เรื่องนี้เกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว ที่ไม่ได้โพสบอกเพราะ คอมที่บ้านเรามันพิมพ์ภาษาไทยไม่ได้
และเราก็ไม่มี ID ของพันทิป เคยสมัครแต่ต้องส่งบัตรประชาชน มันยุ่งยาก เลยไม่ทำต่อ
เรารู้จักกับเจ้าของ ID นี่เพราะเรา ต่างถิ่นมาเมืองนอกเหมือนกัน พอเราเล่าเรื่องที่เราไปประสบมา เป็นเรื่องที่เรานำมาเล่าต่อวันนี้แหละค่ะ เจ้าของ ID เลยยินดีให้ยืมชื่อเขามาตั้งกระทู้ เพื่อเตือนสาวๆค่ะ
เราไม่เคยตั้งกระทู้มาก่อน ผิดถูกประการใด ขออภัยมาไว้ตรงนี้เลยนะค่ะ
คือเมื่อประมาณกลางเดือน พ.ย เราได้มีโอกาสบินตามสามีไปดูงานของเขาที่ญี่ปุ่น ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องขากลับไปที่บ้านสามี
สามีเราไปนั่งเล่นเน็ตทำงาน ไปด้วย เราเบื่อๆก็เดินดูของ น้ำหอม เครื่องสำอางอะไรแบบเนี้ย ดูราคาเรื่อยๆ ไม่รีบเพราะไม่ได้คิดจะซื้อ
ตอนกำลังดูเครืองสำอาง อยู่ๆก็ได้ยินคนไทยสอง-สามคนคุยกัน “ยี่ห้อนั้นดีกว่าคนกำลังฮิต ปล่อยง่าย เอาเหอะ เอาเหอะ” อะไรประมาณเนี้ย,
เราก็รีบหันไปมอง เพราะตั้งแต่แต่งงานมาก็ไม่ได้กลับบ้านที่เมืองไทยมานาน คิดถึงภาษาไทยจนจะลงแดงอยู่แล้ว
เราก็เรียบๆเคียงเดินๆวนๆให้เขาเห็นหน้าเราว่า เราก็ไทยน๊ะ แต่เขาก็ไม่มอง เอาแต่คุยกันเองมีผู้ชายสองคน ผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้ชายคนหนึ่งเป็นกะเทย ออกอาการมากเลย พูดแบบดัดเสียงด้วย แต่งตัวเป็นสาวญี่ปุ่น ใส่เลคกิ้งสีเหลือง เปรี้ยวสุดๆ
เราก็เดินเฉียดๆไปหยิบของในชั้นเดียวกับเขา ผงกหัวก่อน พวกเขาก็ไม่มอง พอเห็นเราเดินไปใกล้มาก
เขาเดินกันไปอีกทางคุยกันต่อ เราก็เลยไม่กล้าทักกลัวเขาไม่พูดด้วย
เราเริ่มเบื่อที่จะดูของแล้วก็เลยเดินมาหาอะไร กะว่าจะหากาแฟดื่มด้วย เดินวนๆแป๊ปหนึ่งก็เจอร้านกาแฟ คนไม่เยอะดี
เราก็เลยเขาไปนั่ง สั่งกาแฟแก้วเดียวก็นั่งนานอยู่สักพัก กะว่าจะรอจนสามีโทรมาตาม เพราะ ไม่รู้จะเดินไปไหนแล้ว
ที่นี้คนไทยสองที่เป็นผู้ชายกับกะเทยก็เดินมา นั่งโต๊ะข้างหลังเรา ไม่มีผู้หญิงมาด้วย โต๊ะมันเป็นโซฟาพนักพิงสูงหันหลังชนกัน
เรานั่งหันหลังให้ทางเข้า โต๊ะเราเป็นตัวในสุด พนักโซฟาเป็นไม้ยกสูงเป็นฉากแยก นึกออกไหมค่ะ
พอเราได้ยินเสียงคนกะเทยพูดขึ้นเราก็หูผึ่งเลย “ไม่รู้อะไรหนักหนา แฟนคุณนะ แล้วเมื่อกี้คนที่เดินวนๆเราเป็นคนไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่รู้ได้ยินไปหมดแล้วหรือเปล่า เห็นเดินวนๆอยู่ได้ รำคาญ”
อ้าว!นั่นมาเรานี่หว่า เรารีบก้มหัวลง ดีว่าตัวเตี้ยน๊ะ เราผึ่งใบหูฟังต่อเลย
