ระหว่างที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประเทศสโลวาเกีย ผมก็ได้ทุนมานำเสนอผลงานที่ปารีส ผมก็ชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ อ. ฟัง ผมสรุปไปว่าบินตรงไปลงปารีสก็ 30 EUR (ประมาณ 1,200 บาท ณ ตอนนั้น) อ. ที่ปรึกษาก็แนะนำว่า "ลองศึกษาการเดินทางโดยนั่งรถโค้ชไปดีกว่าเพื่อจะได้เห็นสภาพบ้านเมืองของหลายๆ ประเทศ งบค่าเดินทางอาจจะมากกว่าเดินทางด้วยเครื่องหลายเท่าแต่มันก็ได้อะไรเยอะกว่า ถ้างบไม่พอคุณก็ควักตังตัวเองไป" (ฮ่า+++)
สรุปวันเดินทาง 18 ส.ค. ผมก็เดินทางนั่งรถจากกรุงบราติสลาวา (สโลวาเกีย) ไปลงที่กรุงปราก จากนั้นต่อรถเข้าเยอรมัน ผ่านชายแดนเข้าเนเธอร์เลนด์ แล้วแวะบรัสเซล (เบลเยียม) แล้วค่อยเข้าปารีสอีกทีหนึ่ง รวมเวลาเดินทาง 4 วัน 3 คืน จึงถึงกรุงปารีส (แวะพัก 8 เมือง ใน 4 ประเทศ มีค้างคืนบ้าง ออกนอกเส้นทางบ้าง หลงบ้างไรบ้าง เป็นการเดินทางอ้อมโลกเลย) งบค่าเดินทางบานปลายไปเป็น 150 (ประมาณ 6,000 บาท) แต่ไม่ต้องคิดไรมากได้เดินทางไปหลายประเทศ ลาอาจารเลยเต็มที่ 12 วัน เที่ยวไปในตัว ถึงแม้จะเคยไปเที่ยวมาก่อนแล้วก็ยังอยากไปอีก นี่เป็นการเดินทางไกลที่นานที่สุดในชีวิตการเดินทางของผมเลยทีเดียว และเป็นการเดินทางที่มากกว่าการเดินทางเพื่อไปถึงจุดหมาย แต่เป็นการเดินทางเพื่อเรียนรู้นอกตำรา นอกห้องเรียน ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ได้เห็นได้สัมผัสถึงความแตกต่างด้านวัฒธรรมของแต่ละประเทศที่ผ่านไป เป็นการเดินทางไปนำเสนองานวิจัยที่ได้มากกว่าความรู้ด้านวิชาการจิงๆ
....................................................................................................
มาถึงกรุงปารีสตอน 11:30 น. วุ่นวายมากเลยคับตอนนั้น เพราะรถ Euro line ที่นั่งไป ไปปล่อยที่สถานี Gallieni ไปถามคนขายตั๋วรถไฟฟ้าเค้าบอกไม่ขายตั๋วแบบ weekly ticket คนต่อแถวก็ยาวเหยียด คนขายก็ถามแต่จะเอาแบบไหน เราก็อยากทราบรายละเอียดตํ่วแต่ละประเภทก่อน แต่แกรงใจคนต่อแถวข้างหลังแต่ละคนเร่งรีบกันมาก ผมเองก็มาแบบมึนๆ ยังงงๆ อยู่ว่าจะไป Gare de Nord ต้องลง station ไหน ต้องใช้ตั๋วแบบไหน เลยเดินออกมาแล้วไปดูแผนผังรถไฟ แต่ดูไม่รู้เรื่องคับ เพราะระบบรถเค้าใหญ่มากโยงระโหงระแหงกันไปหมด แล้วผมก็ไปต่อแถวใหม่ แล้วบอกคนขายเอาที่ถูกสุดละกันคับ ก็ได้ตั๋วแบบ 1 trip มาราคา 1.7 Euro ผมไม่แน่ใจว่า 1 trip ของแต่ละประเทศนี่จะเหมือนกันมั้ย ไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนขบวนรถแล้วต้องซื้อตั๋วใหม่มั้ย ก็เลยไปลงที่สถานี Republica แล้วเดินไปยังสถานี Gare de Nord ก็เดินหลงไปมาเหล่ะคับ โชดดีไปเจอร้าน McDonald เลยเข้าไปตั้ง GPS ใน iPhone สุดท้ายก็ไปถึง ก็สนุกดีครับ อากาศกำลังดีไม่ร้อน ไม่หนาวมาก
