไร
วันที่สอง เค้าจะให้พาเด็กมาด้วย มาอยู่ร่วมกันกับเด็กคนอื่น แต่ไม่ได้หมายความว่า ถ้าลูกเราซนหรือดื้อแล้ว รร.จะไม่รับนะคะ รร.นี้เค้าให้โอกาสเด็กทุกคนเท่าเทียมกันค่ะ ระหว่างนั้นเค้าจะเชิญขึ้นไปสัมภาษณ์ทีละครอบครัว คิดว่าคงดูทัศนคติและแนวทางการเลี้ยงดูของพ่อแม่อีกนั่นแหละค่ะ
ส่วนเรื่องศาสนาที่แตกต่างไม่มีผลค่ะ เพื่อนในห้องลูกก็มีที่เป็นอิสลามเหมือนกัน บางห้องก็มีที่นับถือคริสต์
เรื่องการเรียนการสอนบอกก่อนเลยว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้มแข็งนะคะ เพราะที่นี่อนุบาลไม่อ่านเขียน ลูกเราจะ 6 ขวบ ยังอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือภาษาอังกฤษได้ เพราะเราสอนเอง ส่วนภาษาไทยเขียนได้บ้าง แต่เขียนแบบผิด ๆ ถูก ๆ เพราะเราไม่ได้สอน บางทีญาติพี่น้องไปเปรียบเทียบกับเด็กวัยเดียวกันที่เรียนแนววิชาการก็จะบ่นว่า ส่งไป รร. ทำอะไรเนี่ย ป่านนี้ยังเขียนอ่านไม่ได้ แต่เราหนักแน่นค่ะ หาได้แคร์ไม่
สิ่งที่ลูกทำในแต่ละวันคือ เช้าไปถึง รร. เด็ก ๆ จะเอาของในกระเป๋าออกมาจัดเข้าที่ ที่นี่ต้องมีเสื้อผ้าไปอีก 2 ชุดค่ะ เป็นชุดนอนและชุดใส่กลับบ้าน ตอนแรกก็รู้สึกว่าเยอะ แต่หลัง ๆ ก็เข้าใจว่า เค้าฝึกให้เด็กแต่งตัวเองให้เป็นด้วยวิธีนี้ วันจันทร์เด็กต้องใส่ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน เสร็จแล้วถึงจะเข้ามุมเล่นอย่างอิสระกับเพื่อน สาย ๆ ก็เก็บของเล่น ล้างมือ ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ แล้วมาทำกิจกรรมวงกลม สวดมนต์ ไหว้พระ ร้องเพลง ทักทายกัน กินของว่างเช้า แล้วลงไปเล่นสนามทรายหรือเดินป่า
ขึ้นมาอาบน้ำ เปลี่ยนชุดนอน กินอาหารเที่ยง แปรงฟัน จัดที่นอน แล้วนอนกลางวันประมาณ 1 ชม ตื่นขึ้นมาก็เก็บที่นอน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกลับบ้าน กินของว่างบ่าย แล้วมีกิจกรรมวงกลมส่งท้าย สวดมนต์ แผ่เมตตา ฟังนิทาน ฯลฯ เสร็จแล้วก็ลงมาเล่นสนามทรายรอพ่อแม่มารับ
จะเห็นว่ากิจกรรมที่นี่ไม่ได้มีสอนอ่านเขียน ห้องเรียนไม่มี structure ค่ะ เด็ก ๆ นั่งกันเป็นวงกลม เน้นการเล่นสร้างกล้ามเนื้อมือ โหนบาร์ เล่นชิงช้า ตอนลูกขึ้น อ.2 มีกิจกรรมให้ทำมากขึ้น ทั้งวาดรูป สีเทียน สีน้ำ ทำอาหาร ที่นี่สอนเด็กให้รับผิดชอบตัวเอง ลูกอยู่ รร.มีโอกาสซักผ้าเช็ดโต๊ะ ล้างแก้ว บางวันช่วยคุณครูเก็บล้างภาชนะที่ทำอาหาร จากที่ทำอะไรเองไม่เป็นเลย พอเรียนที่นี่ซักพัก ก็อาบน้ำเองได้ แต่งตัวเอง กินข้าวเอง ฯลฯ
