เพื่อความมั่นใจ
การยื่นใบลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ก่อนครบวาระเพียง 1 วันทำให้ศึกเลือกตั้งเสาชิงช้าทองคำต้องเลื่อน
กำหนดตะลุมบอนออกไปอีก 2 สัปดาห์
เพราะถ้า “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” อยู่จนครบวาระ 4 ปี กติการะบุต้องเลือกตั้ง
ใหม่ภายใน 45 วัน คือวันที่ 17 กุมภาพันธ์
แต่การชิงจังหวะลาออกก่อนครบเทอมแค่ 12 ชั่วโมง กติกากำหนดให้
เลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน คือวันที่ 3 มีนาคม
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการเลื่อนวันหย่อนบัตรไปอีก 2 สัปดาห์ แสดงว่า
สงครามชิงเมืองหลวงครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ออกรบด้วยความไม่มั่น
ใจเต็มพิกัดเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา
เพราะการส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ป้องกันแชมป์ กทม.
เปรียบเหมือนเอาสินค้าตกรุ่นไปชนกับสินค้าใหม่
ข้อสำคัญ ถ้าเสียเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.
ให้พรรคเพื่อไทย นอกจากจะเสียรังวัดอย่างมโหฬาร ยังกระทบฐาน
คะแนนเมืองหลวงที่พรรคประชาธิปัตย์ยึดครองมายาวนาน
พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องสู้ขาดใจและแพ้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
ฉะนั้น เพื่อความมั่นใจจึงต้องขยายเวลาหาเสียงเพิ่มอีก 15 วัน
“แม่ลูกจันทร์” มั่นใจว่าศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้
พรรคประชาธิปัตย์ยังกุมความได้เปรียบทุกประตู
คุณชายสุขุมพันธุ์ ถึงผลงานที่ผ่านมาจะไม่เข้าตากรรมการ
แถมมีแผลสดแผลแห้งลายพร้อยไปทั้งตัว
แต่ด้วยเสื้อพรรคประชาธิปัตย์ที่ใส่ขึ้นเวที ก็ทำให้ “สุขุมพันธุ์”
กล้ามโตขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์
ปัจจัยสำคัญที่ชี้ชัดว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบพรรคเพื่อไทย เพราะ
พรรคประชาธิปัตย์ผูกขาดการบริหารกรุงเทพมหานครติดต่อกัน 8 ปี
ข้าราชการ กทม. ตั้งแต่ปลัด รองปลัด ผอ.เขตทั้ง 50 คน
ย่อมมีความผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน
ถึงข้าราชการ กทม.ต้องวางตัวเป็นกลาง แต่หัวใจทำด้วยเนื้อ
ก็ต้องแอบเชียร์ประชาธิปัตย์เป็นธรรมดา
อนึ่ง ถ้าพิจารณาฐานคะแนนเลือกตั้งเมืองหลวงยิ่งเห็นชัดว่า
พรรคประชาธิปัตย์เหนือกว่าจริงๆ
เพราะการเลือกตั้ง ส.ส.ล่าสุด พรรคประชาธิปัตย์กะซวกเก้าอี้ ส.ส.กรุงเทพฯ
ได้ถึง 23 คน พรรคเพื่อไทยแย่งส่วนแบ่งการตลาดมาได้แค่ 10 คน
แต่ถ้าคิดคะแนนรวม พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียง
คนกรุงเทพฯ 41 เปอร์เซ็นต์
พรรคเพื่อไทยได้คะแนนรวม 39 เปอร์เซ็นต์
คะแนนรวมห่างกันแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ อาจทำให้พรรคประชาธิปัตย์
ไม่มั่นใจว่าจะป้องกันแชมป์ได้แบเบอร์
จึงต้องขยายเวลาหาเสียงเพิ่มอีก 15 วัน
อย่างไรก็ตาม “แม่ลูกจันทร์” มองว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
กับการเลือกตั้ง ส.ส. มีหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน
ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อ 4 ปีก่อน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
กวาดไปได้ 934,000 คะแนน
ยุรนันท์ ภมรมนตรี พรรคเพื่อไทย ปั๊มไปได้ 611,000 คะแนน
ทิ้งห่างกันครึ่งช่วงตัว
ปัจจัยที่แตกต่างอยู่ที่ เลือกตั้งครั้งก่อนมี “หม่อมปลื้ม” ลงสมัครอิสระ
เป็น “ก้างขวางคอ” โกยเสียงคน กทม.ไปถึง 334,000 คะแนน
คิดเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนรวม
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ จะมีม้าตัวเก็งบี้กัน 2 ตัว
ถ้าคะแนนก้อนนี้ไหลไปประชาธิปัตย์ “สุขุมพันธุ์” ก็เข้าวิน
แต่ถ้าคะแนนก้อนนี้ไหลไปเพื่อไทย “พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ”
ก็ล้มแชมป์ตกเวที
ด้วยเหตุฉะนี้จึงต้องขยายเวลาหาเสียงเพิ่มอีก 15 วัน.ไทยรัฐออนไลน์
แม่ลูกจันทร์
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/318893
เลือกผู้ว่ากทม. ....มุมมอง แม่ลูกจันทร์ และทีมวิเคราะห์การเมือง ....ไทยรัฐออนลน์
การยื่นใบลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ก่อนครบวาระเพียง 1 วันทำให้ศึกเลือกตั้งเสาชิงช้าทองคำต้องเลื่อน
กำหนดตะลุมบอนออกไปอีก 2 สัปดาห์
เพราะถ้า “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” อยู่จนครบวาระ 4 ปี กติการะบุต้องเลือกตั้ง
ใหม่ภายใน 45 วัน คือวันที่ 17 กุมภาพันธ์
แต่การชิงจังหวะลาออกก่อนครบเทอมแค่ 12 ชั่วโมง กติกากำหนดให้
เลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน คือวันที่ 3 มีนาคม
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการเลื่อนวันหย่อนบัตรไปอีก 2 สัปดาห์ แสดงว่า
สงครามชิงเมืองหลวงครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ออกรบด้วยความไม่มั่น
ใจเต็มพิกัดเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา
เพราะการส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ป้องกันแชมป์ กทม.