สุดท้ายก็มาถึงคับ สถานนี Gare de Nord แปลเป็นไทยก็สถานีรถไฟด้านเหนือ เห็นแล้วประทับใจคับสถานีรถไฟเค้ายิ่งใหญ๋ตระการตามาก
เมื่อมาถึงก็ไปถามหาตั๋วแบบ weekly ticket เค้าก็ขายคับ เลยจัดไป 1 ใบราคา 24.5 Euro เป็นแบบ unlimited ใช้ได้ 1 สัปดาห์ (จ. - อา.) ซึ่งสามารถใช้ได้กับรถไฟฟ้าใต้ดิน รถเมล์ และ RER ทุกขบวนในกรุงปารีส ถ้าเริ่มใช้วัน พฤ. หรือ ปลายๆ สัปดาห์ก็ขาดทุน เพราะใช้ได้ไม่ถึง 7 วัน แนะนำให้ซื้อตั๋วประเภศอื่นคับ
อีกมุมหนึ่งของ Gare de Nord
เดินหาโรงแรม ยังหาไม่เจอรู้แต่ว่าอยู่แถวๆ สถานี Gare de Nord เจอมุมนี้สวยดีถ่ายเก็บไว้ก่อน
เสียเวลาเดินหาโรงแรมอยู่ 1 ชม. กว่าๆ พอไปถึงโรงแรมพนักงานต้อนรับบอกว่า "ยังไม่ถึงบ่าย 2 ยังไม่ให้เช็คอิน" ก็ไม่รู้จะไปไหน เลย drop สัมภาระทิ้งไว้ ออกไปเดินเล่นแล้วเห็นอาคารนี้สวยมาแต่ไกลเลยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ คิดในใจคงเป็นสถานที่เที่ยวมั้ง แต่ปรากฏว่าเป็น...

.เป็นโรงพยาบาล...
...แม่เจ้าโรงบาลยังกะพระราชวัง ก็เลยเดินเข้าไปนั่งพักถ่ายรูปเล่นในโรงบาล
เดินเข้าไปดูด้านในกันครับ
เข้ามาด้านในสวยมากครับ ชอบๆ คิดในใจ "โรงบาลน่าอยู่ขนาดนี้คนไข้จะอยากกลับบ้านเหรอนี้"
.................................................................................................
วันที่ 2 ในกรุงปารีส ซึ่งเป็นวันแรกของงานวิชาการ ออกจากงานเร็วเลยรีบตรงไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นั้นชื่อทางการว่า the Grand Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะตั้งอยู่ในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์กาเปเซียง ตัวอาคารเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมาก เช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks (ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี) หรือภาพ Venus de Milo (ของอเล็กซานดรอสแห่งแอนทีออก) ลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลกและยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส
ผมซื้อตั๋วเข้าชมลูฟวร์ที่สถานี Gare de Nord เลย ราคา 10 EUR ก็จะไม่ต้องเข้าคิวยาวเหยียด ตรงไปยังทางเข้า VIP ได้เลย (ฮ่าๆ เรียกซะหรูเลย) ซึ่งการจองตั๋วแบบนี้ดีมากไม่ต้องเสียเวลาต่อแถว (แถวยาวววววววววววววววววววววววววววววว มากกกกกกกก ครับ)
ข้างในอลังการมาก
ด้วยความที่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่มากๆๆ ต้องใช้เวลาเดินกันเป็นวันๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเดินกันไม่ทั่วหรอกครับ จะปวดขากันซะก่อน ผมก็คนหนึงเดินชมได้ไม่ถึงครึ่ง
เดินไปเดินมาหลงแล้วครับ ไม่รู้ตรงไหนเป็นตรงไหนแล้ว แล้วก็มาเจอนี้รูปปั้นนี้คับ The Winged Victory of Samothrace เป็นชิ้นงานหนึ่งที่โด่งดังมาก
รูปในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ไม่ได้เรียงลำดับตามเส้นทางเดินน่ะครับเพราะผมเดินหลงไปหลงมา
บอกตรงๆ แบบภูมิใจเลยครับ เดินใน พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เหนื่อยมาก ง่วงด้วย เลยมานั่งงีบอยู่ตรงนี้แปบนึงครับ วิวสวยด้วย คนไม่ค่อยพรุกพล่านเท่าไหร่
เสร็จแล้วก็เดินต่อไปครับ อันนี้วิวด้านนอกสวยดี เสียดายกระจกสกปรกไปนิดนึง ถ่ายออกมามีคราบติดมาด้วย
ในที่สุดก็หารูปนี้เจอคับ ภาพเขียนโมนาลิซา อันโด่งดังไปทั่วโลก ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี
ทุกคนที่มาพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ก็คงจะต้องเดินหาภาพวาดนี้กันขาลาก ต้องเบียดเสียดฝ่าฝูงชนเพื่อให้ได้มาเห็น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะปล่อยให้เข้าไปดูใกล้ๆ และถ่ายรูปคราวละประมาณ 8 คน แปบๆ ก็ไล่ออก ให้คนข้างหลังเขยิบเข้ามา
แล้วก็เดินลงมาชั้นล่างสุด จะเจอแบบจำลองพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ตอนยังเป็นพระราชวังหลวง ปัจจุบันมีบางส่วนถูกดัดแปลงไป
เหนื่อยมากเลยตัดใจเดินออกมาเพื่อจะไปนั่งรถชมวิวเล่น หายเหนื่อยค่อยกลับเข้ามาใหม่ ออกมาก็เห็นนี่คับ
หันหลังกลับไป 180 องศาก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มุมนี้
ผมชอบมุมนี้มากครับ ผ่อนคลายดี
ขอพักไปทำธุรข้างนอกก่อนน่ะครับ กลับมาจะลง review ต่อ รับรองว่า สวยขึ้นครับ
อย่าลืมเข้ามาอัพเดตน่ะครับ
[CR] Paris เธอสวยจัง ฉันรักเธอหมดหัวใจ (ตอน I: First time in Paris )
สรุปวันเดินทาง 18 ส.ค. ผมก็เดินทางนั่งรถจากกรุงบราติสลาวา (สโลวาเกีย) ไปลงที่กรุงปราก จากนั้นต่อรถเข้าเยอรมัน ผ่านชายแดนเข้าเนเธอร์เลนด์ แล้วแวะบรัสเซล (เบลเยียม) แล้วค่อยเข้าปารีสอีกทีหนึ่ง รวมเวลาเดินทาง 4 วัน 3 คืน จึงถึงกรุงปารีส (แวะพัก 8 เมือง ใน 4 ประเทศ มีค้างคืนบ้าง ออกนอกเส้นทางบ้าง หลงบ้างไรบ้าง เป็นการเดินทางอ้อมโลกเลย) งบค่าเดินทางบานปลายไปเป็น 150 (ประมาณ 6,000 บาท) แต่ไม่ต้องคิดไรมากได้เดินทางไปหลายประเทศ ลาอาจารเลยเต็มที่ 12 วัน เที่ยวไปในตัว ถึงแม้จะเคยไปเที่ยวมาก่อนแล้วก็ยังอยากไปอีก นี่เป็นการเดินทางไกลที่นานที่สุดในชีวิตการเดินทางของผมเลยทีเดียว และเป็นการเดินทางที่มากกว่าการเดินทางเพื่อไปถึงจุดหมาย แต่เป็นการเดินทางเพื่อเรียนรู้นอกตำรา นอกห้องเรียน ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ได้เห็นได้สัมผัสถึงความแตกต่างด้านวัฒธรรมของแต่ละประเทศที่ผ่านไป เป็นการเดินทางไปนำเสนองานวิจัยที่ได้มากกว่าความรู้ด้านวิชาการจิงๆ
....................................................................................................
