อยากระบายและอยากเล่าให้เพื่อนๆ พี่ๆ ฟังครับ ว่าผมเจออะไรมา ยาวนิดนึงนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมกำลังคิดเปลี่ยนงานใหม่ครับ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ภูเก็ต อยากย้ายกลับมา กทม. เลยสมัครงานทางอีเมลมายัง รร. ห้าดาวชื่อดังมากแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับงานดูแลพวกสื่อโฆษณา เพราะเห็นว่าน่าทำและน่าสนใจดี ประวัติและเรื่องราวตำนานของโรงแรมนี้ ผมค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเยอะมาก ประกอบกับเป็นคนชอบท่องเที่ยว เลยคิดว่าถ้าเปลี่ยนมาทำงานที่โรงแรมคงจะได้รับประสบการณ์อะไรดีๆ มากขึ้น อีกทั้งสถานที่ก็ดูสวยงามมาก คงจะอยากมาทำงานทุกวัน
ผมส่งเรซูเม่ไม่นาน ทาง HR ก็เรียกสัมภาษณ์ครับ และทางนั้นก็ทราบดีว่าผมอยู่ภูเก็ต และผมเองก็เต็มใจที่จะเข้า กทม เพื่อไปสัมภาษณ์ด้วย ผมมีเวลาเตรียมตัวไม่กี่วัน ด้วยความว่าอยากทำที่นี่มาก ผมฝึกซ้อมทั้งภาษาอังกฤษ หาข้อมูลของโรงแรม ท่องจนขึ้นใจว่ามีประวัติที่มาอย่างไร เปิดที่เมืองไทยตอนไหน มีกี่ชั้น กี่ห้อง ห้องไหนใหญ่สุด ห้องอาหาร ผับ คือทุกอย่างที่เกี่ยวกับที่นี่ ผมหาข้อมูลเตรียมทุกอย่างครับ
จนถึงวันที่ทาง HR นัด ผมกำลังแต่งตัวอยู่ที่ห้องพัก HR ก็โทรเข้ามา พร้อมกับบอกสิ่งที่ทำให้ผมงงมากคือ "ขอเลื่อนนัด" ซึ่งผมก็ไม่ติดใจอะไรนะครับ แค่งงๆ ว่า ไอ้เราก็อุตส่าห์มาตั้งไกล ไหงมาเลื่อนนัดเอาก่อนสัมภาษณ์งาน 3 ชั่วโมงแบบนี้ ผมขอเจรจาต่อรองว่า เป็นช่วงคริตมาสได้หรือเปล่า เพราะออฟฟิศที่ภูเก็ตหยุด และที่มา กทม ก็ลาแค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปทำงานอีก ตั๋วเครื่องบินกลับก็จองแล้ว เลื่อนไม่ได้ด้วย ทุกอย่างคือค่าใช้จ่ายหมด ซักพัก HR ก็โทรมาอีกครั้งว่า ขอเลื่อนจากวันนี้ (วันจันทร์) เป็นพุธได้หรือเปล่า ผมก็ยืนยันไปตามเดิมว่า คงไม่สะดวกจริงๆ เพราะจองตั๋วกลับแล้ว
คุยไปคุยมา สรุปคือ ทางผู้จัดการฝ่ายจะโทรมาสัมภาษณ์เอง ไม่ต้องเดินทางมาแล้ว ทำให้ผมรู้สึกโอเคขึ้นว่า อย่างน้อยเค้าก็เห็นใจที่เราอยู่ไกล แต่ก็ไม่ได้สรุปว่าจะโทรมาวันไหนครับ จากนั้นผมก็รอโทรศัพท์จากทาง รร นี้ประมาณ 1 อาทิตย์ ก็ไม่มีการติดต่อใดๆ มาทั้งสิ้นครับ ระหว่างนั้นผมก็เตรียมตัวเรื่อยๆ นะครับ อ่านประวัติโน่นนี่ ซ้อมสัมภาษณ์ ตอบคำถามภาษาอังกฤษ พอหลังปีใหม่ปุ๊ป เริ่มรอไม่ไหวแล้ว เลยโทรกลับไปถาม HR อีกครั้ง
