“ทีมข่าวการเมือง” ได้ถือโอกาสการเปลี่ยนผ่านสู่ศักราชใหม่
เปิดหน้าสัมภาษณ์พิเศษบุคคลสำคัญทางการเมือง โดยจะคัดสรรบุคคล
ที่เป็นจิ๊กซอว์ “ชิ้นสำคัญ” ในสถานการณ์ทางการเมืองช่วงต่างๆ มา
แง้มมิติทางความคิด มุมมองและตัวตน จากถ้อยคำการให้สัมภาษณ์
ของบุคคลสำคัญชนิดเกาะติดกระแส
บุคคลทางการเมืองคนแรกที่ “ทีมข่าวการเมือง” เลือกก็คือ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คงปฏิเสธไม่ได้ว่า
เป็นบุคคลหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็น “ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง”
9 ปีที่อยู่แดนไกล จากวันนั้นถึงวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขยับมุม
คิดการมองประเทศไทย การเมืองไทยไปถึงไหน และอย่างไร
ในปี 2556 “ทักษิณ” ได้เปิดแนวคิดไว้กับทีมการเมืองว่า
“เชื่อว่าการเมืองปีนี้จะเป็นปีแห่งการเมืองตกผลึก ขอพูดคำว่า
ตกผลึกทางการเมือง วันนี้ผมเชื่อว่าการชนะเด็ดขาดจะเกิดขึ้น
ระหว่างพรรคการเมืองที่ใช้ปัญญากับขั้วที่ใช้โวหาร ในเมื่อ
ประชาชนแยกแยะได้แล้วสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและ
กับตัวเขาเอง อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง ตรงนั้นจะเป็นการตกผลึก”
ที่ผมเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีตกผลึกเพราะการเมืองหลังจากปี 2554
ประชาชนเริ่มเห็นความแตกต่างของพรรคการเมืองว่า
การเมืองที่ใช้ปัญญากับการเมืองที่ใช้แต่โวหาร และการเมืองที่
ใช้แต่สตางค์ ไม่มีทั้งปัญญาและไม่มีทั้งโวหาร แน่นอนจะเป็น
การต่อสู้กันระหว่างสองพรรคเหมือนเดิม เป็นการเมืองสองขั้ว
ขั้วหนึ่งใช้ปัญญา อีกขั้วหนึ่งใช้แต่โวหาร
ทำให้การต่อสู้ทางการเมืองทุกครั้งก็จะมีความรุนแรง เพราะ
ฝ่ายหนึ่งใช้ความคิด อีกฝ่ายหนึ่งใช้โวหารก็จะสู้กันอย่างนี้
ตลอดไป ประชาชนก็เริ่มคิดได้เรื่อยๆว่าอะไรเป็นอะไร
ประชาชนที่หลงคำใส่ร้ายป้ายสีก็อาจจะหลงเชื่อไปบ้าง
ไม่ว่าจะมีการกล่าวหาว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือผลักดันออก
พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อผม จะเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไร ทุกวันนี้
ทุกอย่างที่คิดผมคิดให้บ้านเมืองหมด ผมอยู่เมืองนอกจนชินแล้ว
เมื่อก่อนนี้คิดว่าอย่างไรเราต้องอยู่เมืองไทยเท่านั้น
แต่วันนี้ถ้าเมืองไทยเป็นอย่างนี้ผมอยู่เมืองนอกได้
คิดว่าถ้ากลับไปแล้วทำให้บ้านเมืองดีขึ้นผมก็กลับ
แต่ถ้ากลับไปแล้วจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกผมก็ไม่กลับ
ไม่รู้จะกลับไปทำไม เพราะวันนี้ชีวิตมีสตางค์ มีบ้านอยู่
หลายประเทศ มีเครื่องบินนั่ง จะไปวิตกอะไร
ถือว่าทำให้ดีที่สุดแล้ว เราเกิดมาวันนี้พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะมีอะไร
ดังนั้นเราต้องทำสิ่งที่ดีๆไว้ คิดแค่นั้นเอง