ได้ยินคนกะเทย เขาถามผู้ชายว่า เข้าไปเที่ยวที่ห้องแป้งแล้วใช่ไหม เห็นป่ะว่า ผู้หญิงพวกนั้นชอบดูรีวิวกันจะตาย
เสียงผู้ชายก็ว่า “ใช่ๆ แต่พันทิปเขาจะเปลี่ยนโฉมใหม่ ไม่รู้ยังจะหลอกได้อยู่หรือเปล่า กลัวทำผิดโดนจับไต๋ได้”
เสียงกะเทยว่า ใบเสร็จของแท้เราก็มี ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวกลับไปพี่จะแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของโรงงาน พวกนี้ทำของเก๊ได้แนบเนียนมาก ทั้งสีทั้งกลิ่น แต่ต้นทุนต่างกันเห็นๆ
“กลับไป คุณก็ไปรีวิวน๊ะ ว่าเนี่ยไปหิ้วของมาจาก Duty free ราคาพิเศษ ถ่ายรูปจากของจริง ถ่ายทุกๆด้าน เลย แล้วก็ลงรูปใบเสร็จให้ดูด้วย บอกไปเลยว่าเพื่อนฝากหิ้ว แล้วไม่จ่ายตังค์เราจะเอามาปล่อยต่อ ใครอยากได้ ก็หลังไมค์มา อย่าลืมพูดถึงราคาอาจจะลดได้อีกด้วยนะ เพราะเราเป็นผู้ชายไม่รู้เก็บไว้ทำไม อะไรยังเงี้ย เข้าใจป่ะ”
พวกเขาคุยกันแบบ ไม่กลัวคนได้ยินเลย คงมั่นใจว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย ไม่มีคนไทยแน่ๆ
ตอนนั้นเราใจตุ๊มๆต๋อมๆ กลัวสามีจะโทรมาตามแล้วจะฟังเรื่องไม่ได้ศัพท์
เรารีบส่งข้อความไปบอกแฟนว่า ไม่ต้องรีบนะ ทำงานของคุณเถอะ ฉันกำลังสนุกกับการดื่มกาแฟ ส่งเสร็จก็ตั้งใจฟังต่อ
จากตอนแรกที่เรียกว่าหูผึ่งแล้ว ตอนนี้หูกางเป็นหูช้างเลยค่ะ
ไม่พิมพ์เป็นคำพูดแล้วนะค่ะ ขอสรุปให้ฟังเลย หลังจากที่ฟังแล้ว ก็คือว่า เขาซื้อของจริง จริงๆแค่ชิ้นเดียว แล้วก็ถ่ายเอกสารใบเสร็จไว้หลายๆใบ ถ้าเกิดมีคนถามว่าใบเสร็จตัวจริงอยู่ไหน เขาก็จะบอกว่า กระดาษใบเสร็จมันลื่นๆ กลัวตัวหนังสือมันจะเลือน เขาเลยถ่ายเอกสารไว้ เพื่อให้เรามั่นใจว่า จะได้เห็นเลขที่ใบเสร็จ และราคาจริงๆ
คือเราได้ใบเสร็จจริงๆ แต่ของ เขาจะเอาที่โรงงานเป็นของเก๊ส่งให้เราอีกที คนหลังไมค์มาสิบคน ยี่สิบคนก็ได้ของทุกคน แถมมีใบเสร็จจากนอกของจริงที่ถ่ายเอกสารไว้แนบให้อีกน๊ะค่ะ
แล้วกะเทยมันยังสอนอีกนะว่า ให้แฟนผู้ชายช่วยกันรีวิวต่างหาก ว่าเนี่ยแฟนไปนอกมา แล้วซื้อมาฝาก แต่บังเอิญโทนสีมันซ้ำกันกับที่มีอยู่แล้ว ก็เลยจะปล่อยต่อ ปล่อยรูปถ่ายทุกมุมมอง รูปถ่ายจากของจริง มีใบเสร็จด้วย มันสอนให้พูดของมีแค่ชิ้นเดียวนะค่ะ อยากได้ หลังไมค์มาเลย อะไรแบบเนี้ย
มันสอนว่าให้เปลี่ยนเรื่องโพสไปเรื่อยๆ พร้อมโชว์รูปของด้วย ประมาณว่า ไปทำงานเมืองนอก กลับมาซื้อเครื่องสำอางมาฝากแฟน แต่พอกลับมาแฟนมีคนใหม่ เลยไม่อยากเก็บของไว้ให้ตำใจ จะทิ้งก็แพง กะเทยว่าผู้หญิงห้อง ขี้สงสารจะตาย ขี้เกียจจะรีบช่วยกันซื้อ....
สักพักเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุยกัน คุยถึงคนใหญ่คนโต เจ้าของโรงงานคนนั้นคนนี้ ซี้กันยังไง เราเริ่มหมดสนุกแหละ ใจอยากกลับไปหาสามีมาก อยากไปยืมคอมเขามาเข้าเว็บพันทิปตอนนั้นเลย
แต่เราต้องนั่งรอจนเขาคุยกันเสร็จ เราไม่กล้าลุกไปจ่ายตังค์ที่เค้าเตอร์กลัวเขาเห็น จากตอนแรกกลัวเขาไม่เห็นเกือบจะยอมเดินไปให้เขาเหยียบอยู่แล้ว ^^
ก่อนที่กะเทยจะลุกไปก่อน เขาก็ย้ำอีกว่า “เข้าใจใช่ป่ะ กลับไปมีปัญหาอะไรก็อีเมล์มานะ ไม่แน่ใจตรงไหนก็ถาม ถ้ารีวิวแล้วต้องคอยตามตอบด้วยน๊ะ จะทำก็ต้องทำให้เนียน”
แล้วก็แยกออกไป สักพักพอผู้หญิงไทยก็มา เขาก็พากันออกไป เราลุกไปจ่ายตังค์ เดินกลับไปหาสามีเรา แต่หัวเราก็มีแต่เรื่องนี้ตลอด คอมพิวเตอร์สามีเราไม่มีภาษาไทย ตอนแรกเราจะโพสกับเครื่องไอโฟนของเรา มันก็ขอรหัสผ่านไม่ได้ เราก็ไม่มี ID ด้วย
จนกลับมาได้เป็นเดือนแล้ว เรื่องก็ยังคาหัวเราตลอด เคยยืมชื่อของพี่คนหนึ่งที่รู้จักกัน แต่พี่เขาว่า เขาก็ขายของในเวป
เขาเกรงว่าเดี๋ยวมีคนคอมเม้นต์ขี้เกียจตอบ เราเลยไม่กล้ารบเร้าเขา
จนวันนี้เรามานั่งกินกาแฟพี่บีกับเจ้าของ ID พอเล่าให้พี่เขาฟัง พี่เขาว่าเขามี IDของพันทิปนะ ให้ยืมเอาไหม เราเลยยืมทั้งคอมทั้ง ID เขา
มาเล่าเรื่องต่อให้เพื่อนๆฟัง ฝากเตือนต่อไปถึงเพื่อนคนอื่นต่อด้วยน๊ะค่ะ
ส่วนตัวเราน๊ะ เราคิดว่าเขารับฝากหิ้วของด้วย เอาใบเสร็จจริงถ่ายเอกสารให้เรา อ้างว่าของจริงตัวหนังสือมันลบแล้ว แล้วก็เอาของปลอมที่เขาอ้างว่าทำเลียนแบบได้แนบเนียนสุดๆนั้นแหละมาให้เรา
หรือคนฝากซื้ออาจได้ของแท้ แต่เขาก็ต้องแอบถ่ายรูป ถ่ายเอกสารใบเสร็จไปหากินต่อ ประมาณนี้แหละค่ะ ไม่รู้ว่าเราคิดมากไปไหมเนอะ
ปล. แก้ไขคำผิด แก้ไขข้อความ
มาเตือนคุณสาวๆที่ชอบฝากหิ้วของจากต่างประเทศ หรือ สั่งของจากทางเนตค่ะ มิฉาชีพมาแนวใหม่
และเราก็ไม่มี ID ของพันทิป เคยสมัครแต่ต้องส่งบัตรประชาชน มันยุ่งยาก เลยไม่ทำต่อ
เรารู้จักกับเจ้าของ ID นี่เพราะเรา ต่างถิ่นมาเมืองนอกเหมือนกัน พอเราเล่าเรื่องที่เราไปประสบมา เป็นเรื่องที่เรานำมาเล่าต่อวันนี้แหละค่ะ เจ้าของ ID เลยยินดีให้ยืมชื่อเขามาตั้งกระทู้ เพื่อเตือนสาวๆค่ะ
เราไม่เคยตั้งกระทู้มาก่อน ผิดถูกประการใด ขออภัยมาไว้ตรงนี้เลยนะค่ะ