วันที่สอง เค้าจะให้พาเด็กมาด้วย มาอยู่ร่วมกันกับเด็กคนอื่น แต่ไม่ได้หมายความว่า ถ้าลูกเราซนหรือดื้อแล้ว รร.จะไม่รับนะคะ รร.นี้เค้าให้โอกาสเด็กทุกคนเท่าเทียมกันค่ะ ระหว่างนั้นเค้าจะเชิญขึ้นไปสัมภาษณ์ทีละครอบครัว คิดว่าคงดูทัศนคติและแนวทางการเลี้ยงดูของพ่อแม่อีกนั่นแหละค่ะ
ส่วนเรื่องศาสนาที่แตกต่างไม่มีผลค่ะ เพื่อนในห้องลูกก็มีที่เป็นอิสลามเหมือนกัน บางห้องก็มีที่นับถือคริสต์
เรื่องการเรียนการสอนบอกก่อนเลยว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้มแข็งนะคะ เพราะที่นี่อนุบาลไม่อ่านเขียน ลูกเราจะ 6 ขวบ ยังอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือภาษาอังกฤษได้ เพราะเราสอนเอง ส่วนภาษาไทยเขียนได้บ้าง แต่เขียนแบบผิด ๆ ถูก ๆ เพราะเราไม่ได้สอน บางทีญาติพี่น้องไปเปรียบเทียบกับเด็กวัยเดียวกันที่เรียนแนววิชาการก็จะบ่นว่า ส่งไป รร. ทำอะไรเนี่ย ป่านนี้ยังเขียนอ่านไม่ได้ แต่เราหนักแน่นค่ะ หาได้แคร์ไม่
สิ่งที่ลูกทำในแต่ละวันคือ เช้าไปถึง รร. เด็ก ๆ จะเอาของในกระเป๋าออกมาจัดเข้าที่ ที่นี่ต้องมีเสื้อผ้าไปอีก 2 ชุดค่ะ เป็นชุดนอนและชุดใส่กลับบ้าน ตอนแรกก็รู้สึกว่าเยอะ แต่หลัง ๆ ก็เข้าใจว่า เค้าฝึกให้เด็กแต่งตัวเองให้เป็นด้วยวิธีนี้ วันจันทร์เด็กต้องใส่ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน เสร็จแล้วถึงจะเข้ามุมเล่นอย่างอิสระกับเพื่อน สาย ๆ ก็เก็บของเล่น ล้างมือ ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ แล้วมาทำกิจกรรมวงกลม สวดมนต์ ไหว้พระ ร้องเพลง ทักทายกัน กินของว่างเช้า แล้วลงไปเล่นสนามทรายหรือเดินป่า
ขึ้นมาอาบน้ำ เปลี่ยนชุดนอน กินอาหารเที่ยง แปรงฟัน จัดที่นอน แล้วนอนกลางวันประมาณ 1 ชม ตื่นขึ้นมาก็เก็บที่นอน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกลับบ้าน กินของว่างบ่าย แล้วมีกิจกรรมวงกลมส่งท้าย สวดมนต์ แผ่เมตตา ฟังนิทาน ฯลฯ เสร็จแล้วก็ลงมาเล่นสนามทรายรอพ่อแม่มารับ
จะเห็นว่ากิจกรรมที่นี่ไม่ได้มีสอนอ่านเขียน ห้องเรียนไม่มี structure ค่ะ เด็ก ๆ นั่งกันเป็นวงกลม เน้นการเล่นสร้างกล้ามเนื้อมือ โหนบาร์ เล่นชิงช้า ตอนลูกขึ้น อ.2 มีกิจกรรมให้ทำมากขึ้น ทั้งวาดรูป สีเทียน สีน้ำ ทำอาหาร ที่นี่สอนเด็กให้รับผิดชอบตัวเอง ลูกอยู่ รร.มีโอกาสซักผ้าเช็ดโต๊ะ ล้างแก้ว บางวันช่วยคุณครูเก็บล้างภาชนะที่ทำอาหาร จากที่ทำอะไรเองไม่เป็นเลย พอเรียนที่นี่ซักพัก ก็อาบน้ำเองได้ แต่งตัวเอง กินข้าวเอง ฯลฯ
ความคิดเห็นที่ 12