วันนี้ก็ปรับตัวที่จะอยู่เมืองนอกได้แล้ว ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร
ผมถือว่าผมรักบ้านเมือง รักพระเจ้าอยู่หัว มีอะไรที่คิดว่าเป็น
ประโยชน์ก็ทำไป แต่ก็ไม่ต้องร้อนใจว่าจะต้องกลับบ้าน
“ฉะนั้นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ก้าวไม่ข้ามผม เหมือนคิดจะฆ่า
ทศกัณฐ์ เพราะทศกัณฐ์ถอดหัวใจไว้ อย่างไรก็ไม่ตาย
เล่นงานแต่ผมแล้วเป็นอะไร ก็ผมไม่ใช่นักการเมืองแล้ว
ผมไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่ได้เป็นอะไรเลย
คุณเล่นงานผมแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ก็ได้แค่สะใจ”
ขณะที่โหวตวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291
ถ้าที่ประชุมรัฐสภาโหวตชนะก็ไม่เป็นที่พอใจของอีกฝ่าย
ถ้าโหวตแพ้ก็ไม่เป็นที่พอใจของอีกหลายฝ่าย เพราะสังคม
มีความขัดแย้ง จะเดินซ้ายก็มีปัญหา จะเดินขวาก็มีปัญหา
ทางออกจากความขัดแย้งของรัฐบาลก็ต้องทำประชามติ
ให้ประชาชนเป็นฝ่ายตัดสิน ซึ่งเป็นแนวคิดของนายกฯยิ่งลักษณ์
ชินวัตร เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปรองดองของประเทศ
และไม่ให้เกิดความขัดแย้ง
ดังนั้น ปีนี้จะเป็นเรื่องของกระแสการทำประ-ชามติ
และปลดล็อกคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่เชื่อว่าจะทำได้ง่ายเหมือนในอดีต
ไม่ได้บอกว่าไม่มี ถึงมีก็ไม่ราบรื่นเหมือนเมื่อก่อน วันนี้ผมได้
พบผู้นำหลายประเทศ ทุกคนไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหาร
โดยเฉพาะประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั้งหลาย
เพราะโอกาสที่หลายประเทศจะไม่รับรอง
ไม่คบค้ารัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติมีมากขึ้นทุกวัน
ดังนั้น ในปี 2556 จะเป็นปีตกผลึก แม้ประเทศไทยยังปกคลุม
ไปด้วยม็อบสารพันสี ก็ที่ผมบอกไว้ถ้าฝ่ายคุมความยุติธรรมวางตัว
ยุติธรรม จะต้องเดินอย่างตรงไปตรงมา ทหารไม่ให้ยุ่งกับการเมือง
มันจะจบด้วยตัวมันเอง เพราะในที่สุดประชาชนจะเป็นคนคิดได้
ตัดสินใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร
แต่ถ้าหากไม่ตรงไปตรงมา แล้วทหารมายุ่งกับการเมือง
ปีนี้จะเป็นปีที่รุนแรง
ถ้าทหารไม่เข้ามายุ่งด้วยผมว่าอุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้นไม่ได้
เพราะการเดินขบวน การแสดงความไม่พอใจต่างๆ เป็นสิ่งที่
เกิดขึ้นตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่ทุกครั้งที่มีปัญหา
เพราะว่ามีคนไปผลักดันทหารเข้าไปอยู่ด้วย ก็เลยเกิดความรุนแรง
“เชื่อว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า การเข่นฆ่าประชาชน
คนไทยด้วยกันเองเป็นสิ่งที่น่าละอาย เป็นสิ่งที่เลวร้าย
เป็นสิ่งที่ชาวโลกสนใจ และศาลโลกก็สนใจ ฉะนั้นไม่เป็น
ประโยชน์กับประเทศไทย ผมคิดว่ายังไม่มีอะไร บางคนว่า
