ชาวพุทธครับ!!
เราควรทำอะไรกันได้แล้วนะครับ
คำสอนของพระพุทธเจ้ากำลังถูกบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง
อุบาสก อุบาสิกา ผู้มัวเมาในสวรรค์ ดุสิตบุรี .... ตื่นเถิดครับ!!!
ธุดงค์ธรรมชัย มากันอีกแล้ว
ทั้งพยายามเชื่อมโยงให้เข้ากับ ธุดงค์วัตร 13 ให้ได้
แต่ดูแล้วดึงมาโฆษณาได้แค่ 2 ข้อ คือ
1) ถือการฉันในอาสนะเดียวเป็นวัตร คือ ในแต่ละวันจะบริโภคอาหารเพียงครั้งเดียว เมื่อนั่งแล้วก็ฉันจนเสร็จ หลังจากนั้นก็จะไม่บริโภคอาหารอะไรอีกเลย นอกจากน้ำปานะ หรือน้ำดื่ม
2) ถือการอยู่ในเสนาสนะที่เขาจัดไว้ให้เป็นวัตร คือเมื่อเจ้าหน้าที่ให้ไปพักที่ไหน หรือจัดที่พักอย่างใดไว้ให้ ก็พักอาศัยในที่นั้นๆ โดยไม่เลือกว่าสะดวกสบาย หรือถูกใจหรือไม่
ข้อแรก ฉันครั้งเดียว อันนี้ถือว่าฝึกความอดทน ไม่เป็นผู้รื่นรมย์ในอาหาร ข้อนี้ผมเห็นด้วย
แต่ก็นะ....ขบวนยาวขาดนั้น ให้พระท่านฉันเช้าด้วยมันจะเสียเวลาของฝ่ายเตรียมงาน
เสียอิมเมจความเคร่งครัดไปอีก เลยต้องมาลงที่ข้อนี้มากกว่า
ส่วนอีกข้อ อยู่ในเสนาสนะที่เขาจัดไว้เป็นวัตร อันนี้ก็เห็นด้วยแต่ไม่ทั้งหมดครับ
เห็นด้วยในส่วนที่ลดความอยากเอาแต่ใจในเสนาสนะ แต่ที่ที่จัดให้พระธุดงค์ท่านอยู่
อย่างสนามฟุตบอล ผมว่ามันไม่ใช่นะ ปักกลด เรียงกันเป็นตับ น่าจะเหมาะแก่การถ่ายรูปทำ PR.มากว่า
แล้วมันจะสงบเหมาะแก่การบำเพ็ญธรรมตรงไหนผมมองไม่ออกจริงๆ
อีกทั้งรูปแบบการเดินไปในเมือง ปูเสื่อโรยกุหลาบ
ทำรถติดทั่วบ้านทั่วเมือง คนเดือดร้อนมากมาย
แล้วมาบอกว่า
ส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลก
เข้าใจหาคำพูดมาผสมกันให้ดูดีจริงๆนะครับ
ผมว่าไม่ต้องทำขนาดนั้นชาวโลกเขาก็รู้อยู่แล้วครับ
ว่าประเทศไทย เป็นประเทศผู้นำพุทธศาสนาที่สำคัญอันดับต้นๆของโลก
ที่นี้ลองมาดูเหตุผลที่เขายกมาประกอบกันครับ
การเดินธุดงค์แล้วได้อะไร , ทำไปทำไม
1.1 ฟื้นฟูจิตใจ ผู้ประสบอุทกภัย สร้างบุญใหญ่ให้แผ่นดิน
1.2 รักษาธุดงควัตรของพระภิกษุ
1.3 ส่งเสริมศีลธรรมให้เกิดขึ้นระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน
1.4 สร้างความสามัคคีกลมเกลียว ในชุมชน ทั้งบ้าน วัด โรงเรียน
1.5 ปลูกฝังเยาวชนและประชาชนทั่วไปให้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา
1.6 ฟื้นฟูธรรมเนียมของพระพุทธศาสนา เมื่อรับกฐินแล้ว พระภิกษุจะออกเดินธุดงค์
1.7 ให้เกิดทัสสนานุตริยะ คือการเห็นอันประเสริฐแก่ผู้พบเห็นทั่วไป
1.8 สร้างความศรัทธาแก่ผู้ที่ยังไม่ศรัทธา และเพิ่มศรัทธายิ่ง ๆ ขึ้นสำหรับผู้ศรัทธาแล้ว
1.9 ส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลก
1.10 แสดงให้เห็นและตอกย้ำถึงความมีน้ำใจ ความช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ ดังคำพูดที่ว่า
“มีทุกข์ไม่ทิ้งธรรม” ของคนไทย
ไม่มีข้อไหนที่แสดงให้เห็นถึงผลของการปฏิบัติเลยครับ ว่าก้าวหน้าจากการถือธุดงค์วัตรอย่างไร
มีแต่ ปลูกฝัง (สิ่งที่ผิด) ,ฟื้นฟูจิตใจ (ทรมานใจมากกว่า) ,สร้างความสามัคคี (สร้างความโกลาหล))
อีกทั้งบางข้อก็ผิดเจตนา เช่น
ข้อ 1.2 รักษาธุดงค์วัตรของพระภิกษุ
อย่างนี้ไม่เรียกรักษาหรอกครับ แต่เรียกว่า กำลังทำลายมากกว่า
ข้อ 1.6 ฟื้นฟูธรรมเนียมของพระพุทธศาสนา เมื่อรับกฐินแล้ว พระภิกษุจะออกเดินธุดงค์
ก็พูดไปได้นะครับ ว่าฟื้นฟู ไม่ต้องฟื้นฟูหรอกครับ ปัจจุบันชาติ พระปฏิบัติท่านก็ถือกันอยู่เต็มไปหมด
มันไม่ได้หายสาบสูญซะหน่อย ใช้คำว่าฟื้นฟู ฟังดูดีเป็นพระเอกเชียว
แล้วการถือธุดงค์วัตรไม่ต้องรอให้ออกพรรษาก่อนหรอกครับ
ในพรรษาก็ปฏิบัติได้ ธุดงค์วัตรไม่ใช่การเดินหลังออกพรรษานะครับ
"
ธุดงค์ คือ ข้อวัตรปฏิบัติเพื่อขจัดกิเลส มาจากคำว่า ธุตะ แปลว่า ขูดเกลา และ อังคะ แปลว่า องค์ประกอบ รวมความหมายว่า องค์คุณสำหรับขูดกิเลส ขัดเกลากิเลส ให้ลดน้อยเบาบาง จนเข่นฆ่าให้หมดไปในที่สุด"
"
การจาริก ด้วยเท้า ของพระสงฆ์ในประเทศไทย มักเข้าใจปะปนกับคำว่า
ธุดงค์
ทั้งนี้เนื่องจากบางข้อของธุดงควัตร เช่น อรัญญิกังคะ หมายถึงการอยู่ในบริเวณป่า
ทำให้พระสงฆ์ที่ถือธุดงค์ข้อนี้จะต้องเดินทางไปหาที่วิเวกในบริเวณป่าและไม่อยู่ติดที่เป็นเวลานาน
เพื่อให้ห่างไกลจากการรบกวนของผู้คน การทำเช่นนี้ของพระสงฆ์มีมาตั้งแต่พุทธกาล
พระสงฆ์ในประเทศไทยคงได้ถือคตินี้และปฏิบัติมาแต่โบราณ
ทำให้คนทั่วไปในปัจจุบันมักเรียกกิริยาเช่นนั้น
(การจาริกเดินเท้าของพระสงฆ์โดยแบกบริขาร เช่น กรดย่าม และบาตร เพื่อเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ) ว่า พระเดินธุดงค์ หรือ การเดินธุดงค์