ลูกเรียนที่นี่15ปีค่ะ วันพฤหัสที่ผ่านมาเป็นวันสุดท้ายของการรับส่งลูก หากมีคำพูดใดที่มีความหมายกว่าคำว่า ขอบคุณ ดิฉันอยากใช้คำนั้นทันที ขอบคุณคุณครูทุกท่าน ขอบคุณ รร. ลูก2คนคงเป็นสิ่งที่อ้างอิงได้อย่างดี ในการเข้ามาตอบกระทู้ของดิฉัน การสัมภาษณ์ผู้ปกครองถือเป็นสิ่งใหม่ที่น่าสนใจมากสำหรับดิฉันเมื่อ15ปีที่แล้ว ประทับใจที่สุด เพราะเรามักนิยมแต่จะส่งลูกสอบเข้ารร.อนุบาลมีชื่อ แถมต้องมีการติวอีกด้วย แต่ดิฉันปฏิเสธการเลือกวิธีนี้อย่างสิ้นเชิง ปัจจุบันลูกติดมหาลัยแล้วทั้ง2คน ไม่มีการติวกวดวิชาที่ใดๆเลย เป็นความรู้จากครูอาจารย์รุ่งอรุณล้วนๆ และเมื่อเข้ามหาลัยแล้วเกรดที่ได้คือเฉลี่ย3.5 เฉลี่ยในรุ่นของลูกที่เพิ่งจบไปอยู่ในสถาบันต่างๆนะคะ สรุปได้ว่าเด็กรุ่งอรุณมีคุณภาพ โดยเฉพาะเมื่อเค้าเติบโตเรียนมหาลัย ศักยภาพจะสูงกว่าเด็กทั่วไป (เป็นคำพูดของอาจารย์ในมหาลัยค่ะ) เด็กรุ่งอรุณเป็นผู้มีความคิด เพราะถูกปลูกฝังความคิดแบบเป็นระบบ มีความอดทนรอคอยความสำเร็จเป็น การทำงานเป็นทีมดีมาก เพราะถูกฝึกฝนมาอย่างยาวนาน หากพ่อแม่ไม่แสวงหาความเป็นเลิศทางคะแนนสอบ แต่แสวงหาปัญญา เพราะความรู้ได้จากการศึกษา แต่ปัญญาจะได้จากการลงมือทำ และเคี่ยวกรำจนเกิดความชำนาญ จะพบได้จากเด็กที่นี่ เด็กรุ่งอรุณเรียนหนัก ยิ่งโตยิ่งหนัก ทำงานภาคสนามเยอะมาก ช่วยเหลือตัวเองได้ดี อยากให้ทุกท่านที่จะตัดสินใจ ขอให้มั่นใจ ดิฉันไม่เคยลังเลสงสัยเลยกับ15ปีที่รับส่งลูกที่รร.นี้ แต่ดิฉันกลับสงสัยระบบการศึกษาไทยแบบเดิมๆในขณะนี้มากกว่าที่ล้มเหลว และพ่อแม่ต้องส่งลูกเรียนพิเศษแทบทุกวันที่มีเวลา แต่มาตฐานเรากลับตกต่ำลงตลอด ถ้าวิธีการเรียนการสอนที่นิยมวัดเด็กที่คะแนน รร.ที่คัดเด็กคะแนนดีๆเข้ามาเพื่อโหนคะแนนเด็กสร้างชื่อเสียง เด็กคิดเองไม่ได้ ทำอะไรไม่เป็น นอกจากทำคะแนน เป็นสิ่งที่ถูกต้องและถูกทาง มาตรฐานการศึกษาไทยคงไม่เป็นสภาพนี้
หากดิฉันกล่าวผิด หรือล่วงเกินผู้หนึ่งผู้ใด หรืออ่านแล้วทำให้สับสน กรุณาให้อภัยด้วยนะคะ
หากดิฉันกล่าวผิด หรือล่วงเกินผู้หนึ่งผู้ใด หรืออ่านแล้วทำให้สับสน กรุณาให้อภัยด้วยนะคะ
ความคิดเห็นที่ 5
ลูกเรียนอ.1กำลังจะขึ้น อ.2คะ
รร นี้สัมภาษณ์พ่อแม่เป็นหลักคะว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับรร แนวนี้และคาดหวังในตัวลูกเช่นไร
แสดงทัศนคติของเราออกมาคะถ้ามันตรงกับแนวทางของเขาก็น่าจะผ่านคะ
เพราะเท่าที่ผ่านมาเรารู้สึกว่า. รร แนวนี้มันไม่ใช่แค่ รร กับครูเท่านั้นที่จะอบรมและปูพื้นฐานเรื่องต่างๆให้เด็ก
แต่ตัวพ่อแม่และครอบครัวต้องเข้าใจและพร้อมจะร่วมมือกับทาง รร ด้วย กิจกรรมมีมาเรื่อยๆถ้าไม่มีเวลาก็จบมังคะ
แค่สัมภาษณ์ก็ใช้เวลาสองวันแล้วคะถ้าผ่านก็ต้องอบรมผู้ปกครองอีก30ชม.