เดือน เม.ย.ปีนี้น่ากลัวมาก ดาวมฤตยูเล็งดวงเมือง
ลัคนาเมืองต้องดาวอังคารอยู่ด้วย ผมก็ยังไม่เชื่อ ถ้าดูจาก
พัฒนาการทางการเมือง น่าจะเป็นปีที่การเมืองตกผลึก”
การต่อสู้กันก็ยังมีแน่นอน เพราะว่าฝ่ายหนึ่งถูกดำเนินคดี
อีกฝ่ายก็ถูกจองจำอยู่ จึงเป็นเรื่องที่แสวงหาความถูกต้อง
ฉะนั้นปีนี้ถ้าต้องการความรุนแรง ก็จะถูกกำหนดโดยฝ่ายที่
ควบคุมความยุติธรรมทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม แล้วใช้
ทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อันนี้รุนแรงแน่ แต่ถ้าฝ่ายที่คุมความ
ยุติธรรมให้รักษาความยุติธรรมและเป็นกลางไว้
และฝ่ายทหารไม่มายุ่งกับการเมือง
ผมเชื่อว่าการเมืองจะตกผลึกและจบในปีนี้
ขณะที่ข้อหาใหญ่เรื่องความไม่จงรักภักดี เป็นการกล่าวหาทาง
การเมือง เป็นการหาเรื่อง คนที่กล่าวหาผมเชื่อว่าไม่ได้รักในหลวง
มากกว่าผม เพราะผมเป็นผู้ที่ได้รับพระเมตตา ถือเป็นหนี้บุญคุณ
ต่อเจ้านายทุกพระองค์มาก ได้รับพระราชทานพระเมตตามา
หลายครั้งในชีวิต เป็นไปไม่ได้เลย สันดานผมเป็นคนมีความกตัญญู
แม้กระทั่งคนทั่วไปชาวบ้านเคยทำอะไรให้ยังนึกถึงบุญคุณเขา
นี่พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระ เมตตากับผม แล้วผมจะไม่กตัญญูได้อย่างไร
ถึงอย่างไรก็เชื่อว่าสิ่งที่เป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดของคนไทย คือ
รัฐบาลจะแบ่งสรรอำนาจของประเทศโดยประชาชนมาตัดสินให้หน่อย
ว่าจะเอาอย่างไร จะเอาอย่างแช่แข็งประเทศหรือจะเอาความก้าวหน้า
ของประเทศ คนที่ชักใยทั้งหลายจะต้องเลิกชักใย ให้กลไกทุกอย่าง
ทำงานด้วยตัวเอง ทุกอย่างก็จบ
ผมเป็นคนใจกว้าง พร้อมที่จะคุยกับทุกฝ่าย ไม่ค่อยถือโทษโกรธ
แค้นกับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเป็นคนไทยด้วยกัน ผมถือว่า
เป็นเวรเป็นกรรมของใครก็รับไป คนเคยทำงานด้วยกันรู้จักกัน
จะมาคุยก็ไม่เป็นไร ไม่ขัดอยู่แล้ว
อยากบอกคนไทยว่าการเมืองยังมองในแง่ดีว่า น่าจะเป็นปีแห่ง
การตกผลึก ไม่น่าจะเกิดนองเลือด ไม่น่าจะเกิดความรุนแรง
เพียงแต่ขอร้องว่าคนที่ชักใยในอดีตไม่ให้มีความยุติธรรมเกิดขึ้น
ต้องหยุดคนที่ผลักไสไล่ส่งให้ทหารเข้ามายุ่งการเมืองก็ต้องหยุด
เพราะรัฐบาลกำลังส่งเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ โครงการต่างๆจะเริ่ม
ดำเนินการเยอะมากในปีนี้ การลงทุนภาครัฐ การลงทุนต่างประเทศดี
การท่องเที่ยวดี รัฐบาลเน้นเศรษฐกิจรากหญ้า เพื่อให้ขึ้นถึงข้างบน
ปัญหาสังคมจะลดไปเยอะ เพราะวันนี้คนรู้ความจริงและเข้าใจอะไรมากขึ้น
เสื้อแดงและเสื้อเหลืองก็จะเริ่มยุติลงแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/318317
"บูชาแม้ว" ค่ะ ชอบจริงๆ เลิกคิดกลับเมืองไทย ...อยู่ที่ไหน
ก็ทำประโยชน์ได้ "รวยซะอย่าง" ไม่ต้องอิจฉา...นะ
ชอบทุกคคห. ....
เออ...ใครจะมาแดกดัน ถากถางเชิญเลย .....
