ไดอารี่การเก็บเงินและลงทุนของผม

อยากจะลองเขียนไดอารี่การเก็บเงินและการลงทุนของผมเองสักครั้ง ลองอ่านดูนะครับ หากอ่านแล้วติดขัดยังไงแนะนำละกันครับ อันนี้เขียนจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองครับ.

ปี 2005-2007 กับการกำเนิด port ของผม
ผมก็บินกลับมาจากการเรียนต่างประเทศก็เริ่มต้นก็ทำงานที่บ้านตั้งแต่ปี 2005 ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก วันๆมีเงินใช้ กิน เที่ยว เจอเพื่อน ดูหนัง ไปเรื่อยเปื่อย จนวันหนึ่งผมได้มาเจอหนังสือของ อ.สุวรรณ วลัยเสถียร เกี่ยวกับการออมเงินเพื่อการเกษียณ และการลดหย่อนภาษี พออ่านจบภายในวันเดียว ก็เริ่มคิดได้ เออแฮะ ตอนแก่ถ้าอยู่คนเดียวหรือไม่มีลูก ใครจะเลี้ยงเราตอนแก่เนี่ย เลยเริ่มออมแบบ “เรื่อยๆ” เดือนละพัน สองพัน ฝากประจำบ้าง เก็บบ้างเที่ยวบ้าง ก็เก็บมาเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าเฮ้ย ตรูก็ทำได้นี่หว่า (เงินที่็มีเก็บไว้หลักหมื่นต้นๆ ซึ่งสมัยก่อนไม่เคยได้จับเงินขนาดนี้ของตัวเอง!) ยังไม่ได้ลงทุนอะไรเป็นหลักนัก ลงแต่พวก LTF RMF เพื่อประหยัดภาษี(อย่าคิดว่าเงินเดือนเยอะครับตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าลงไปทำไมภาษีไม่ถึงเกณฑ์ 5555) แม่ก็แนะนำว่าเอาไปฝากสลากออมสิน หรือ ฝากประจำ จะซื้อสลากออมสิน ก็ไม่เคยมีดวง ไม่เอาดีกว่า เราก็ไปเจอพวก 4เดือน 3.6%-3.96% โอ้ดอกสูงดีมาก!!! เดินเข้าธนาคารจัดเต็ม 10,000 บาท ลงทุนไป 70%ของเงินตัวเองเลยนะเนี่ย!!!!

พอครบ ตอนนั้นยังคิดว่าฝากแล้วจะได้ซัก400-500บาทค่าเที่ยว พอเห็นดอกเบี้ยจะเป็นลม(100 บาทกว่า - -’) เข้าไปถามพนักงาน counter แล้วว่า ดอกเบี้ยคิดผิดหรือเปล่าเนี่ย!!!! ที่ไหนได้ ไอ้ที่บอกว่า 3.6%-3.96% มันเป็นต่อปี!!!!! ไม่ใช่ต่อ 4เดือน!@!@!!!! ตรูโง่เจงๆ!!!

มันน้อยจนรู้สึกว่าเราน่าจะหาวิธีที่เอาเงินพวกนี้ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า เก็บไปเรื่อยๆ ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี จนรู้สึกว่าเงินเยอะเริ่มอยากใช้(ตอนนี้มีอยู่ 40k-50k ละ) เหอะๆ ตัวเลขเงินมันในบัญชีนี่หน่าตอนนั้นก็เริ่มidea ต๊องหล่ะ ไปเปิดบัญชีแบงค์ซะเกือบทุกธนาคารจะสีเหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน ม่วง ส้ม สรุป อยากได้สมุดสายรุ้ง แถมด้วย ATM อีกทุกบัญชีที่เปิด (ไม่เป็นไรค่า ATM หลักร้อย! จิ๊บๆ หลังๆพอไปคูณจำนวนบัญชีก็ 1,200 บาท/ปี เริ่มงกปิดไปทีละอันๆ จนปัจจุบันมีเหลือแค่ใบเดียว) เวลาตรูจะถอนบัญชีโน้นเข้าบัญชีนี้ ทำเหมือนว่ามีเงินเข้าออกเยอะ ทำเครดิตมันทุกแบงค์ ไม่รู้ทำทำไม รู้สึกมีความสุขเวลาเงินมันย้ายไปมา รวยบัญชีนี้บ้าง รวยบัญชีนั้นบ้าง(ทั้งๆที่เงินรวม total จำนวนคือเท่าเดิม) จนแฟน บอกว่าโรคจิตหรือเปล่าเธอ ดูสมุดบัญชีแล้วยิ้ม!!! เออ ก็คนมันมีความสุขเวลามีตังค์ในบัญชี ถึงแม้จะมีแค่ไม่กี่หมื่น เวียนเปลี่ยนไปตามสีบัญชีก็ตาม 55555!!!!