สิ่งที่ประทับใจ รร คือตัว รร ไปแล้วน่าเรียนคะและผู้ปกครองก็ใช้ชีวิตอยู่ใน รร รอลูกได้อย่างสบายๆเหมือนอยู่บ้าน
ลูกอยู่กับครูที่เอาใจใส่และสังเกตุพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด บอกกล่าวแก้ปัญหาของลูกๆด้วยกัน
ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น แต่อันนี้คือประเด็นเลยว่าพ่อแม่ต้องมีใจที่จะหนุนให้ลูกทำเองด้วยนะคะถ้าอยู่ รร ทำได้กลับบ้านพ่อแม่ช่วยมันก็ไม่เกิดอะไร
ไม่เหยาะแหยะกลัวโน่นกลัวนี่ อันนี้ชอบมากเพราะเป็นลูกสาว รร จะมีพาไปเดินป่า(ใน รร)เค้าจะเห็นธรรมชาติจนชินตาเห็นคางคก กิ้งกือหนอนจิ้งเหลนเค้าก็จะไม่กลัวเพราะหยะแหยงแบบนี้ เพราะตอนพาเขาไปใหม่ๆแค่กลิ่นไอดินลูกก็บอกว่าเหม็น แต่ตอนนี้ต้องลงดินลงโคลนก็เอาหมด
ได้กัลยานมิตรมากมายจริงๆคะทั้งผู้ปกครองในห้องเดียวกันและต่างห้อง แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน มีกิจกรรมดีมาแบ่งปันกันตลอด
รอพ่อๆแม่ๆท่านอื่นมาเพิ่มเติมนะคะ สำหรับเราคาดหวังแค่ว่าลูกโตไปไม่เป็นภาระใครลูกเติบโตในสังคมปัจจุบันได้ช่วยเหลือตัวเองได้ในทุกๆด้านและพร้อมที่จะช่วยคนอื่น ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเข้า รร ดีๆมหาลัยดีๆขอแค่เอาตัวให้รอดกับยุคสมัยนี้ก็เพียงพอ
รร นี้สัมภาษณ์พ่อแม่เป็นหลักคะว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับรร แนวนี้และคาดหวังในตัวลูกเช่นไร
แสดงทัศนคติของเราออกมาคะถ้ามันตรงกับแนวทางของเขาก็น่าจะผ่านคะ
เพราะเท่าที่ผ่านมาเรารู้สึกว่า. รร แนวนี้มันไม่ใช่แค่ รร กับครูเท่านั้นที่จะอบรมและปูพื้นฐานเรื่องต่างๆให้เด็ก
แต่ตัวพ่อแม่และครอบครัวต้องเข้าใจและพร้อมจะร่วมมือกับทาง รร ด้วย กิจกรรมมีมาเรื่อยๆถ้าไม่มีเวลาก็จบมังคะ
แค่สัมภาษณ์ก็ใช้เวลาสองวันแล้วคะถ้าผ่านก็ต้องอบรมผู้ปกครองอีก30ชม.
สิ่งที่ประทับใจ รร คือตัว รร ไปแล้วน่าเรียนคะและผู้ปกครองก็ใช้ชีวิตอยู่ใน รร รอลูกได้อย่างสบายๆเหมือนอยู่บ้าน
ลูกอยู่กับครูที่เอาใจใส่และสังเกตุพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด บอกกล่าวแก้ปัญหาของลูกๆด้วยกัน
ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น แต่อันนี้คือประเด็นเลยว่าพ่อแม่ต้องมีใจที่จะหนุนให้ลูกทำเองด้วยนะคะถ้าอยู่ รร ทำได้กลับบ้านพ่อแม่ช่วยมันก็ไม่เกิดอะไร
ไม่เหยาะแหยะกลัวโน่นกลัวนี่ อันนี้ชอบมากเพราะเป็นลูกสาว รร จะมีพาไปเดินป่า(ใน รร)เค้าจะเห็นธรรมชาติจนชินตาเห็นคางคก กิ้งกือหนอนจิ้งเหลนเค้าก็จะไม่กลัวเพราะหยะแหยงแบบนี้ เพราะตอนพาเขาไปใหม่ๆแค่กลิ่นไอดินลูกก็บอกว่าเหม็น แต่ตอนนี้ต้องลงดินลงโคลนก็เอาหมด