เสียงไกลโพ้นของคนชื่อ "ทักษิณ" วิเคราะห์การเมือง ...ไทยรัฐออนไลน์
เปิดหน้าสัมภาษณ์พิเศษบุคคลสำคัญทางการเมือง โดยจะคัดสรรบุคคล
ที่เป็นจิ๊กซอว์ “ชิ้นสำคัญ” ในสถานการณ์ทางการเมืองช่วงต่างๆ มา
แง้มมิติทางความคิด มุมมองและตัวตน จากถ้อยคำการให้สัมภาษณ์
ของบุคคลสำคัญชนิดเกาะติดกระแส
บุคคลทางการเมืองคนแรกที่ “ทีมข่าวการเมือง” เลือกก็คือ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คงปฏิเสธไม่ได้ว่า
เป็นบุคคลหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็น “ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง”
9 ปีที่อยู่แดนไกล จากวันนั้นถึงวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขยับมุม
คิดการมองประเทศไทย การเมืองไทยไปถึงไหน และอย่างไร
ในปี 2556 “ทักษิณ” ได้เปิดแนวคิดไว้กับทีมการเมืองว่า
“เชื่อว่าการเมืองปีนี้จะเป็นปีแห่งการเมืองตกผลึก ขอพูดคำว่า
ตกผลึกทางการเมือง วันนี้ผมเชื่อว่าการชนะเด็ดขาดจะเกิดขึ้น
ระหว่างพรรคการเมืองที่ใช้ปัญญากับขั้วที่ใช้โวหาร ในเมื่อ
ประชาชนแยกแยะได้แล้วสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและ
กับตัวเขาเอง อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง ตรงนั้นจะเป็นการตกผลึก”
ที่ผมเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีตกผลึกเพราะการเมืองหลังจากปี 2554
ประชาชนเริ่มเห็นความแตกต่างของพรรคการเมืองว่า
การเมืองที่ใช้ปัญญากับการเมืองที่ใช้แต่โวหาร และการเมืองที่
ใช้แต่สตางค์ ไม่มีทั้งปัญญาและไม่มีทั้งโวหาร แน่นอนจะเป็น
การต่อสู้กันระหว่างสองพรรคเหมือนเดิม เป็นการเมืองสองขั้ว
ขั้วหนึ่งใช้ปัญญา อีกขั้วหนึ่งใช้แต่โวหาร
ทำให้การต่อสู้ทางการเมืองทุกครั้งก็จะมีความรุนแรง เพราะ
ฝ่ายหนึ่งใช้ความคิด อีกฝ่ายหนึ่งใช้โวหารก็จะสู้กันอย่างนี้
ตลอดไป ประชาชนก็เริ่มคิดได้เรื่อยๆว่าอะไรเป็นอะไร
ประชาชนที่หลงคำใส่ร้ายป้ายสีก็อาจจะหลงเชื่อไปบ้าง
ไม่ว่าจะมีการกล่าวหาว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือผลักดันออก
พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อผม จะเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไร ทุกวันนี้
ทุกอย่างที่คิดผมคิดให้บ้านเมืองหมด ผมอยู่เมืองนอกจนชินแล้ว
เมื่อก่อนนี้คิดว่าอย่างไรเราต้องอยู่เมืองไทยเท่านั้น
แต่วันนี้ถ้าเมืองไทยเป็นอย่างนี้ผมอยู่เมืองนอกได้
คิดว่าถ้ากลับไปแล้วทำให้บ้านเมืองดีขึ้นผมก็กลับ
แต่ถ้ากลับไปแล้วจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกผมก็ไม่กลับ
ไม่รู้จะกลับไปทำไม เพราะวันนี้ชีวิตมีสตางค์ มีบ้านอยู่
หลายประเทศ มีเครื่องบินนั่ง จะไปวิตกอะไร
ถือว่าทำให้ดีที่สุดแล้ว เราเกิดมาวันนี้พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะมีอะไร
ดังนั้นเราต้องทำสิ่งที่ดีๆไว้ คิดแค่นั้นเอง