แล้วคำตอบที่ได้จาก HR คือ " ได้คนใหม่แล้ว และรับตำแหน่งนี้แค่คนเดียว" บอกตามตรงครับ ผมทั้งเซ็ง ทั้งโมโห ไม่คิดว่าเค้าจะทำแบบนี้ ผมไม่เซ็งที่เค้าเลือกคนอื่นนะครับ แต่เซ็งตรงที่ ทำไมคุณไม่เมลมาบอกผมเลย หรือโทรมาก็ได้ ว่าคุณได้คนตามที่คุณต้องการแล้ว ทำไมปล่อยให้รอนานแบบนี้ คุณไม่เคยสมัครงานเหรอ ถึงไม่รู้ว่าเวลาที่ผู้สมัครรอคอยการสัมภาษณ์หรือคำตอบมันกังวลใจแค่ไหน ผมอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของคุณ มันไม่ยากเลยครับ แค่เสียเวลาพิมพ์อีเมลไม่กี่บรรทัด คุณอาจจะเห็นผมเป็นแค่คนสมัครเล็กๆ คนนึง ที่ไม่เห็นจะต้องให้ความสำคัญอะไร ห้องพักก็คงไม่มีปัญญาเข้ามาพักหรอกเพราะแพงขนาดนั้น แต่คุณคงไม่รู้ว่า คุณได้ทำลายความตั้งใจของคนๆ นึงแบบไม่เหลืออะไรเลย ผมชื่นชม รร ของคุณมาก แต่คุณทำแบบนี้ ผมหมดศรัทธาจริงๆ
คุยกันได้ซักพัก HR ก็เอ่ยปากขอโทษครับ ผมก็บอกไปอย่างที่รู้สึกคือ น่าจะแจ้งกันบ้าง เค้าก็ได้แค่บอกว่า ถ้าว่างอีกจะติดต่อกลับ แต่ถึงจะติดต่อมา ผมก็คงไม่อยากทำที่นี่แล้วละครับ เลยมาเล่าให้เพื่อนๆ พี่ๆ ฟัง ถ้าคุณเป็น HR หรือผู้บริหาร อย่าทำแบบนี้กับผู้สมัครเลยนะครับ สงสารเค้าเถอะ การมาสัมภาษณ์งานมันหมายถึงค่าใช้จ่าย เวลา ที่ผู้สมัครยอมแลกเพื่อต้องการเข้าไปทำงานกับคุณนะครับ ช่วยเห็นใจกันบ้างครับ
ตอนแรกจะโพสสั้นๆ แต่ไปๆ มาๆ ยาวมาก ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะครับ
กระทู้ขอระบายครับ : Hr และผู้บริหารทั้งหลาย อย่าทำแบบนี้กับผู้สมัครงานตัวเล็กๆ เลยนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมกำลังคิดเปลี่ยนงานใหม่ครับ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ภูเก็ต อยากย้ายกลับมา กทม. เลยสมัครงานทางอีเมลมายัง รร. ห้าดาวชื่อดังมากแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับงานดูแลพวกสื่อโฆษณา เพราะเห็นว่าน่าทำและน่าสนใจดี ประวัติและเรื่องราวตำนานของโรงแรมนี้ ผมค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเยอะมาก ประกอบกับเป็นคนชอบท่องเที่ยว เลยคิดว่าถ้าเปลี่ยนมาทำงานที่โรงแรมคงจะได้รับประสบการณ์อะไรดีๆ มากขึ้น อีกทั้งสถานที่ก็ดูสวยงามมาก คงจะอยากมาทำงานทุกวัน
ผมส่งเรซูเม่ไม่นาน ทาง HR ก็เรียกสัมภาษณ์ครับ และทางนั้นก็ทราบดีว่าผมอยู่ภูเก็ต และผมเองก็เต็มใจที่จะเข้า กทม เพื่อไปสัมภาษณ์ด้วย ผมมีเวลาเตรียมตัวไม่กี่วัน ด้วยความว่าอยากทำที่นี่มาก ผมฝึกซ้อมทั้งภาษาอังกฤษ หาข้อมูลของโรงแรม ท่องจนขึ้นใจว่ามีประวัติที่มาอย่างไร เปิดที่เมืองไทยตอนไหน มีกี่ชั้น กี่ห้อง ห้องไหนใหญ่สุด ห้องอาหาร ผับ คือทุกอย่างที่เกี่ยวกับที่นี่ ผมหาข้อมูลเตรียมทุกอย่างครับ