ประมาณกลางปี 2006 เพื่อนผมคนหนึ่ง สมมติชื่อ W เอาหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า "The  Warren Buffet Ways" ของ Robert G. Hagstrom มาให้อ่าน ก่อนอ่านก็ ยังงงว่าใครคือ Warren Buffet  (ขอโทษนะครับ เมื่อก่อนนี่ผมไม่เคยคิดจะลงทุนในหุ้นเลย รู้จักแต่ Jimmy Buffet ที่เป็น นักร้องง่า -o-’’’) แต่กว่าจะได้อ่านก็ดองไว้จนเค็มแล้วอ่านจบก็กลางปี 2007 ก็ค่อยเอาไปคืน กว่าจะคืน เล่มมันเละมาก ขอโทษเฟ้ย! คิดตอนนั้นได้ว่า มันก็มีวิธีหาเงินโดยการเอาเงินซือหุ้นรับปันผลได้นี่หว่า!!! ตรูก็ทำได้แค่ถือหุ้นไปเรื่อยๆ Return 20% ง่ายโคตรๆๆๆ 55555 เพื่อน W บอกเพิ่มเติมว่า ท่าน(อาจจะไม่สุภาพกว่านี้เวลาพูดกันกับเพื่อน)จะบ้าเหรอ return 20% 20ปี+ นี่มันระดับโคตรมหาเทพ!!!! ตอนนั้นยังคิด มันจะยากขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่จริงมั้ง 20% จิ๊บจ๊อย!

และเพื่อน W คนนี้แหล่ะ ก็เลยแนะนำ set.or.th ให้รู้จักแถมแนะนำวิธีการดูหุ้น กดดูยังไง กดชื่อเลย นั่นไง PTT, SCC, SCB, KBANK, TF, ............. (แล้วมันคืออะไรวะเพื่อน!) แล้วก็ไปที่ financial statement ตอนแรก ก็เออ ออ ห่อหมกไปตามเรื่องตามราว งั้นแปลว่า ถ้าเรารู้จักแล้ว ซื้อได้เลยปะ หรือว่าต้องดูตามหลักการกามาสุตรา เอ๊ย กาลามาสูตร ตรูต้องดูตรงไหนอ่าตัวไหนดีหรือไม่ดี  - -’  เพื่อนก็แนะนำ trick อยู่หลายอย่าง ซึ่งปัจจุบันยังยึดเป็นแนวทางที่ใช้อยู่ครับ จริงๆที่เพื่อนผมบอกมันคือ fundamental valuation ครับ!!!  

ok!  ณ ตอนนี้ ถึงเวลาที่เราจะ บัฟเฟต ณ กทม.  เพื่อน W นายมาเป็นชาร์ลี แชปลิน เอ๊ย มังเกอร์ ละกัน
เราจะเป็นเศรษฐี(ผ้า)พัน(หัว)ล้านกัน!!!!

แล้วเราจะซื้อหุ้นไงฟะ - -’ อ้าวเฮ้ย โทรถามเพื่อน W อีก เพื่อนก็บอกท่านก็ไปเปิดพอร์ตที่โบรกเกอร์สิเฟ้ย. แล้ว port คืออะไร? ท่าเรือเหรอ  เพื่อนก็แนะนำอีก port ย่อมาจาก portfolio (โอ้!!! นึกว่าแฟ้มเก็บของ) มันมีหลายที่ลองไป search ใน web ละกัน 555 ตอนนั้นผมเปิด google ค้นไปเจอหลายที่ โอ้เก็บเป็นข้อมูล ตูจะเปิด port หลาย port เหมือนแบงค์ป่าวเนี่ย!!!!

หลังจากนั้นผมมานั่งดูหุ้น set.or.th หาตัวน่าสนใจได้หลายตัวละ พร้อม!!!
ก่อนหน้าที่จะเปิดพอร์ต คุณอาผมท่านมีใบหุ้นของหลักทรัพย์หนึ่งตัว (มีอยู่ไม่กี่ร้อยหุ้น) ชื่อว่า บลจ.​แอตคินสัน(ปัจจุบันคือคันทรี่กรุ๊ป) ไม่รู้ท่านอาได้แต่ใดมา โอ้!!!พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก!!! หุ้นไรเนี่ยชื่อดูเท่ห์จริงๆท่าทางตรูต้องไปอ่านงบมันหน่อยแล้ว(เหมือนว่าจะรู้เรื่อง) เฮ้ย นี่ มันหุ้น.... นี่หว่า เลยถามอาไปว่า “ใบหุ้นแอตคินสันอยู่ปะ เดี๋ยวผมไปเปิดพอร์ทแล้วเอาไปขายมั๊ย”  อารีบบอกเลยว่า “ขายได้เหรอ ขายเลยเอาเงินมาคืนด้วย” ok! ถือเป็นบทเรียน 55555

