เหนือเมฆ 2ละครสัญลักษณ์ที่ต้องตีความ ขอแสดงความคิดเห็นอีกนิดครับ

จากกระแสละครโทรทัศน์เรื่องเหนือเมฆ 2 ซึ่งมีกระแสข่าวว่าถูกช่อง น้อยสี แบนไปเพราะว่ามีเนื้อหาพาดพิงทางการเมืองหรือในคำอธิบายว่ามีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมนั้น เราคงต้องมาทบทวนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ในทางปฏิบัติ ละครทุกเรื่องบททุกตอน  เนื้อหาที่ออกอากาศทุกฉากจะมีหน่วยงานตรวจสอบของช่องก่อนแล้วว่าละครเรื่องนั้นๆมีเนื้อหาอย่างไร  ผลิตได้มาตรฐานหรือไม่ในขั้นตอนการตรวจรับก่อนออกอากาศ  โดยอาจมี2 กรณี คือทำไปออกอากาศไปแบบช่อง สีรุ้งแต่หากมีการตรวจสอบก็มักจะกระทำก่อนออกอากาศ แม้กระทั่งช่องน้อยสี กรณีรายการ gottalent ที่มีการเบลอหน้าอกที่ใช้แข่งวาดรูป นั่นก็แสดงให้เห็นว่าได้มีการผ่านขั้นตอนการพิจารณาแล้ว


ในกรณีละครเหนือเมฆการที่ช่องน้อยสีจะออกมาประกาศว่าเป็นการแบนของช่องเองไม่ได้มีคำสั่งใดๆจากรัฐดูจะเป็นการให้เหตุผลที่มิชอบ เนื่องด้วยช่องย่อมจะตรวจรับละครก่อนการออกอากาศตามมาตรฐานของช่องแล้วการปล่อยออกอากาศ เป็นการตัดสินแล้วว่าเนื้อหาเหมาะสมในการออกอากาศ
การเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นจึงอ้างเหตุผลไม่ได้ว่าเนื้อหาไม่เหมาะสมเว้นไว้เสียแต่ หย่อนยานการพิจารณา ตีความไม่ออกหรือจงใจปล่อยออกอากาศเพื่อสร้างกระแส ตามแนวทางการประชาสัมพันธ์สื่อของช่องนี้ที่อาศัยความแรงให้เป็นtalk of the town มาแล้วในหลายๆกรณี
แต่ในคราวนี้ถ้าจะใช้วิธีแบบนั้นต้องบอกว่าเป็นการอาศัยตีกินกระแสที่สุ่มเสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้งในสังคมอย่างสูง


ในส่วนของเนื้อหาละครผู้ผลิตคงไม่ปฏิเสธว่าตั้งใจสร้างเนื้อหาเพื่อบอกกล่าวถึง สภาวะทางสังคมการเมืองซึ่งเรื่องระบุว่าเป็นประเทศไทย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เราจะเห็นละครทีวีหลายเรื่องใช้วิธีการสร้างเมืองสมมุติขึ้นเพื่อขับเน้นเนื้อหาการแย่งชิงอำนาจ


แต่ละครเรื่องนี้เดินตามขนบแบบสากลแบบเดียวกับการชมภาพยนตร์อเมริกัน จีน ที่ใช้เหตุการณ์จริง สถานการณ์จริงมาสร้างและมีการระบุนามจริง สถานภาพจริงในเรื่อง ทั้ง 2 ประเทศที่กล่าวมา ประเทศหนึ่งเป็นโลกเสรีประชาธิปไตยอีกประเทศหนึ่งเป็น โลกคอมมิวนิสต์ แต่ทั้งสองประเทสต่างมีเสรีในการแสดงออกทางสื่อที่จะหยิบยกกรณีที่เป็นเนื้อหาทางสังคมการเมืองมาเล่าเป็นเรื่องราว  ต่างกันตรงที่ เป็นการหยิบยกเอาอดีตสอนปัจจุบันซึ่งมักเป็นแนวทางที่ใช้กัน คือเป็นการนำเรื่องที่ได้รับการพิสูจน์บันทึกเชิงประวัติ หรือเป็นคดีความที่จบลงไปแล้ว