เปรียบเหมือนเอาสินค้าตกรุ่นไปชนกับสินค้าใหม่
ข้อสำคัญ ถ้าเสียเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.
ให้พรรคเพื่อไทย นอกจากจะเสียรังวัดอย่างมโหฬาร ยังกระทบฐาน
คะแนนเมืองหลวงที่พรรคประชาธิปัตย์ยึดครองมายาวนาน
พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องสู้ขาดใจและแพ้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
ฉะนั้น เพื่อความมั่นใจจึงต้องขยายเวลาหาเสียงเพิ่มอีก 15 วัน
“แม่ลูกจันทร์” มั่นใจว่าศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้
พรรคประชาธิปัตย์ยังกุมความได้เปรียบทุกประตู
คุณชายสุขุมพันธุ์ ถึงผลงานที่ผ่านมาจะไม่เข้าตากรรมการ
แถมมีแผลสดแผลแห้งลายพร้อยไปทั้งตัว
แต่ด้วยเสื้อพรรคประชาธิปัตย์ที่ใส่ขึ้นเวที ก็ทำให้ “สุขุมพันธุ์”
กล้ามโตขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์
ปัจจัยสำคัญที่ชี้ชัดว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบพรรคเพื่อไทย เพราะ
พรรคประชาธิปัตย์ผูกขาดการบริหารกรุงเทพมหานครติดต่อกัน 8 ปี
ข้าราชการ กทม. ตั้งแต่ปลัด รองปลัด ผอ.เขตทั้ง 50 คน
ย่อมมีความผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน
ถึงข้าราชการ กทม.ต้องวางตัวเป็นกลาง แต่หัวใจทำด้วยเนื้อ
ก็ต้องแอบเชียร์ประชาธิปัตย์เป็นธรรมดา
อนึ่ง ถ้าพิจารณาฐานคะแนนเลือกตั้งเมืองหลวงยิ่งเห็นชัดว่า
พรรคประชาธิปัตย์เหนือกว่าจริงๆ
เพราะการเลือกตั้ง ส.ส.ล่าสุด พรรคประชาธิปัตย์กะซวกเก้าอี้ ส.ส.กรุงเทพฯ
ได้ถึง 23 คน พรรคเพื่อไทยแย่งส่วนแบ่งการตลาดมาได้แค่ 10 คน
แต่ถ้าคิดคะแนนรวม พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียง
คนกรุงเทพฯ 41 เปอร์เซ็นต์
พรรคเพื่อไทยได้คะแนนรวม 39 เปอร์เซ็นต์
คะแนนรวมห่างกันแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ อาจทำให้พรรคประชาธิปัตย์
ไม่มั่นใจว่าจะป้องกันแชมป์ได้แบเบอร์
จึงต้องขยายเวลาหาเสียงเพิ่มอีก 15 วัน
อย่างไรก็ตาม “แม่ลูกจันทร์” มองว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
กับการเลือกตั้ง ส.ส. มีหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน
ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อ 4 ปีก่อน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
กวาดไปได้ 934,000 คะแนน
ยุรนันท์ ภมรมนตรี พรรคเพื่อไทย ปั๊มไปได้ 611,000 คะแนน
ทิ้งห่างกันครึ่งช่วงตัว
ปัจจัยที่แตกต่างอยู่ที่ เลือกตั้งครั้งก่อนมี “หม่อมปลื้ม” ลงสมัครอิสระ
เป็น “ก้างขวางคอ” โกยเสียงคน กทม.ไปถึง 334,000 คะแนน
คิดเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนรวม
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ จะมีม้าตัวเก็งบี้กัน 2 ตัว
ถ้าคะแนนก้อนนี้ไหลไปประชาธิปัตย์ “สุขุมพันธุ์” ก็เข้าวิน
แต่ถ้าคะแนนก้อนนี้ไหลไปเพื่อไทย “พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ”
ก็ล้มแชมป์ตกเวที
ด้วยเหตุฉะนี้จึงต้องขยายเวลาหาเสียงเพิ่มอีก 15 วัน.ไทยรัฐออนไลน์
แม่ลูกจันทร์
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/318893