คือเมื่อประมาณกลางเดือน พ.ย เราได้มีโอกาสบินตามสามีไปดูงานของเขาที่ญี่ปุ่น ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องขากลับไปที่บ้านสามี
สามีเราไปนั่งเล่นเน็ตทำงาน ไปด้วย เราเบื่อๆก็เดินดูของ น้ำหอม เครื่องสำอางอะไรแบบเนี้ย ดูราคาเรื่อยๆ ไม่รีบเพราะไม่ได้คิดจะซื้อ
ตอนกำลังดูเครืองสำอาง อยู่ๆก็ได้ยินคนไทยสอง-สามคนคุยกัน “ยี่ห้อนั้นดีกว่าคนกำลังฮิต ปล่อยง่าย เอาเหอะ เอาเหอะ” อะไรประมาณเนี้ย,
เราก็รีบหันไปมอง เพราะตั้งแต่แต่งงานมาก็ไม่ได้กลับบ้านที่เมืองไทยมานาน คิดถึงภาษาไทยจนจะลงแดงอยู่แล้ว
เราก็เรียบๆเคียงเดินๆวนๆให้เขาเห็นหน้าเราว่า เราก็ไทยน๊ะ แต่เขาก็ไม่มอง เอาแต่คุยกันเองมีผู้ชายสองคน ผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้ชายคนหนึ่งเป็นกะเทย ออกอาการมากเลย พูดแบบดัดเสียงด้วย แต่งตัวเป็นสาวญี่ปุ่น ใส่เลคกิ้งสีเหลือง เปรี้ยวสุดๆ
เราก็เดินเฉียดๆไปหยิบของในชั้นเดียวกับเขา ผงกหัวก่อน พวกเขาก็ไม่มอง พอเห็นเราเดินไปใกล้มาก
เขาเดินกันไปอีกทางคุยกันต่อ เราก็เลยไม่กล้าทักกลัวเขาไม่พูดด้วย
เราเริ่มเบื่อที่จะดูของแล้วก็เลยเดินมาหาอะไร กะว่าจะหากาแฟดื่มด้วย เดินวนๆแป๊ปหนึ่งก็เจอร้านกาแฟ คนไม่เยอะดี
เราก็เลยเขาไปนั่ง สั่งกาแฟแก้วเดียวก็นั่งนานอยู่สักพัก กะว่าจะรอจนสามีโทรมาตาม เพราะ ไม่รู้จะเดินไปไหนแล้ว
ที่นี้คนไทยสองที่เป็นผู้ชายกับกะเทยก็เดินมา นั่งโต๊ะข้างหลังเรา ไม่มีผู้หญิงมาด้วย โต๊ะมันเป็นโซฟาพนักพิงสูงหันหลังชนกัน
เรานั่งหันหลังให้ทางเข้า โต๊ะเราเป็นตัวในสุด พนักโซฟาเป็นไม้ยกสูงเป็นฉากแยก นึกออกไหมค่ะ
พอเราได้ยินเสียงคนกะเทยพูดขึ้นเราก็หูผึ่งเลย “ไม่รู้อะไรหนักหนา แฟนคุณนะ แล้วเมื่อกี้คนที่เดินวนๆเราเป็นคนไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่รู้ได้ยินไปหมดแล้วหรือเปล่า เห็นเดินวนๆอยู่ได้ รำคาญ”
อ้าว!นั่นมาเรานี่หว่า เรารีบก้มหัวลง ดีว่าตัวเตี้ยน๊ะ เราผึ่งใบหูฟังต่อเลย
ได้ยินคนกะเทย เขาถามผู้ชายว่า เข้าไปเที่ยวที่ห้องแป้งแล้วใช่ไหม เห็นป่ะว่า ผู้หญิงพวกนั้นชอบดูรีวิวกันจะตาย
เสียงผู้ชายก็ว่า “ใช่ๆ แต่พันทิปเขาจะเปลี่ยนโฉมใหม่ ไม่รู้ยังจะหลอกได้อยู่หรือเปล่า กลัวทำผิดโดนจับไต๋ได้”