ได้กัลยานมิตรมากมายจริงๆคะทั้งผู้ปกครองในห้องเดียวกันและต่างห้อง แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน มีกิจกรรมดีมาแบ่งปันกันตลอด
รอพ่อๆแม่ๆท่านอื่นมาเพิ่มเติมนะคะ สำหรับเราคาดหวังแค่ว่าลูกโตไปไม่เป็นภาระใครลูกเติบโตในสังคมปัจจุบันได้ช่วยเหลือตัวเองได้ในทุกๆด้านและพร้อมที่จะช่วยคนอื่น ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเข้า รร ดีๆมหาลัยดีๆขอแค่เอาตัวให้รอดกับยุคสมัยนี้ก็เพียงพอ
ความคิดเห็นที่ 8
เรื่องภาษา รร.มีคลาสภาษาอังกฤษ สัปดาห์ละ 1 วันค่ะ มีทิชเชอร์ฝรั่งมาสอน แต่ไม่ได้สอน ABC นะคะ เป็นลักษณะเล่นเกมส์ พูดคุย กันมากกว่า เด็ก ๆ สนุกค่ะ
อ่อ เพิ่มเติม ช่วงมาเรียนสัปดาห์แรก เค้าจะให้มาเรียนวันเว้นวัน ทีละครึ่งวัน แบ่งทีละครึ่งห้อง พ่อหรือแม่มาอยู่ด้วย เช่นเด็กเลขคี่มาจันทร์ พุธ เลขคู่มาอังคาร พฤหัส แล้ววันศุกร์ก็มารวมกันทั้งห้อง สัปดาห์ที่สองเริ่มให้เด็กอยู่เอง แต่ก็ยังเรียน 1/2 วันอยู่ ช่วงที่เริ่มอยู่โดยไม่มีพ่อแม่ ลูกเราร้องไห้หนักมาก เพราะไม่เคยแยกจาก ร้องอยู่ 2-3 สัปดาห์เลยล่ะค่ะ หลังจากนั้นพอปรับตัวได้ก็รักโรงเรียนมาก ชอบมาโรงเรียนทุกวัน มีความสุขที่ได้มาโรงเรียน
ทุกวันนี้อยู่ อ.2 จะขึ้น อ.3 ก็ยังรักการมาโรงเรียน ขนาดปิดเทอมยังอยากให้พ่อแม่พามาปีนป่ายที่โรงเรียนเลยค่ะ
อ่อ เพิ่มเติม ช่วงมาเรียนสัปดาห์แรก เค้าจะให้มาเรียนวันเว้นวัน ทีละครึ่งวัน แบ่งทีละครึ่งห้อง พ่อหรือแม่มาอยู่ด้วย เช่นเด็กเลขคี่มาจันทร์ พุธ เลขคู่มาอังคาร พฤหัส แล้ววันศุกร์ก็มารวมกันทั้งห้อง สัปดาห์ที่สองเริ่มให้เด็กอยู่เอง แต่ก็ยังเรียน 1/2 วันอยู่ ช่วงที่เริ่มอยู่โดยไม่มีพ่อแม่ ลูกเราร้องไห้หนักมาก เพราะไม่เคยแยกจาก ร้องอยู่ 2-3 สัปดาห์เลยล่ะค่ะ หลังจากนั้นพอปรับตัวได้ก็รักโรงเรียนมาก ชอบมาโรงเรียนทุกวัน มีความสุขที่ได้มาโรงเรียน
ทุกวันนี้อยู่ อ.2 จะขึ้น อ.3 ก็ยังรักการมาโรงเรียน ขนาดปิดเทอมยังอยากให้พ่อแม่พามาปีนป่ายที่โรงเรียนเลยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ลูกใครเรียนรุ่งอรุณบ้างแวะมาหน่อยค่าา
เราอยากรู้ว่ารานี้เค้าใช้เกณฑ์อะไรในการคัดเลือกเด็กค่ะ
แล้วสัมภาษณ์พ่อแม่ยังไงบ้างหรอค่ะ
จริงๆแล้วที่บ้านเราเป็นคนคริสต์ค่ะ จะมีผลต่อการรับลูกเราเข้าเรียนไหมเห็นว่ารรเปนวิถีพุทธ
โดยส่วนตัวแล้วชอบแนวการเรียนการสอนแบบนี้ค่ะพึ่งตนเองได้ ได้ปฏิบัติจริงเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากหนังสือ
เรามั่นใจว่าลูกต้องได้อะไรมากกว่าการเรียนอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมท่องตามที่คุณครูพูด
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