ซึ่งเป็นเพียงคำเรียกทั่วไป ถ้าหากพระสงฆ์ผู้เดินจาริกไม่ได้ถือสมาทานองค์คุณแห่งธุดงค์ข้อใดข้อหนึ่งแล้ว
ย่อมไม่ใช่ความหมายของคำว่าธุดงค์ตามนัยในพระไตรปิฎกแต่อย่างใด"
พระที่บวชในพระศาสนา ถ้าบวชมาเพื่อต้องการพ้นทุกข์จริงๆ
ท่านจะรู้เองเห็นเอง เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ
เพราะในการเร่งความเพียรเพื่อเผากิเลส จริตนิสัย
ความตั้งมั่นกำลังใจแต่ละองค์ย่อมไม่เหมือนกัน
บางองค์รักษาข้อเดียวแล้วปฏิบัติก้าวหน้าเห็นผล
บางองค์ถือหลายข้อ แล้วหนักไปก็สมาทานคืน
เรื่องนี้ถือเป็นการทรมานกิเลสส่วนตัวล้วนๆ
ไม่มีใครป่าวประกาศบอกใครกันหรอกครับ
แต่นี่อะไรครับ ทุกองค์ถือธุดงค์วัตร 2 ข้อเหมือนกันหมด
เพราะอะไรหรือครับ ง่ายนิดเดียว
ก็ถ้าพระ 1000 รูปถือธุดงค์วัตรกันคนละข้อ 2 ข้อ แล้วยังไม่เหมือนกันอีก
ธุดงค์ธรรมชัยก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ 1000000%
เพื่อนๆคงมองภาพออกนะครับ ว่ามันจะสับสนแค่ไหน
มันผิดเพี้ยนทั้งรูปแบบและการปฏิบัติตามพระธรรมวินัย
เจตนาที่แท้จริงของเจ้าลัทธินี้ ผู้มีปัญญาคงมองกันออกอยู่แล้วนะครับ
ว่าคืออะไร?
ถ้าเจ้าลัทธิจะแสดงความเข้มขลังในเรื่องของธุดงค์วัตรให้เป็นตัวอย่างแก่สาธุชนผู้ศรัทธา และสานุศิษย์ผู้งมงาย
ขอนิมนต์ให้ท่าน ถือแค่ข้อเดียว ก็พอครับ
1.) การถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร คือการใช้แต่ผ้าเก่าที่คนเขาทิ้งเอาไว้ตามกองขยะบ้าง ข้างถนนบ้าง ผ้าห่อศพบ้าง นำผ้าเหล่านั้นมาซัก ย้อมสี เย็บต่อกันจนเป็นผืนใหญ่แล้วนำมาใช้ งดเว้นจากการใช้ผ้าใหม่ทุกชนิด (บังสุกุล = คลุกฝุ่น)
ซักพรรษานึง รับรองลูกศิษย์เพิ่มอีกเพียบ
ถึงเวลาของชาวพุทธทุกท่านแล้วหรือยังครับ?
ที่จะลุกขึ้นมาปกป้องพระศาสนา
ถึงเวลาของเราชาวพุทธที่แท้จริงแล้วหรือยังครับ?
ที่จะช่วยชาวพุทธที่ยังงมงายอยู่ไม่เลิก...ให้ตาสว่างกันเสียที
สุดท้าย
หากคำพูดใดๆของข้าพเจ้า
ได้ก้าวล่วงเกินพระที่ท่านตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในการเดินธุดงค์ธรรมชัยในครั้งนี้
ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ข้าพเจ้าขอขมาและขอให้ท่านโปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เทอญ
เพราะเจตนาของข้าพเจ้าเป็นไปเพื่อปกป้องและรักษาพระศาสนา เท่านั้น....