มาถึงกรุงปารีสตอน 11:30 น. วุ่นวายมากเลยคับตอนนั้น เพราะรถ Euro line ที่นั่งไป ไปปล่อยที่สถานี Gallieni ไปถามคนขายตั๋วรถไฟฟ้าเค้าบอกไม่ขายตั๋วแบบ weekly ticket คนต่อแถวก็ยาวเหยียด คนขายก็ถามแต่จะเอาแบบไหน เราก็อยากทราบรายละเอียดตํ่วแต่ละประเภทก่อน แต่แกรงใจคนต่อแถวข้างหลังแต่ละคนเร่งรีบกันมาก ผมเองก็มาแบบมึนๆ ยังงงๆ อยู่ว่าจะไป Gare de Nord ต้องลง station ไหน ต้องใช้ตั๋วแบบไหน เลยเดินออกมาแล้วไปดูแผนผังรถไฟ แต่ดูไม่รู้เรื่องคับ เพราะระบบรถเค้าใหญ่มากโยงระโหงระแหงกันไปหมด แล้วผมก็ไปต่อแถวใหม่ แล้วบอกคนขายเอาที่ถูกสุดละกันคับ ก็ได้ตั๋วแบบ 1 trip มาราคา 1.7 Euro ผมไม่แน่ใจว่า 1 trip ของแต่ละประเทศนี่จะเหมือนกันมั้ย ไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนขบวนรถแล้วต้องซื้อตั๋วใหม่มั้ย ก็เลยไปลงที่สถานี Republica แล้วเดินไปยังสถานี Gare de Nord ก็เดินหลงไปมาเหล่ะคับ โชดดีไปเจอร้าน McDonald เลยเข้าไปตั้ง GPS ใน iPhone สุดท้ายก็ไปถึง ก็สนุกดีครับ อากาศกำลังดีไม่ร้อน ไม่หนาวมาก
สุดท้ายก็มาถึงคับ สถานนี Gare de Nord แปลเป็นไทยก็สถานีรถไฟด้านเหนือ เห็นแล้วประทับใจคับสถานีรถไฟเค้ายิ่งใหญ๋ตระการตามาก
เมื่อมาถึงก็ไปถามหาตั๋วแบบ weekly ticket เค้าก็ขายคับ เลยจัดไป 1 ใบราคา 24.5 Euro เป็นแบบ unlimited ใช้ได้ 1 สัปดาห์ (จ. - อา.) ซึ่งสามารถใช้ได้กับรถไฟฟ้าใต้ดิน รถเมล์ และ RER ทุกขบวนในกรุงปารีส ถ้าเริ่มใช้วัน พฤ. หรือ ปลายๆ สัปดาห์ก็ขาดทุน เพราะใช้ได้ไม่ถึง 7 วัน แนะนำให้ซื้อตั๋วประเภศอื่นคับ
อีกมุมหนึ่งของ Gare de Nord
เดินหาโรงแรม ยังหาไม่เจอรู้แต่ว่าอยู่แถวๆ สถานี Gare de Nord เจอมุมนี้สวยดีถ่ายเก็บไว้ก่อน
เสียเวลาเดินหาโรงแรมอยู่ 1 ชม. กว่าๆ พอไปถึงโรงแรมพนักงานต้อนรับบอกว่า "ยังไม่ถึงบ่าย 2 ยังไม่ให้เช็คอิน" ก็ไม่รู้จะไปไหน เลย drop สัมภาระทิ้งไว้ ออกไปเดินเล่นแล้วเห็นอาคารนี้สวยมาแต่ไกลเลยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ คิดในใจคงเป็นสถานที่เที่ยวมั้ง แต่ปรากฏว่าเป็น...
.เป็นโรงพยาบาล...