วันนี้ก็ปรับตัวที่จะอยู่เมืองนอกได้แล้ว ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร
ผมถือว่าผมรักบ้านเมือง รักพระเจ้าอยู่หัว มีอะไรที่คิดว่าเป็น
ประโยชน์ก็ทำไป แต่ก็ไม่ต้องร้อนใจว่าจะต้องกลับบ้าน
“ฉะนั้นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ก้าวไม่ข้ามผม เหมือนคิดจะฆ่า
ทศกัณฐ์ เพราะทศกัณฐ์ถอดหัวใจไว้ อย่างไรก็ไม่ตาย
เล่นงานแต่ผมแล้วเป็นอะไร ก็ผมไม่ใช่นักการเมืองแล้ว
ผมไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่ได้เป็นอะไรเลย
คุณเล่นงานผมแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ก็ได้แค่สะใจ”
ขณะที่โหวตวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291
ถ้าที่ประชุมรัฐสภาโหวตชนะก็ไม่เป็นที่พอใจของอีกฝ่าย
ถ้าโหวตแพ้ก็ไม่เป็นที่พอใจของอีกหลายฝ่าย เพราะสังคม
มีความขัดแย้ง จะเดินซ้ายก็มีปัญหา จะเดินขวาก็มีปัญหา
ทางออกจากความขัดแย้งของรัฐบาลก็ต้องทำประชามติ
ให้ประชาชนเป็นฝ่ายตัดสิน ซึ่งเป็นแนวคิดของนายกฯยิ่งลักษณ์
ชินวัตร เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปรองดองของประเทศ
และไม่ให้เกิดความขัดแย้ง
ดังนั้น ปีนี้จะเป็นเรื่องของกระแสการทำประ-ชามติ
และปลดล็อกคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่เชื่อว่าจะทำได้ง่ายเหมือนในอดีต
ไม่ได้บอกว่าไม่มี ถึงมีก็ไม่ราบรื่นเหมือนเมื่อก่อน วันนี้ผมได้
พบผู้นำหลายประเทศ ทุกคนไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหาร
โดยเฉพาะประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั้งหลาย
เพราะโอกาสที่หลายประเทศจะไม่รับรอง
ไม่คบค้ารัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติมีมากขึ้นทุกวัน
ดังนั้น ในปี 2556 จะเป็นปีตกผลึก แม้ประเทศไทยยังปกคลุม
ไปด้วยม็อบสารพันสี ก็ที่ผมบอกไว้ถ้าฝ่ายคุมความยุติธรรมวางตัว
ยุติธรรม จะต้องเดินอย่างตรงไปตรงมา ทหารไม่ให้ยุ่งกับการเมือง
มันจะจบด้วยตัวมันเอง เพราะในที่สุดประชาชนจะเป็นคนคิดได้
ตัดสินใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร
แต่ถ้าหากไม่ตรงไปตรงมา แล้วทหารมายุ่งกับการเมือง
ปีนี้จะเป็นปีที่รุนแรง
ถ้าทหารไม่เข้ามายุ่งด้วยผมว่าอุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้นไม่ได้
เพราะการเดินขบวน การแสดงความไม่พอใจต่างๆ เป็นสิ่งที่
เกิดขึ้นตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่ทุกครั้งที่มีปัญหา
เพราะว่ามีคนไปผลักดันทหารเข้าไปอยู่ด้วย ก็เลยเกิดความรุนแรง
“เชื่อว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า การเข่นฆ่าประชาชน
คนไทยด้วยกันเองเป็นสิ่งที่น่าละอาย เป็นสิ่งที่เลวร้าย
เป็นสิ่งที่ชาวโลกสนใจ และศาลโลกก็สนใจ ฉะนั้นไม่เป็น
ประโยชน์กับประเทศไทย ผมคิดว่ายังไม่มีอะไร บางคนว่า