แต่เหนือเมฆ  ที่เป็นกรณีเพราะ เอาปัจจุบัน มาสื่อผ่านสัญลักษณ์ที่ต้องตีความ ซึ่งงานในลักษณะนี้จะปรากฏตามละครเวทีและงานเขียนเชิงเสียดสี ที่ปรากฏตามหน้าสื่อต่างในรูปลักษณ์ของการทำการ์ตูนล้อเลียน การเขียนข่าวแบบใสสีตีไข่ให้ร้ายคนในแวดวงการเมืองว่าคนนั้นทำอย่างนี้คนนี้ทำอย่างนั้น น่าแปลกใจที่สื่อเสียดสีที่จริงบ้างไม่จริงบ้างเหล่านี้ กลับสามารถตีพิมพ์สื่อสาธารณะได้โดยไม่มีใครแบนใครฟ้อง แต่สื่อละครโทรทัศน์ที่เป็นเรื่องแต่งกลับถูกพิจารณา แบนและตัดจบ


สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาลไหนก็ตามของไทย ให้ความสำคัญกับการควบคุมการสื่อสารมาโดยตลอด ตั้งแต่การคลอดกรมประชาสัมพันธ์ซึ่งมีบทบาทควบคุมสื่อรัฐมาตั้งแต่สมัยหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองย้อนมาจนถึงยุคเหตุการณ์เดือนตุลาคม และ พฤษภาทมิฬ การคุมสื่อ กำหนดเนื้อหารวมถึงการผลิตสื่อของรัฐเองตามเนื้อหารัฐจัดวาง ถูกประกอบสร้างตามกระบวนการควบคุมมาโดยตลอด แม้ในปัจจุบันจะมีองค์กรเอกชนผลิตสื่อเกิดขึ้นมามากแต่ก็ยากที่จะได้รับการเปิดเสรี  จึงต้องหาวิธีนำเสนอด้วยวิธีเชิงสัญลักษณ์


ในละครเหนือเมฆ สิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นบทเรียนที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง คือการที่บทละครตั้งใจวางตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ ตั้งแต่นายกผู้นำ ใส่แว่นที่ปกครองด้วยธรรมาภิบาล โดยเฉพาะฉากที่นพพลซึ่งรับบทนี้ยืนตระหง่านอยู่โดยมีเงามืดครอบคลุมเบื้องหลัง และสินจัย อธิษฐานคุ้มครองพระบารมี   ฉากๆนี้มีคนหยิบยกเอามาพูดกันมากว่าเป็นฉากที่เป็นปัญหาและทำให้โดนแบน


แต่หากไปไล่ชมในหลายๆฉากฉากที่ใช้สัญลักษณ์สื่อในทางการละครนั้นฉากที่หยิบยกมาอันแรกแทบไม่ได้มีผลอะไรต่อการที่ต้องโดนแบน เพราะการใช้ฉากเชิงสัญลักษณ์แบบนี้ใช้กันมาตั้งแต่การนำเสนอเชิงวรรณกรรมยอเกียรติ์ อย่าง รามเกียรติ์หรืออีกหลายต่อหลายเรื่องมาแล้ว


แต่ฉากที่อาจส่งผลกระทบต่อการแปลความและต่อรัฐฉากใหญ่ๆน่าจะเป็นฉากที่มีการกล่าวอ้างถึง การพิสูจน์ปลอกกระสุนซึ่งชวนให้พาดพิงถึงคดีการทำร้ายประชาชนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งยังเป็นคดีที่มีปัญหาอยู่  และฉากที่มีการกล่าวถึงการทุจริตดาวเทียม   ฉากที่อ้างถึงนี้ถูกผูกโยงเข้ากับกรณี  ดาวเทียมเจ้าปัญหาที่ยังคงหาบทสรุปไม่ได้ต่อผลประโยชน์อันมหาศาลในประเทศไทย และเป็นฉากที่ดูจะสุ่มเสี่ยงต่อการแปลความมากที่สุด  


สิ่งที่ละครเรื่องนี้ตั้งใจและอาจไม่ได้ใช้ความระวังคือ การเลือกใช้เนื้อหาที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงในปัจจุบัน  แต่มีบทละครและตัวละครที่จงใจชี้นำไปสู่การแปลความในเบื้องท้าย ตามแบบขนบเขียนบทดั้งเดิมคือมีฝ่ายดีฝ่ายเลว  แบบขาวกับดำ