...แม่เจ้าโรงบาลยังกะพระราชวัง ก็เลยเดินเข้าไปนั่งพักถ่ายรูปเล่นในโรงบาล
เดินเข้าไปดูด้านในกันครับ
เข้ามาด้านในสวยมากครับ ชอบๆ คิดในใจ "โรงบาลน่าอยู่ขนาดนี้คนไข้จะอยากกลับบ้านเหรอนี้"
.................................................................................................
วันที่ 2 ในกรุงปารีส ซึ่งเป็นวันแรกของงานวิชาการ ออกจากงานเร็วเลยรีบตรงไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นั้นชื่อทางการว่า the Grand Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะตั้งอยู่ในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์กาเปเซียง ตัวอาคารเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมาก เช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks (ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี) หรือภาพ Venus de Milo (ของอเล็กซานดรอสแห่งแอนทีออก) ลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลกและยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส
ผมซื้อตั๋วเข้าชมลูฟวร์ที่สถานี Gare de Nord เลย ราคา 10 EUR ก็จะไม่ต้องเข้าคิวยาวเหยียด ตรงไปยังทางเข้า VIP ได้เลย (ฮ่าๆ เรียกซะหรูเลย) ซึ่งการจองตั๋วแบบนี้ดีมากไม่ต้องเสียเวลาต่อแถว (แถวยาวววววววววววววววววววววววววววววว มากกกกกกกก ครับ)
ข้างในอลังการมาก
ด้วยความที่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่มากๆๆ ต้องใช้เวลาเดินกันเป็นวันๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเดินกันไม่ทั่วหรอกครับ จะปวดขากันซะก่อน ผมก็คนหนึงเดินชมได้ไม่ถึงครึ่ง
เดินไปเดินมาหลงแล้วครับ ไม่รู้ตรงไหนเป็นตรงไหนแล้ว แล้วก็มาเจอนี้รูปปั้นนี้คับ The Winged Victory of Samothrace เป็นชิ้นงานหนึ่งที่โด่งดังมาก
รูปในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ไม่ได้เรียงลำดับตามเส้นทางเดินน่ะครับเพราะผมเดินหลงไปหลงมา
บอกตรงๆ แบบภูมิใจเลยครับ เดินใน พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เหนื่อยมาก ง่วงด้วย เลยมานั่งงีบอยู่ตรงนี้แปบนึงครับ วิวสวยด้วย คนไม่ค่อยพรุกพล่านเท่าไหร่
เสร็จแล้วก็เดินต่อไปครับ อันนี้วิวด้านนอกสวยดี เสียดายกระจกสกปรกไปนิดนึง ถ่ายออกมามีคราบติดมาด้วย
ในที่สุดก็หารูปนี้เจอคับ ภาพเขียนโมนาลิซา อันโด่งดังไปทั่วโลก ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี
ทุกคนที่มาพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ก็คงจะต้องเดินหาภาพวาดนี้กันขาลาก ต้องเบียดเสียดฝ่าฝูงชนเพื่อให้ได้มาเห็น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะปล่อยให้เข้าไปดูใกล้ๆ และถ่ายรูปคราวละประมาณ 8 คน แปบๆ ก็ไล่ออก ให้คนข้างหลังเขยิบเข้ามา
แล้วก็เดินลงมาชั้นล่างสุด จะเจอแบบจำลองพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ตอนยังเป็นพระราชวังหลวง ปัจจุบันมีบางส่วนถูกดัดแปลงไป
เหนื่อยมากเลยตัดใจเดินออกมาเพื่อจะไปนั่งรถชมวิวเล่น หายเหนื่อยค่อยกลับเข้ามาใหม่ ออกมาก็เห็นนี่คับ
หันหลังกลับไป 180 องศาก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มุมนี้
ผมชอบมุมนี้มากครับ ผ่อนคลายดี
ขอพักไปทำธุรข้างนอกก่อนน่ะครับ กลับมาจะลง review ต่อ รับรองว่า สวยขึ้นครับ
อย่าลืมเข้ามาอัพเดตน่ะครับ