เสียงกะเทยว่า ใบเสร็จของแท้เราก็มี ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวกลับไปพี่จะแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของโรงงาน พวกนี้ทำของเก๊ได้แนบเนียนมาก ทั้งสีทั้งกลิ่น แต่ต้นทุนต่างกันเห็นๆ
“กลับไป คุณก็ไปรีวิวน๊ะ ว่าเนี่ยไปหิ้วของมาจาก Duty free ราคาพิเศษ ถ่ายรูปจากของจริง ถ่ายทุกๆด้าน เลย แล้วก็ลงรูปใบเสร็จให้ดูด้วย บอกไปเลยว่าเพื่อนฝากหิ้ว แล้วไม่จ่ายตังค์เราจะเอามาปล่อยต่อ ใครอยากได้ ก็หลังไมค์มา อย่าลืมพูดถึงราคาอาจจะลดได้อีกด้วยนะ เพราะเราเป็นผู้ชายไม่รู้เก็บไว้ทำไม อะไรยังเงี้ย เข้าใจป่ะ”
พวกเขาคุยกันแบบ ไม่กลัวคนได้ยินเลย คงมั่นใจว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย ไม่มีคนไทยแน่ๆ
ตอนนั้นเราใจตุ๊มๆต๋อมๆ กลัวสามีจะโทรมาตามแล้วจะฟังเรื่องไม่ได้ศัพท์
เรารีบส่งข้อความไปบอกแฟนว่า ไม่ต้องรีบนะ ทำงานของคุณเถอะ ฉันกำลังสนุกกับการดื่มกาแฟ ส่งเสร็จก็ตั้งใจฟังต่อ
จากตอนแรกที่เรียกว่าหูผึ่งแล้ว ตอนนี้หูกางเป็นหูช้างเลยค่ะ
ไม่พิมพ์เป็นคำพูดแล้วนะค่ะ ขอสรุปให้ฟังเลย หลังจากที่ฟังแล้ว ก็คือว่า เขาซื้อของจริง จริงๆแค่ชิ้นเดียว แล้วก็ถ่ายเอกสารใบเสร็จไว้หลายๆใบ ถ้าเกิดมีคนถามว่าใบเสร็จตัวจริงอยู่ไหน เขาก็จะบอกว่า กระดาษใบเสร็จมันลื่นๆ กลัวตัวหนังสือมันจะเลือน เขาเลยถ่ายเอกสารไว้ เพื่อให้เรามั่นใจว่า จะได้เห็นเลขที่ใบเสร็จ และราคาจริงๆ
คือเราได้ใบเสร็จจริงๆ แต่ของ เขาจะเอาที่โรงงานเป็นของเก๊ส่งให้เราอีกที คนหลังไมค์มาสิบคน ยี่สิบคนก็ได้ของทุกคน แถมมีใบเสร็จจากนอกของจริงที่ถ่ายเอกสารไว้แนบให้อีกน๊ะค่ะ
แล้วกะเทยมันยังสอนอีกนะว่า ให้แฟนผู้ชายช่วยกันรีวิวต่างหาก ว่าเนี่ยแฟนไปนอกมา แล้วซื้อมาฝาก แต่บังเอิญโทนสีมันซ้ำกันกับที่มีอยู่แล้ว ก็เลยจะปล่อยต่อ ปล่อยรูปถ่ายทุกมุมมอง รูปถ่ายจากของจริง มีใบเสร็จด้วย มันสอนให้พูดของมีแค่ชิ้นเดียวนะค่ะ อยากได้ หลังไมค์มาเลย อะไรแบบเนี้ย
มันสอนว่าให้เปลี่ยนเรื่องโพสไปเรื่อยๆ พร้อมโชว์รูปของด้วย ประมาณว่า ไปทำงานเมืองนอก กลับมาซื้อเครื่องสำอางมาฝากแฟน แต่พอกลับมาแฟนมีคนใหม่ เลยไม่อยากเก็บของไว้ให้ตำใจ จะทิ้งก็แพง กะเทยว่าผู้หญิงห้อง ขี้สงสารจะตาย ขี้เกียจจะรีบช่วยกันซื้อ....
สักพักเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุยกัน คุยถึงคนใหญ่คนโต เจ้าของโรงงานคนนั้นคนนี้ ซี้กันยังไง เราเริ่มหมดสนุกแหละ ใจอยากกลับไปหาสามีมาก อยากไปยืมคอมเขามาเข้าเว็บพันทิปตอนนั้นเลย
แต่เราต้องนั่งรอจนเขาคุยกันเสร็จ เราไม่กล้าลุกไปจ่ายตังค์ที่เค้าเตอร์กลัวเขาเห็น จากตอนแรกกลัวเขาไม่เห็นเกือบจะยอมเดินไปให้เขาเหยียบอยู่แล้ว ^^
ก่อนที่กะเทยจะลุกไปก่อน เขาก็ย้ำอีกว่า “เข้าใจใช่ป่ะ กลับไปมีปัญหาอะไรก็อีเมล์มานะ ไม่แน่ใจตรงไหนก็ถาม ถ้ารีวิวแล้วต้องคอยตามตอบด้วยน๊ะ จะทำก็ต้องทำให้เนียน”
แล้วก็แยกออกไป สักพักพอผู้หญิงไทยก็มา เขาก็พากันออกไป เราลุกไปจ่ายตังค์ เดินกลับไปหาสามีเรา แต่หัวเราก็มีแต่เรื่องนี้ตลอด คอมพิวเตอร์สามีเราไม่มีภาษาไทย ตอนแรกเราจะโพสกับเครื่องไอโฟนของเรา มันก็ขอรหัสผ่านไม่ได้ เราก็ไม่มี ID ด้วย
จนกลับมาได้เป็นเดือนแล้ว เรื่องก็ยังคาหัวเราตลอด เคยยืมชื่อของพี่คนหนึ่งที่รู้จักกัน แต่พี่เขาว่า เขาก็ขายของในเวป
เขาเกรงว่าเดี๋ยวมีคนคอมเม้นต์ขี้เกียจตอบ เราเลยไม่กล้ารบเร้าเขา
จนวันนี้เรามานั่งกินกาแฟพี่บีกับเจ้าของ ID พอเล่าให้พี่เขาฟัง พี่เขาว่าเขามี IDของพันทิปนะ ให้ยืมเอาไหม เราเลยยืมทั้งคอมทั้ง ID เขา
มาเล่าเรื่องต่อให้เพื่อนๆฟัง ฝากเตือนต่อไปถึงเพื่อนคนอื่นต่อด้วยน๊ะค่ะ
ส่วนตัวเราน๊ะ เราคิดว่าเขารับฝากหิ้วของด้วย เอาใบเสร็จจริงถ่ายเอกสารให้เรา อ้างว่าของจริงตัวหนังสือมันลบแล้ว แล้วก็เอาของปลอมที่เขาอ้างว่าทำเลียนแบบได้แนบเนียนสุดๆนั้นแหละมาให้เรา
หรือคนฝากซื้ออาจได้ของแท้ แต่เขาก็ต้องแอบถ่ายรูป ถ่ายเอกสารใบเสร็จไปหากินต่อ ประมาณนี้แหละค่ะ ไม่รู้ว่าเราคิดมากไปไหมเนอะ