สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน พรใดดี พรใดเลิศ พรใดประเสริฐขอให้เกิดแก่ทุกท่านนะคะ
สุขสันต์ สุขศรี ตลอดปี ตลอดไปค่ะ
ปีใหม่หนูนวลก็มาพร้อมกับตอนใหม่ค่า ถอด...ชิ้นที่สิบมาแล้วค่า (เป็นการถอดที่ยาวนานมาก ถอดข้ามปี ไม่นับเวลาเขียนจริงนะนี่อิอิ)
สำหรับท่านที่พลาด การถอด...ชิ้นที่เก้า ไม่รับ ไม่ปฏิเสธ ^^
http://www.pantip.com/topic/13110924
ถ้าอ่านแล้ว มาพบกับตอนที่สิบได้เลยค่ะ หวังว่าหนูมิลค์และคุณธีขาจะนำรอยยิ้มมาสู่ทุกคนนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
ถอด...ชิ้นที่สิบ
เพียงลงมาถึงส่วนประชาสัมพันธ์ของตึกโรคหัวใจ ธีรักษ์ก็แทบไม่ต้องเสียเวลามองหาคนที่เขาลงมารับ เพราะภาพของลูกแมวเจ็ดสีจอมป่วนนั่งจุ้มปุ๊กบนเก้าอี้ท่ามกลางกองกระเป๋าเล็กกระเป๋าน้อยหลากสีสันรอบตัวเป็นภาพที่โดดเด่นอยู่ไม่น้อย ร่างสูงก้าวยาวๆตรงไปหามนต์อัปสร ใบหน้าคุณหมอหนุ่มเรียบเฉย แววตามีความเหนื่อยหน่ายคนที่ทำให้เขาต้องเสียเวลางาน
“คุณ”
พอได้ยินเสียงทุ้มดุคุ้นหูมนต์อัปสรรีบเหลียวซ้ายแลขวามองหาที่มาของเสียงทันใด
“คุณธีรักษ์ขามาแล้ว อุ้ย” พอเจอปุ๊บเจ้าหล่อนก็เด้งตัวลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงอุทานด้วยความตกใจ เมื่อกระเป๋าใส่คล้องมือใส่ของจุกจิกใบน้อยที่เจ้าหล่อนวางบนตักกลิ้งตกไปบนพื้นพร้อมเทกระจาดสมบัติของมนต์อัปสรกระจายเกลื่อนพื้น
ธีรักษ์เห็นคนละล้าละลังเก็บข้าวของที่กลิ้งออกมาจากกระเป๋าแล้วก็ได้แต่ปลง
“ทำอะไรไม่ระวัง”
แม้ปากจะดุ แต่พอเห็นท่าทางหงอยๆก้มหน้าก้มตาเก็บของของคนถูกดุ คุณหมออหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะช่วยแม่ตัวปัญหาเก็บสมบัติประดามีของเจ้าหล่อนจนครบ
“หนูมิลค์ขอบคุณคุณธีรักษ์ขามากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณธีรักษ์ขาหนูมิลค์คงแย่” จะพูดแต่ปากก็กลัวว่าคุณหมอหนุ่มจะไม่เชื่อ จึงเสริมคำพูดด้วยการกระทำว่าเจ้าหล่อนน่ะสำนึกในความใจดีของคนตรงหน้าขนาดไหน ตามประสาคนมือไม้อ่อน เจ้าตัวจึงกระพุ่มมือไหว้บนอกแกร่งที่วันนี้มาในมาดคุณหมอผู้เคร่งครึม มนต์อัปสรไม่ได้คิดอะไรเกินเลยจริงๆนะ แต่ที่ต้องค้างมือไว้บนอกก็เพราะเหนื่อยจากการเก็บของจนไม่แรงจะขยับมือ แล้วอกก็อุ้นอุ่น ไหนกลิ่นหอมอ่อนของอกล่ำในเสื้อกาวน์ คนแพ้ความล่ำไหว้ไปก็เคลิ้มไป