ในสภาวะที่สังคมแบ่งฝ่าย  การใช้กรอบวิธีคิดเดิมมาเติมสีสันเนื้อหาทันสมัยใช้บริบทข้อมูลจริงที่ยังทิ้งปัญหาไว้ในสังคมและยังไม่ได้แก้เอามาตีแผ่เป็นเรื่อง แบบชี้เป้าถูกผิด ตัวละคร  จึงทำให้ละครเรื่องนี้มีสิทธิที่จะไม่เป็นเพียงละครเสียดสีเชิงสัญลักษณ์ธรรมดาแต่เข้าข่ายละครแบบ propagandaในแบบที่รัฐเคยใช้  ต่างกันตรงที่ครั้งนี้ประชาชนไม่ได้เป็นฝ่ายร้ายแต่มีเนื้อหาด้านตรงข้าม โดยกำหนดให้ตัวละครฝ่ายรัฐเป็นกลุ่มที่มีสีมืดหม่นจนดำสนิท


ในการสื่อละครแบบนี้ในต่างประเทศก็มีเช่นกัน  แต่ด้วยขนบวิถีเล่าเรื่องที่เป็นมนุษย์นิยม  ท้ายที่สุดเขามักจะจบเรื่องที่การพ่ายแพ้ตามแบบสมจริงเช่น การแพ้ในการหาเสียงแข่งกัน ถูกตัดสินพิจารณาคดีว่าเป็นผู้กระทำความผิดแบบไม่เปิดเผยผลการพิจารณาให้ผู้ชมไปติดตามต่อเอาเอง   หรือกระทั่งการจบแบบถูกลอบทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิตแต่ไม่เน้นการแสดงผลแห่งการกระทำแบบทำกรรมดีได้ดีทำกรรมชั่วได้ชั่วแบบสังคมบ้านเรา  

แต่การที่ละครเหนือเมฆพาคนดูไปในยุคไฮเทคจนถึงที่สุด แต่กลับจุดประเด็นคุณไสยและพาผู้ชมดิ่งกลับมาหาขนบการเล่าเรื่องแบบเดิม คือการให้ฝ่ายร้ายถูกฟ้าดินลงโทษตายตกไปตามกันในฉากสุดท้ายซึ่งไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มีโอกาสชมเนื่องจากว่าจะเป็นภาพที่ส่อไปทางการลงโทษอย่างรุนแรงแฝงความสะใจในเคราะห์กรรมบาปหนาของตัวละครฝ่ายร้ายตามท้องเรื่อง  (มีบางข้อมูลนำเสนอว่าพ่ายแพ้จนธรณีสูบ)


ความรู้สึกที่ยังผูกโยงกับความเชื่อเก่าของคนไทยสร้างความระคายเคืองต่อผู้พิจารณาแบนละครเรื่องนี้ได้ เพราะเป็นปลายทางของเรื่องแบบชี้นำผลที่อ้างจากเหตุการณ์เสมือนจริงมากเกินไป

อย่างไรก็ตามนี่เป็นโจทย์ทางการละครทางการอ่านสื่อ แปลความ ที่น่าสนใจของคนสร้างสื่อ ที่ได้ทั้งได้ลองทำ ได้นำเสนอได้รับผลตอบสนองอย่างรุนแรงชัดเจน และได้เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ใช้ทักษะการตีความแปลความ


หากแต่เพียงว่าตราบใดที่คนไทยยังขาดทักษะการอ่านสื่อแปลความ เราก็จะได้เห็นปรากฏการณ์การจับให้มั่นคั้นให้ตาย อยู่ว่า ฉากนั้น ฉากนี้ใช่ไหม ที่ทำให้โดนแบน  ประโยคนี้ภาพนี้ใช่ไหม ซึ่งไม่ใช่วิธีการชมสื่อแบบสัญลักษณ์

เพราะสื่อสัญลักษณ์ หมายถึงทั้ง คำพูด ตัวละคร  ภาพที่นำเสนอ สีสันของเสื้อผ้า  อุปกรณ์ประกอบฉากที่นำมา  ถอดสัญลักษณ์กันให้ดีๆเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าที่เราชมตามแบบขนบชมละครโทรทัศน์แบบเดิมๆที่ว่าใครดีใครชั่ว  แต่พาเราไปไกลถึงการวิเคราะห์ เนื้อหาเชื่อมโยงกับสังคมไทยกันเลยทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่