สถิติเด็กแว้นปี55จับ6.2หมื่นรายถนนฮิต'วิภาวดี-บางนาตราด'

กระทู้ข่าว
เปิดสถิติจับกุมแว้นซิ่งป่วนเมือง ปี 2555 "ผบก.จร." เผยเฉพาะพื้นที่นครบาล 1 ถึง 9 ตั้งแต่เดือน มกราคม-พฤศจิกายน กว่า 62,849 ราย ขณะที่ชุดปฏิบัติการ "เหยี่ยวถนน" จับก่อนแข่ง 73,627 ราย แบ่ง 4 กลุ่มแว้นรอบเมือง ระบุถนนท้าประลองสุดฮิต "วิภาวดีรังสิต, บางนา-ตราด ,วงแหวนกาญจนาภิเษก, พระราม2,บรมราชชนนี" ด้าน "ผอ.สถาบันราชานุกูล" แนะทุกภาคส่วนร่วมมือแก้ปัญหา
          ในช่วงปี 2555 ที่ผ่านมาปัญหารถแข่งบนถนนสาธารณะ หรือ "เด็กแว้น" ได้ถูกนำเสนอเป็นประเด็นข่าวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบาย จับกุมและสกัดกั้นการรวมตัวก่อนการแข่งขัน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ต้องยอมรับว่าแม้จะมีมาตรการควบคุมสกัดกั้นมากเพียงใด ก็ยังคงไม่สามารถหยุดยั้งพฤติกรรมดังกล่าวให้ลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบางครั้งลุกลามจากการแข่งรถไปสู่การทะเลาะวิวาทถึงขั้นยิงกันจนเสียชีวิตจึงเป็นเรื่องท้าทายและวัดประสิทธิภาพผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ในการแก้ปัญหาเด็กแว้นซิ่งป่วนเมืองอย่างเป็นรูปธรรม
          โดยผลการจับกุมตามมาตรการแข่งรถในทางสาธารณะ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ถึง 9 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2555 ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง พ.ย. สามารถจับกุมเด็กแว้นได้กว่า 62,849 ราย ยึดรถของกลาง 5,012 คัน จับกุมดำเนินคดี 8,772 คดี แบ่งเป็นปรับที่ สน. 6,839 ราย และส่งฟ้องศาล 1,933 ราย โดย 5 อันดับเดือนที่มีการจับกุมมากที่สุดตามลำดับ คือ 1.เดือน มิ.ย.จับกุมได้มากถึง 8,600 ราย 2.เดือน พ.ค. 7,790 ราย 3.เดือน ส.ค. 7,329 ราย 4.เดือน ก.ค.6,335 ราย และ 5.เดือน ต.ค. 6,019 ราย
          ขณะที่ผลการปฏิบัติงานภายหลังจากกองบัญชาการตำรวจจราจร(บก.จร) ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อกวดขัดและจับกุมเด็กแว้น ภายใต้โครงการ "เหยี่ยวถนน" โดยการดูแลของคณะทำงานศูนย์ข้อมูลปราบปรามรถแข่ง ตามมาตรการจับก่อนแข่ง ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา พบสถิติการจับกุมทั้งสิ้นกว่า 73,627 ราย แบ่งเป็น เดือน มิ.ย. 8,223 ราย เดือน ก.ค. 22,920 ราย เดือนส.ค. 17,423 ราย เดือนก.ย. 6,325 ราย เดือนต.ค. 8,119 ราย และ เดือน พ.ย. 10,617 ราย
          พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.) เปิดเผยว่า การรวมตัวกันของกลุ่มเด็กแว๊น เพื่อแข่งขันรถจักรยานยนต์บนเส้นทางสาธารณะ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มปทุมธานี เป็นการรวมตัวของผู้ที่อาศัยอยู่ระหว่างรอยต่อกรุงเทพมหานคร กับ จ.ปทุมธานี โดยใช้เส้นทางแข่งรถในถนนวิภาวดีรังสิต เริ่มตั้งแต่บริเวณอนุสรณ์สถาน เซียร์รังสิต เรื่อยไปจนถึงฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต
          กลุ่มบางนา-ตราด  กรุงเทพมหานครด้านตะวันออก ใกล้กับ จ.สมุทรปราการ ใช้ถนนบางนา-ตราด และถนนเทพารักษ์ เป็นสถานที่นัดรวมตัวและแข่งรถ กลุ่มพระราม2 รอยต่อระหว่างกรุงเทพหมานคร กับ จ.สมุทรสาคร ใช้ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกและถนนพระรามที่ 2 เป็นสถานที่นัดรวมตัวและแข่งรถ และ กลุ่มนครปฐม รอยต่อระหว่างกรุงเทพมหานครกับ จ.นครปฐม ใช้เส้นทางถนนบรมราชชนนีช่วงนครชัยศรี เป็นสถานที่นัดรวมตัวและแข่งรถ