ธรรมกายกำลังพา ศาสนาพุทธเสื่อมลงเรื่อยๆ
เราควรทำอะไรกันได้แล้วนะครับ
คำสอนของพระพุทธเจ้ากำลังถูกบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง
อุบาสก อุบาสิกา ผู้มัวเมาในสวรรค์ ดุสิตบุรี .... ตื่นเถิดครับ!!!
ธุดงค์ธรรมชัย มากันอีกแล้ว
ทั้งพยายามเชื่อมโยงให้เข้ากับ ธุดงค์วัตร 13 ให้ได้
แต่ดูแล้วดึงมาโฆษณาได้แค่ 2 ข้อ คือ
1) ถือการฉันในอาสนะเดียวเป็นวัตร คือ ในแต่ละวันจะบริโภคอาหารเพียงครั้งเดียว เมื่อนั่งแล้วก็ฉันจนเสร็จ หลังจากนั้นก็จะไม่บริโภคอาหารอะไรอีกเลย นอกจากน้ำปานะ หรือน้ำดื่ม
2) ถือการอยู่ในเสนาสนะที่เขาจัดไว้ให้เป็นวัตร คือเมื่อเจ้าหน้าที่ให้ไปพักที่ไหน หรือจัดที่พักอย่างใดไว้ให้ ก็พักอาศัยในที่นั้นๆ โดยไม่เลือกว่าสะดวกสบาย หรือถูกใจหรือไม่
ข้อแรก ฉันครั้งเดียว อันนี้ถือว่าฝึกความอดทน ไม่เป็นผู้รื่นรมย์ในอาหาร ข้อนี้ผมเห็นด้วย
แต่ก็นะ....ขบวนยาวขาดนั้น ให้พระท่านฉันเช้าด้วยมันจะเสียเวลาของฝ่ายเตรียมงาน
เสียอิมเมจความเคร่งครัดไปอีก เลยต้องมาลงที่ข้อนี้มากกว่า
ส่วนอีกข้อ อยู่ในเสนาสนะที่เขาจัดไว้เป็นวัตร อันนี้ก็เห็นด้วยแต่ไม่ทั้งหมดครับ
เห็นด้วยในส่วนที่ลดความอยากเอาแต่ใจในเสนาสนะ แต่ที่ที่จัดให้พระธุดงค์ท่านอยู่
อย่างสนามฟุตบอล ผมว่ามันไม่ใช่นะ ปักกลด เรียงกันเป็นตับ น่าจะเหมาะแก่การถ่ายรูปทำ PR.มากว่า
แล้วมันจะสงบเหมาะแก่การบำเพ็ญธรรมตรงไหนผมมองไม่ออกจริงๆ
อีกทั้งรูปแบบการเดินไปในเมือง ปูเสื่อโรยกุหลาบ
ทำรถติดทั่วบ้านทั่วเมือง คนเดือดร้อนมากมาย
แล้วมาบอกว่า
ส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลก
เข้าใจหาคำพูดมาผสมกันให้ดูดีจริงๆนะครับ
ผมว่าไม่ต้องทำขนาดนั้นชาวโลกเขาก็รู้อยู่แล้วครับ
ว่าประเทศไทย เป็นประเทศผู้นำพุทธศาสนาที่สำคัญอันดับต้นๆของโลก
ที่นี้ลองมาดูเหตุผลที่เขายกมาประกอบกันครับ
การเดินธุดงค์แล้วได้อะไร , ทำไปทำไม
1.1 ฟื้นฟูจิตใจ ผู้ประสบอุทกภัย สร้างบุญใหญ่ให้แผ่นดิน
1.2 รักษาธุดงควัตรของพระภิกษุ
1.3 ส่งเสริมศีลธรรมให้เกิดขึ้นระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน
1.4 สร้างความสามัคคีกลมเกลียว ในชุมชน ทั้งบ้าน วัด โรงเรียน
1.5 ปลูกฝังเยาวชนและประชาชนทั่วไปให้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา
1.6 ฟื้นฟูธรรมเนียมของพระพุทธศาสนา เมื่อรับกฐินแล้ว พระภิกษุจะออกเดินธุดงค์
1.7 ให้เกิดทัสสนานุตริยะ คือการเห็นอันประเสริฐแก่ผู้พบเห็นทั่วไป
1.8 สร้างความศรัทธาแก่ผู้ที่ยังไม่ศรัทธา และเพิ่มศรัทธายิ่ง ๆ ขึ้นสำหรับผู้ศรัทธาแล้ว
1.9 ส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลก
1.10 แสดงให้เห็นและตอกย้ำถึงความมีน้ำใจ ความช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ ดังคำพูดที่ว่า
“มีทุกข์ไม่ทิ้งธรรม” ของคนไทย
ไม่มีข้อไหนที่แสดงให้เห็นถึงผลของการปฏิบัติเลยครับ ว่าก้าวหน้าจากการถือธุดงค์วัตรอย่างไร
มีแต่ ปลูกฝัง (สิ่งที่ผิด) ,ฟื้นฟูจิตใจ (ทรมานใจมากกว่า) ,สร้างความสามัคคี (สร้างความโกลาหล))
อีกทั้งบางข้อก็ผิดเจตนา เช่น
ข้อ 1.2 รักษาธุดงค์วัตรของพระภิกษุ
อย่างนี้ไม่เรียกรักษาหรอกครับ แต่เรียกว่า กำลังทำลายมากกว่า
ข้อ 1.6 ฟื้นฟูธรรมเนียมของพระพุทธศาสนา เมื่อรับกฐินแล้ว พระภิกษุจะออกเดินธุดงค์
ก็พูดไปได้นะครับ ว่าฟื้นฟู ไม่ต้องฟื้นฟูหรอกครับ ปัจจุบันชาติ พระปฏิบัติท่านก็ถือกันอยู่เต็มไปหมด
มันไม่ได้หายสาบสูญซะหน่อย ใช้คำว่าฟื้นฟู ฟังดูดีเป็นพระเอกเชียว
แล้วการถือธุดงค์วัตรไม่ต้องรอให้ออกพรรษาก่อนหรอกครับ
ในพรรษาก็ปฏิบัติได้ ธุดงค์วัตรไม่ใช่การเดินหลังออกพรรษานะครับ
"ธุดงค์ คือ ข้อวัตรปฏิบัติเพื่อขจัดกิเลส มาจากคำว่า ธุตะ แปลว่า ขูดเกลา และ อังคะ แปลว่า องค์ประกอบ รวมความหมายว่า องค์คุณสำหรับขูดกิเลส ขัดเกลากิเลส ให้ลดน้อยเบาบาง จนเข่นฆ่าให้หมดไปในที่สุด"
"การจาริก ด้วยเท้า ของพระสงฆ์ในประเทศไทย มักเข้าใจปะปนกับคำว่า ธุดงค์
ทั้งนี้เนื่องจากบางข้อของธุดงควัตร เช่น อรัญญิกังคะ หมายถึงการอยู่ในบริเวณป่า
ทำให้พระสงฆ์ที่ถือธุดงค์ข้อนี้จะต้องเดินทางไปหาที่วิเวกในบริเวณป่าและไม่อยู่ติดที่เป็นเวลานาน
เพื่อให้ห่างไกลจากการรบกวนของผู้คน การทำเช่นนี้ของพระสงฆ์มีมาตั้งแต่พุทธกาล
พระสงฆ์ในประเทศไทยคงได้ถือคตินี้และปฏิบัติมาแต่โบราณ
ทำให้คนทั่วไปในปัจจุบันมักเรียกกิริยาเช่นนั้น
(การจาริกเดินเท้าของพระสงฆ์โดยแบกบริขาร เช่น กรดย่าม และบาตร เพื่อเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ) ว่า พระเดินธุดงค์ หรือ การเดินธุดงค์
ซึ่งเป็นเพียงคำเรียกทั่วไป ถ้าหากพระสงฆ์ผู้เดินจาริกไม่ได้ถือสมาทานองค์คุณแห่งธุดงค์ข้อใดข้อหนึ่งแล้ว
ย่อมไม่ใช่ความหมายของคำว่าธุดงค์ตามนัยในพระไตรปิฎกแต่อย่างใด"
พระที่บวชในพระศาสนา ถ้าบวชมาเพื่อต้องการพ้นทุกข์จริงๆ
ท่านจะรู้เองเห็นเอง เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ
เพราะในการเร่งความเพียรเพื่อเผากิเลส จริตนิสัย
ความตั้งมั่นกำลังใจแต่ละองค์ย่อมไม่เหมือนกัน
บางองค์รักษาข้อเดียวแล้วปฏิบัติก้าวหน้าเห็นผล
บางองค์ถือหลายข้อ แล้วหนักไปก็สมาทานคืน
เรื่องนี้ถือเป็นการทรมานกิเลสส่วนตัวล้วนๆ
ไม่มีใครป่าวประกาศบอกใครกันหรอกครับ
แต่นี่อะไรครับ ทุกองค์ถือธุดงค์วัตร 2 ข้อเหมือนกันหมด
เพราะอะไรหรือครับ ง่ายนิดเดียว
ก็ถ้าพระ 1000 รูปถือธุดงค์วัตรกันคนละข้อ 2 ข้อ แล้วยังไม่เหมือนกันอีก
ธุดงค์ธรรมชัยก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ 1000000%
เพื่อนๆคงมองภาพออกนะครับ ว่ามันจะสับสนแค่ไหน
มันผิดเพี้ยนทั้งรูปแบบและการปฏิบัติตามพระธรรมวินัย
เจตนาที่แท้จริงของเจ้าลัทธินี้ ผู้มีปัญญาคงมองกันออกอยู่แล้วนะครับ
ว่าคืออะไร?
ถ้าเจ้าลัทธิจะแสดงความเข้มขลังในเรื่องของธุดงค์วัตรให้เป็นตัวอย่างแก่สาธุชนผู้ศรัทธา และสานุศิษย์ผู้งมงาย
ขอนิมนต์ให้ท่าน ถือแค่ข้อเดียว ก็พอครับ
1.) การถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร คือการใช้แต่ผ้าเก่าที่คนเขาทิ้งเอาไว้ตามกองขยะบ้าง ข้างถนนบ้าง ผ้าห่อศพบ้าง นำผ้าเหล่านั้นมาซัก ย้อมสี เย็บต่อกันจนเป็นผืนใหญ่แล้วนำมาใช้ งดเว้นจากการใช้ผ้าใหม่ทุกชนิด (บังสุกุล = คลุกฝุ่น)
ซักพรรษานึง รับรองลูกศิษย์เพิ่มอีกเพียบ
ถึงเวลาของชาวพุทธทุกท่านแล้วหรือยังครับ?
ที่จะลุกขึ้นมาปกป้องพระศาสนา
ถึงเวลาของเราชาวพุทธที่แท้จริงแล้วหรือยังครับ?
ที่จะช่วยชาวพุทธที่ยังงมงายอยู่ไม่เลิก...ให้ตาสว่างกันเสียที
สุดท้าย
หากคำพูดใดๆของข้าพเจ้า
ได้ก้าวล่วงเกินพระที่ท่านตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในการเดินธุดงค์ธรรมชัยในครั้งนี้
ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ข้าพเจ้าขอขมาและขอให้ท่านโปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เทอญ
เพราะเจตนาของข้าพเจ้าเป็นไปเพื่อปกป้องและรักษาพระศาสนา เท่านั้น....