เดือน เม.ย.ปีนี้น่ากลัวมาก ดาวมฤตยูเล็งดวงเมือง
ลัคนาเมืองต้องดาวอังคารอยู่ด้วย ผมก็ยังไม่เชื่อ ถ้าดูจาก
พัฒนาการทางการเมือง น่าจะเป็นปีที่การเมืองตกผลึก”
การต่อสู้กันก็ยังมีแน่นอน เพราะว่าฝ่ายหนึ่งถูกดำเนินคดี
อีกฝ่ายก็ถูกจองจำอยู่ จึงเป็นเรื่องที่แสวงหาความถูกต้อง
ฉะนั้นปีนี้ถ้าต้องการความรุนแรง ก็จะถูกกำหนดโดยฝ่ายที่
ควบคุมความยุติธรรมทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม แล้วใช้
ทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อันนี้รุนแรงแน่ แต่ถ้าฝ่ายที่คุมความ
ยุติธรรมให้รักษาความยุติธรรมและเป็นกลางไว้
และฝ่ายทหารไม่มายุ่งกับการเมือง
ผมเชื่อว่าการเมืองจะตกผลึกและจบในปีนี้
ขณะที่ข้อหาใหญ่เรื่องความไม่จงรักภักดี เป็นการกล่าวหาทาง
การเมือง เป็นการหาเรื่อง คนที่กล่าวหาผมเชื่อว่าไม่ได้รักในหลวง
มากกว่าผม เพราะผมเป็นผู้ที่ได้รับพระเมตตา ถือเป็นหนี้บุญคุณ
ต่อเจ้านายทุกพระองค์มาก ได้รับพระราชทานพระเมตตามา
หลายครั้งในชีวิต เป็นไปไม่ได้เลย สันดานผมเป็นคนมีความกตัญญู
แม้กระทั่งคนทั่วไปชาวบ้านเคยทำอะไรให้ยังนึกถึงบุญคุณเขา
นี่พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระ เมตตากับผม แล้วผมจะไม่กตัญญูได้อย่างไร
ถึงอย่างไรก็เชื่อว่าสิ่งที่เป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดของคนไทย คือ
รัฐบาลจะแบ่งสรรอำนาจของประเทศโดยประชาชนมาตัดสินให้หน่อย
ว่าจะเอาอย่างไร จะเอาอย่างแช่แข็งประเทศหรือจะเอาความก้าวหน้า
ของประเทศ คนที่ชักใยทั้งหลายจะต้องเลิกชักใย ให้กลไกทุกอย่าง
ทำงานด้วยตัวเอง ทุกอย่างก็จบ
ผมเป็นคนใจกว้าง พร้อมที่จะคุยกับทุกฝ่าย ไม่ค่อยถือโทษโกรธ
แค้นกับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเป็นคนไทยด้วยกัน ผมถือว่า
เป็นเวรเป็นกรรมของใครก็รับไป คนเคยทำงานด้วยกันรู้จักกัน
จะมาคุยก็ไม่เป็นไร ไม่ขัดอยู่แล้ว
อยากบอกคนไทยว่าการเมืองยังมองในแง่ดีว่า น่าจะเป็นปีแห่ง
การตกผลึก ไม่น่าจะเกิดนองเลือด ไม่น่าจะเกิดความรุนแรง
เพียงแต่ขอร้องว่าคนที่ชักใยในอดีตไม่ให้มีความยุติธรรมเกิดขึ้น
ต้องหยุดคนที่ผลักไสไล่ส่งให้ทหารเข้ามายุ่งการเมืองก็ต้องหยุด
เพราะรัฐบาลกำลังส่งเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ โครงการต่างๆจะเริ่ม
ดำเนินการเยอะมากในปีนี้ การลงทุนภาครัฐ การลงทุนต่างประเทศดี
การท่องเที่ยวดี รัฐบาลเน้นเศรษฐกิจรากหญ้า เพื่อให้ขึ้นถึงข้างบน
ปัญหาสังคมจะลดไปเยอะ เพราะวันนี้คนรู้ความจริงและเข้าใจอะไรมากขึ้น
เสื้อแดงและเสื้อเหลืองก็จะเริ่มยุติลงแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/318317
"บูชาแม้ว" ค่ะ ชอบจริงๆ เลิกคิดกลับเมืองไทย ...อยู่ที่ไหน
ก็ทำประโยชน์ได้ "รวยซะอย่าง" ไม่ต้องอิจฉา...นะ
ชอบทุกคคห. ....
เออ...ใครจะมาแดกดัน ถากถางเชิญเลย .....