วันไปเปิด port  เลือก Seami... หล่ะ(ตอนนี้เปลี่ยนเป็น KTZ ละครับ)  ณ ตอนนั้น ที่เลือกเพราะ
1. ใกล้ที่ทำงานแฟน เวลาไป trade (ณ ขณะนั้นเข้าใจว่าต้องไป trade ที่โบรคเกอร์เท่านั้น - -’) ​เป็นโอกาส ​เออ เรามาทำงานลงทุนน่ะ  
    เดี๋ยวเราเลี้ยงข้าวกลางวันนะ พอดีเรากำไรหลักแสน ฟังแล้วดูดีโคตร!!
2. ไม่มีขั้นต่ำ โอ้ จะซื้อหุ้นทีละ 20 บาทก็ได้ใช่มะ หัวเราะ 5555

และแล้วเตรียมเอกสารไปครบ (บัตรปชช, book ออมทรัพย์บัญชีสีสายรุ้ง) ถึง seami..... เอาเงินหลักหมื่นเข้าโชว์ 555 โบรกเกอร์เห็นถึงกับอึ้งกันเลยทีเดียว เงินเยอะอะดิ๊พี่ โบรกก็เอ่ยออกมาว่า
“เอ่อ น้องๆมีบัญชีอื่นไม๊คะ”
“ไมละพี่ออมทรัพย์เยอะเกินไปเหรอครับ”
"คือถ้ามีเงินไม่ถึงแสนบริษัทฯ อนุมัติวงเงินได้น้อยน่ะค่ะ"
พี่ครับ เงินแสนตอนนั้นผมยังไม่เคยรู้จักแล้วจะให้ผมเอามาจากไหน หละเนี่ย - -’ อะ จำได้ว่ามีเงินอีกเกือบ 30k อยู่ในฝากประจำ
“พี่ครับโชว์ฝากประจำด้วยได้ปะ?” พร้อมยื่นให้
“อ๋อได้ เดี๋ยวซีร๊อกซ์ไว้นะคะ”
“พี่ครับ ผมยังมีใบหุ้นด้วยทำไงครับ” (โฮะๆ ไม่เคยมีใครเอาใบหุ้นมาเข้าอ่าดิ หุ้นก็เยอะนะเนี่ย!!!)
“ก็เอาเข้าพอร์ตได้เลย แต่ตัวนี้ราคาที่ซื้อน่าจะยังไม่แตกพาร์นะ อืม..เดี๋ยวดูให้ละกัน”
“จัดเลยพี่!”  (ไม่เข้าใจว่าพาร์คืออะไร แต่ถ้าแตกออกมาน่าจะเยอะขึ้นก็ดีสิครับ!!!)
“แล้วจะเอา cash balance หรือ credit หล่ะ”
“........ อะไรไม่มีขั้นต่่ำครับ”
“trade internet แบบ cash ซึ่งต้องโอนเงินมาก่อนค่ะ” (ในใจคิดว่าเฮ้ย เราต้องโทรหาพี่โบรกเกอร์แล้วทำเสียงหล่อแล้วโทรหาพี่โบรกเกอร์ เทรด หุ้นxxx จำนวน 100 หุ้นนะครับ ผมว่ามันน่าจะขึ้นอีกเยอะ จะเท่ห์กว่า แล้วนี่ต้องโอนก่อน ตรูยอมให้เงินเน่าในบัญชีออมทรัพย์ของตรูดีกว่าจะโอนให้โบรคคนอื่นก่อน!)
“แล้วถ้าเป็นแบบโทรหาพี่ แล้วก็ตัดบัญชีโดยที่ผมไม่ต้องเอาเงินมาลงก่อนล่ะพี่?”
“ก็เป็นแบบ .... และ ค่าคอม ..... ตัด ATS...”
งั้นเอาแบบนั้นครับ! (จริงๆฟังแล้วไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ฟังว่าตัด ats มันก็ cool แล้ว!!!!  5555 สรุป เอาง่ายแล้วซะงั้นทั้งไม่มีขั้นต่ำแถมค่าคอมแพงกว่าอีก - -’ )
แล้วก็มีคำถามโง่ๆออกจากปากผมว่า “แล้วผมจะได้รับสมุดไหมพี่”
“สมุดอะไรคะน้อง”
“สมุด portfolio ครับ เหมือน book bank ไม๊พี่”
พี่โบรกเกอร์ก็อึ้งไปซักพัก แล้วตอบมาว่า “ไม่มีค่ะ ดู port ได้ทาง internet ได้นะคะ”
หน้าแตกไม่รับเย็บอีกแล้วตรู - -’

ในที่สุดเราก็จะมี ท่าหุ้น เอ๊ย port หุ้นแล้ว วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!
เสียงพี่โบรกเกอร์ลอยมา “น้องๆ รออีก 1  อาทิตย์นะ”
อ้าว เฮ้ย ตรูนึกว่าเปิดแล้วได้เลย เหมือนเปิดบัญชีธนาคาร!!!!!!!!!!!!!

ขอจบไว้เท่านี้ก่อนครับ.... หลิ่วตา

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่