จนถึงวันที่ทาง HR นัด ผมกำลังแต่งตัวอยู่ที่ห้องพัก HR ก็โทรเข้ามา พร้อมกับบอกสิ่งที่ทำให้ผมงงมากคือ "ขอเลื่อนนัด" ซึ่งผมก็ไม่ติดใจอะไรนะครับ แค่งงๆ ว่า ไอ้เราก็อุตส่าห์มาตั้งไกล ไหงมาเลื่อนนัดเอาก่อนสัมภาษณ์งาน 3 ชั่วโมงแบบนี้ ผมขอเจรจาต่อรองว่า เป็นช่วงคริตมาสได้หรือเปล่า เพราะออฟฟิศที่ภูเก็ตหยุด และที่มา กทม ก็ลาแค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปทำงานอีก ตั๋วเครื่องบินกลับก็จองแล้ว เลื่อนไม่ได้ด้วย ทุกอย่างคือค่าใช้จ่ายหมด ซักพัก HR ก็โทรมาอีกครั้งว่า ขอเลื่อนจากวันนี้ (วันจันทร์) เป็นพุธได้หรือเปล่า ผมก็ยืนยันไปตามเดิมว่า คงไม่สะดวกจริงๆ เพราะจองตั๋วกลับแล้ว
คุยไปคุยมา สรุปคือ ทางผู้จัดการฝ่ายจะโทรมาสัมภาษณ์เอง ไม่ต้องเดินทางมาแล้ว ทำให้ผมรู้สึกโอเคขึ้นว่า อย่างน้อยเค้าก็เห็นใจที่เราอยู่ไกล แต่ก็ไม่ได้สรุปว่าจะโทรมาวันไหนครับ จากนั้นผมก็รอโทรศัพท์จากทาง รร นี้ประมาณ 1 อาทิตย์ ก็ไม่มีการติดต่อใดๆ มาทั้งสิ้นครับ ระหว่างนั้นผมก็เตรียมตัวเรื่อยๆ นะครับ อ่านประวัติโน่นนี่ ซ้อมสัมภาษณ์ ตอบคำถามภาษาอังกฤษ พอหลังปีใหม่ปุ๊ป เริ่มรอไม่ไหวแล้ว เลยโทรกลับไปถาม HR อีกครั้ง
แล้วคำตอบที่ได้จาก HR คือ " ได้คนใหม่แล้ว และรับตำแหน่งนี้แค่คนเดียว" บอกตามตรงครับ ผมทั้งเซ็ง ทั้งโมโห ไม่คิดว่าเค้าจะทำแบบนี้ ผมไม่เซ็งที่เค้าเลือกคนอื่นนะครับ แต่เซ็งตรงที่ ทำไมคุณไม่เมลมาบอกผมเลย หรือโทรมาก็ได้ ว่าคุณได้คนตามที่คุณต้องการแล้ว ทำไมปล่อยให้รอนานแบบนี้ คุณไม่เคยสมัครงานเหรอ ถึงไม่รู้ว่าเวลาที่ผู้สมัครรอคอยการสัมภาษณ์หรือคำตอบมันกังวลใจแค่ไหน ผมอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของคุณ มันไม่ยากเลยครับ แค่เสียเวลาพิมพ์อีเมลไม่กี่บรรทัด คุณอาจจะเห็นผมเป็นแค่คนสมัครเล็กๆ คนนึง ที่ไม่เห็นจะต้องให้ความสำคัญอะไร ห้องพักก็คงไม่มีปัญญาเข้ามาพักหรอกเพราะแพงขนาดนั้น แต่คุณคงไม่รู้ว่า คุณได้ทำลายความตั้งใจของคนๆ นึงแบบไม่เหลืออะไรเลย ผมชื่นชม รร ของคุณมาก แต่คุณทำแบบนี้ ผมหมดศรัทธาจริงๆ
คุยกันได้ซักพัก HR ก็เอ่ยปากขอโทษครับ ผมก็บอกไปอย่างที่รู้สึกคือ น่าจะแจ้งกันบ้าง เค้าก็ได้แค่บอกว่า ถ้าว่างอีกจะติดต่อกลับ แต่ถึงจะติดต่อมา ผมก็คงไม่อยากทำที่นี่แล้วละครับ เลยมาเล่าให้เพื่อนๆ พี่ๆ ฟัง ถ้าคุณเป็น HR หรือผู้บริหาร อย่าทำแบบนี้กับผู้สมัครเลยนะครับ สงสารเค้าเถอะ การมาสัมภาษณ์งานมันหมายถึงค่าใช้จ่าย เวลา ที่ผู้สมัครยอมแลกเพื่อต้องการเข้าไปทำงานกับคุณนะครับ ช่วยเห็นใจกันบ้างครับ
ตอนแรกจะโพสสั้นๆ แต่ไปๆ มาๆ ยาวมาก ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะครับ