‘ซีทีเอช’ เร่งลงทุนเคเบิลทีวี ประเดิมเงินกู้แบงก์ 1.4 หมื่นล้าน

"ซีทีเอช"เร่งลงทุนเคเบิลทีวี โหมขยายโครงข่ายไฟเบอร์ออพติคทั่วประเทศวงเงิน 2.5 หมื่นล้านปลายปีนี้  ประเดิมเงินกู้แบงก์กรุงเทพ 1.4 หมื่นล้าน เคาะราคาแพ็คเกจ “พรีเมียร์ลีก”ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อเดือน หวังยึดสมาชิกปีแรก  2 ล้านราย  คาดล้างขาดทุน ทำกำไรปีนี้ เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี58 สร้างรายได้แตะหมื่นล้านบาท  ผู้บริหารแบงก์กรุงเทพแจงแผนปล่อยกู้นาน 3 ปี มั่นใจธุรกิจดิจิตอลทีวียังโตได้อีกมาก

หลังจาก วิชัย ทองแตง และผู้บริหารไทยรัฐ เข้ามาร่วมถือหุ้นใน  บริษัท เคเบิล  ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีทีเอช เดือน เม.ย.2555 สร้างปรากฏการณ์ล้ม“ทรูวิชั่นส์” ชิงลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 ฤดูกาลใหม่ ปี 2013-2016 มาอยู่ในมือด้วยเม็ดเงินราว 1 หมื่นล้านบาท ส่วนปีนี้ซีทีเอชประกาศเดินหน้าลงทุนขยายโครงข่ายบรอดแบนด์ดิจิทัลครบวงจร ผ่านเครือข่ายไฟเบอร์ออฟติค  พร้อมทำตลาดพรีเมียร์ลีก อังกฤษ รุกธุรกิจเพย์ทีวี

นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัทเคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีทีเอช  กล่าวหลังลงนามสัญญาเงินกู้  1.4 หมื่นล้านบาท  จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  วานนี้(8ม.ค.) ซึ่งเป็นเฟสแรกของการลงทุนในธุรกิจบรอดแบนด์ดิจิทัล รูปแบบทริปเปิล เพลย์ ของซีทีเอชของปีนี้ ประกอบด้วย1. การลงทุนเครือข่ายไฟเบอร์ออฟติค 3,000 ล้านบาท  2.เงินทุนหมุนเวียน 1,000 ล้านบาท  และจ่ายค่าลิขสิทธิ์ประจำปีพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ รวมทั้งคอนเทนท์อื่นๆ อีก 1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้การลงทุนเครือข่ายไฟเบอร์ออฟติค เฟสแรก จะดำเนินการให้เสร็จก่อนเดือนมิ.ย.นี้ ที่จะเริ่มฤดูกาลการแข่งขันพรีเมียร์ลีก อักกฤษ ฤดูกาล 2013/14 คาดว่าช่วงปลายปีนี้ จะเริ่มลงทุนขยายเครือข่ายไฟเบอร์ออฟติค และเทคโนโลยีไฟเบอร์ ทู เดอะ โฮม เพิ่มเติม โดยจะกู้เงินเพิ่มจากธนาคารกรุงเทพอีก 1.1 หมื่นล้านบาท รวมการลงทุนปี2556 ถึงต้นปี 2557 ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท

คาดล้างขาดทุน-กำไรปีนี้

นายวิชัย  กล่าวว่าปีที่ผ่านมาซีทีเอช  ผลประกอบการขาดทุนประมาณ 300 ล้านบาท  ส่วนปีนี้คาดเริ่มทำรายได้จากการขยายฐานสมาชิกเคเบิลทีวีท้องถิ่น  และการบริหารลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ที่จะเป็นแม่เหล็กขยายสมาชิกและทำรายได้ให้ซีทีเอช โดยวางเป้าหมายล้างขาดทุนและทำกำไรหลักร้อยล้านบาทปีนี้  "คาดว่าซีทีเอช จะคุ้มทุนได้ใน 3 ปี หรือในปี 2558 จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท พร้อมนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ"  

นอกจากนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ดำเนินธุรกิจในแวดวงบรอดแคสต์ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเข้ามาร่วมถือหุ้นในสัดส่วน 20%  หลังจากจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ไม่ร่วม โดยผู้ถือหุ้นปัจจุบันคือ คุณวิชัย ทองแตง 25% ผู้บริหารไทยรัฐ 25% และผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่น 30% ภายใต้ทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท

แพ็คเกจพรีเมียร์ลีก “ต่ำพันบาท”
นายวิชัย กล่าวว่าเดือน ก.พ.นี้ จะเปิดตัวโลโก้ใหม่ CTH พร้อมเปิดตัวธุรกิจเพย์ทีวี หลังจากได้รับใบอนุญาตโครงข่าย (กิจการไม่ใช่คลื่นความถี่) เบื้องต้นกำหนด 3 แพ็คเกจ 1. แพ็คเกจปกติไม่รวมพรีเมียร์ลีก ราคา 399 บาท/เดือน  2.แพ็คเกจรายเดือนบวกพรีเมียร์ลีก 380แมทช์/ฤดูกาล ราคาไม่เกิน 1,000 บาท  และ 3. แพ็กเกจรายเดือนบวกพรีเมียร์ลีก 380แมทช์/ฤดูกาล  และบริการอินเทอร์เน็ต ที่จะเปิดตัวปลายปี
คาดว่าหลังเปิดตัวแพ็คเกจพรีเมียร์ลีก การแข่งขันจะเริ่มฤดูกาลตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นไป คาดในฤดูกาลแรกจะมีสมาชิกซื้อแพ็คเกจพรีเมียร์ลีกประมาณ 2 ล้านราย เน้นกลุ่มเป้าหมายกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัด จากฐานสมาชิกเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศ 3.5 ล้านครัวเรือน


“พรีเมียร์ลีกอังกฤษ จะเป็นแม่เหล็กสำคัญ รวมกับคอนเทนท์อื่นๆ ของซีทีเอช ในการแข่งขันธุรกิจเพย์ทีวี  การขยายฐานสมาชิก โดยรายได้ 80% จะมาจากฐานสมาชิกแพ็คเกจพรีเมียร์ลีก อีก20%จาการแบ่งกำไรกับผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นในแพ็คเกจปกติรายเดือน” นายวิชัย กล่าว

นอกจากนี้ จะมีรายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอื่นๆ อีก เช่น รายได้โฆษณาจากการถ่ายทอดทางฟรีทีวี คาดสรุปเดือน ก.พ.นี้ และรายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ในลาวและกัมพูชา ซึ่งได้พูดคุยกับผู้ประกอบการเพย์ทีวีใน2ประเทศแล้ว  

วางเป้า 7ล้านครัวเรือนปี58

ด้านแหล่งข่าวจากสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่าซีทีเอช ได้เตรียมเปิดตัวแพ็คเกจคอนเทนท์ กับผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นทั่วประเทศเดือน ก.พ.นี้  ประกอบด้วยค่าสมาชิกรายเดือน 399 บาท ชม 50  ช่อง  ค่าสมาชิกรายเดือน 499 บาท ชม 70 ช่องรายการ  และแพ็จเกจค่าสมาชิกรายเดือนบวก 499 บาท ชม 70 ช่องรายการบวกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 380 แมทต์/ฤดูกาล  
ปัจจุบันซีทีเอช ได้เชื่อมต่อโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติคกับผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศ 350 ราย  ซึ่งมีฐานสมาชิกททั่วประเทศ  3.5 ล้านราย  โดยมีผู้ประกอบการเคเบิลเข้าร่วมแล้ว 80%คาดภายในสิ้นปีนี้ จะเชื่อมโยงฐานสมาชิก 3.5 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ  และภายในปี 2558 ฐานสมาชิกจะเพิ่มเป็น 7 ล้านครัวเรือน  

กรุงเทพธุรกิจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่