          ชี้นิยมแข่งถนนรอยต่อกทม.-ปริมณฑล
          พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ส่วนถนนเด็กแว้นถนนวงในนั้น ปัจจุบันการแข่งรถจักรยานยนต์ในทางสาธารณะค่อนข้างลดน้อยลง แต่ยังคงมีอยู่บ้างในบางพื้นที่ เช่น บริเวณโรงกลั่น ตึกชัย พญาไท และดินแดง ซึ่งหากเปรียบเทียบรอยต่อระหว่างกรุงเทพมหานครกับเขตปริมณฑล ถือว่าถนนวงในมีจำนวนน้อยกว่ามาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากพื้นที่ที่ใช้เป็นสนามแข่งรถ จะอยู่ระหว่างรอยต่อของแต่ละพื้นที่ ซึ่งเด็กแว้นแต่ละกลุ่มจะนัดแข่งขันกับกลุ่มที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน เช่น กลุ่มปทุมธานีจะนัดแข่งกับกลุ่มวงในดินแดง ขณะที่กลุ่มพระราม2 จะนัดแข่งกับกลุ่มวงในสะพานลอยฟ้าราชพฤกษ์ ส่วนกลุ่มเด็กกาญจนาภิเษกจะนัดแข่งกับกลุ่มวงในเชิงสะพานพระราม9 เป็นต้น  "อย่างไรก็ตามสถิติการจับกุมในแต่ละเดือนจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังจับกุมมากน้อยเพียงใด ตัวอย่างในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา มีการระดมกำลังกวาดล้างเด็กแว้นตามมาตรการจับก่อนแข่ง ซึ่งสามารถจับกุมได้จำนวนมาก ดังนั้นในเดือน พ.ย. จำนวนเรื่องร้องเรียนและการจับกุมจึงน้อยลง แต่การจับกุมที่น้อยลงก็ไม่ได้เป็นข้อบงชี้ว่าการแข่งรถในทางสาธารณะจะลดน้อยลงหรือหมดไป เพราะพอผ่านไปสักระยะหนึ่งก็จะมีการนัดรวมตัวกัน และแข่งรถซิ่งบนท้องถนนเหมือนเดิม การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องคอยเฝ้าระวังและกวดขัดอย่างต่อเนื่อง"  พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
          "นครบาล" ผุด 3 มาตรการแก้ปัญหา
          พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อไปว่า เพื่อแก้ปัญหาเด็กแว้นอย่างมีประสิทธิภาพ กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงได้ออกมาตรการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถจักรยานยนต์ในทางสาธารณะ แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงก่อนการแข่งขัน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหัวหน้ากลุ่ม และร้านค้าที่รับดัดแปลงรถและเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันซึ่งถือเป็นท่อน้ำเลี้ยงรายใหญ่ เพราะนอกจากจะสนับสนุนเงินแล้ว ในบางรายยังเป็นธุระนัดหมายการแข่งรถด้วย นอกจากนี้เด็กแว้นบางกลุ่มยังมีผู้มีอิทธิพลในท้องที่นั้นๆ สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งต้องอาศัยการสืบสวนและข้อมูลเชิงลึกในการจับกุม
          ส่วนช่วงขณะแข่งขัน จะอาศัยการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้เคียง สนธิกำลังปิดล้อมพื้นที่รอยต่อเพื่อสกัดจับ และ ช่วงหลังการแข่งขัน จะมีการจัดทำประวัติเด็กแว้นทุกคน และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินคดี พร้อมกับขยายผลจับกุมผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังต่อไป ทั้งนี้บุคคลที่จะถูกดำเนินคดีนอกจากตัว ผู้กระทำผิดและผู้สนับสนุนแล้ว ยังรวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองอีกด้วย
          "ภายหลังการจับกุมจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งหากเป็นการรวมตัวกันและถูกจับก่อนแข่ง ส่วนใหญ่จะถูกจับปรับที่ สน.และทำระเบียนประวัติ แต่หากเป็นการปิดล้อมจับกุมในขณะที่มีการแข่งขัน ผู้กระทำความผิดจะถูกส่งฟ้องศาล ตามความผิด พรบ.จราจรทางบก ปี 2522 ม.134 ห้ามแข่งรถในทางสาธารณะเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ม.160 หากผู้ใดฝ่าฝืน ม.134 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกสั่งพักใบขับขี่ 1 เดือน หรืออาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
          สำหรับโทษจำคุกผู้กระทำความผิด ซึ่งส่วนใหญ่จะอายุไม่เกิน 18 ปีนั้น ผบก.จร. กล่าวว่า เนื่องจากอายุของเด็กแว้นจะอยู่ในช่วง 14 , 18 และ 20 ปี โทษจำคุกจึงต้องส่งตัวไปคุมขังยังสถานพินิจ บ้านเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา กระจายไปตามพื้นที่อยู่อาศัยของ ผู้ถูกจับกุม อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีการตัดสินโทษจำคุกนั้น จะต้องผ่านการสอบสวนตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว ปี 2553 และ ป.วิ.อาญา ที่จะมีการดำเนินการจับกุมส่งไปยังศาล ภายใน 24 ชม. ซึ่งหากถูกตัดสินโทษจำคุก ทางตำรวจจะประสานนักจิตวิทยาเข้าไปให้คำปรึกษาและบำบัดพฤติกรรมร่วมด้วย เนื่องจากการลงโทษเพียงอย่างเดียวไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ จึงต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนจากหลายภาคส่วนช่วย
          ชี้เด็กมีปัญหาครอบครัวกลุ่มเสี่ยง สอดคล้องกับความเห็นของจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กล่าวว่า การแก้ไขพฤติกรรมของกลุ่มเด็กแว้นซิ่งป่วนเมือง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเด็กและวัยรุ่น ส่วนใหญ่มักเกิดจากปัจจัยต่างๆ เข้ามาสนับสนุนจนก่อให้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ภาพรวมทั้งประเทศ และจากการทำงานเกี่ยวเนื่องกับเด็กแว้น พบว่าปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เด็กออกมาแข่งรถตามท้องถนน จะเป็นกลุ่มเด็กที่มีปัญหาทางครอบครัวและสังคม การออกมาแข่งรถจึงคล้ายเป็นการระบายความเครียด ซึ่งเด็กจะรู้สึกว่าตนเองเป็นอิสระ และตนเองสามารถควบคุมทุกอย่างได้ ซึ่งในชีวิตจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น
          แพทย์หญิงพรรณพิมล กล่าวต่อว่า จากการให้คำปรึกษาและร่วมบำบัดพฤติกรรมในกลุ่มเด็กแว้น สามารถแบ่งแยกระดับพฤติกรรมความรุนแรง ออกเป็น 3 ระดับ คือ 1.กลุ่มเด็กที่คึกคะนองตามเพื่อนๆ เด็กกลุ่มนี้จะสนุกสนานเฮฮาตามกลุ่มเพื่อนฝูง แต่เมื่อใดที่มีการกระทำผิดกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง จะสามารถยับยั้งชั่งใจและแยกตัวออกมาจากกลุ่มได้ 2.กลุ่มเด็กที่เป็นสมาชิกกลุ่มแข่งรถ โดยส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมเสพติดความตื่นเต้นเร้าใจ เด็กกลุ่มนี้จึงมีความกล้าหาญแข่งรถบนท้องถนนสาธารณะ และแม้จะรู้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายก็ตาม แต่ไม่สามารถยับยั้งจิตใจตัวเองได้ และ 3.กลุ่มเด็กแกนนำ เด็กกลุ่มนี้จะมีความกล้าหาญเป็นอย่างมากในการทำผิดกฎหมาย ทั้งยังกล้าต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหลีกหนีการจับกุม และถือเป็นกลุ่มเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงมากที่สุด

          เด็กแว้นบางกลุ่มมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง--จบ--

          ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่