“คุณรักษากริยาหน่อย” ธีรักษ์ที่หลบไม่ทันทำเสียงเย็นใส่
“หนูมิลค์แค่อยากขอบคุณคุณธีรักษ์ขาเท่านั้นเองนะคะ” คนพูดทำเสียงเล็กเสียงน้อยทั้งออดทั้งอ้อน แต่ยังไม่ยอมผละจากอกแกร่ง
ธีรักษ์จับแขนของแม่ลูกแมวจอมฉวยโอกาสที่ชอบมาหาเศษหาเลยกับเขาแม้ใจอยากจะผลักไส แต่ก็ทำไม่ลง ได้เพียงทำเสียงดุปรามใส่
“คนมองเห็นไหม”
‘เอ....คนมอง กรี๊ด คุณธีขาของหนูมิลค์ พูดออย่างนี้แปลว่าถ้าไม่มีคนมองคุณธีอนุญาตให้หนูมิลค์ แอร๊ยแค่คิดก็สยิวกิ้ว หนูมิลค์เขิ้นเขิล’ คนช่างตีความเข้าข้างสิ่งที่ตัวเองต้องการคิดไปไกล แต่ก็ยอมผละออกจากอ้อมอกล่ำนั่นแต่โดยดี ทำหน้าเคลิ้มฝันสุดชีวิต
ธีรักษ์เห็นแล้วได้แต่ถอนใจ เดาได้ล่ะว่าเจ้าหล่อนคงตีความคำพูดเขาไปอีกอย่าง
“คุณทีหลังไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ บอกเฉยๆห่างๆผมก็รู้แล้ว จะไปได้หรือยังผมยังมีงานต้องทำอีกเยอะ” คนตั้งใจจะดุทำได้แค่นี้จริงๆ
“ได้ค่ะ” มนต์อัปสรรับคำแต่อดไม่ได้ที่จะจินตนาการบรรเจิด ‘ขึ้นไปในห้องที่มีแต่สองเรา กรี๊ด คุณธีขาไม่ต้องรีบก็ได้นะคะหนูมิลค์เขิล’
“มาผมช่วยถือ” ธีรักษ์เห็นข้าวของมนต์อัปสรแล้วกลัวว่ากว่าเจ้าหล่อนจะจัดการเสร็จเขาคงไม่ต้องเป็นอันได้ทำอะไร จึงคว้ากระเป๋าใบใหญ่สีชมพูสด กับกระเป๋าใบย่อมสีสดใสอีกใบไว้ ปล่อยให้คนสำภาระเยอะงุ่มงามจัดการเป้สะพายหลังสีสดใส และกระเป๋าคล้องมือใส่ของจิกจุกไปตามเรื่องตามราว ซึ่งกว่าเจ้าหล่อนจะจัดการเสร็จกระเป๋าที่วางรอบตัวเมื่อครู่ก็อยู่ในมือของธีรักษ์หมดแล้ว
“อุ้ย คุณธีรักษ์ขาไม่ต้องช่วยหนูมิลค์ก็ได้นะคะ หนูมิลค์ถือไหว”
“ไม่เป็นไร”
“แต่”
“ผมบอกว่าไม่เป็นไรไง” คนพูดทำเสียงดุใส่ แต่คราวนี้แทนที่ลูกแมวเจ็ดสีจะหงอ กลับกลายเป็นว่าเจ้าหล่อนทำหน้าเคลิ้มฝันสุดฤทธิ์ จนธีรักษ์ชักไม่ไว้ใจคนตรงหน้า เกรงว่าจะทำอะไรแผลงๆอีก “ไปเถอะคุณ” พูดจบ ก็ทำท่าจะเดินนำไป
‘แหม คุณธีสุภาพบุรุษที่สุด คนอะไรทั้งล่ำทั้งดี แต่แหมมาเร่งเร้าให้เค้าขึ้นห้อง เค้าเขินนะตะเอง’
“คุณ ขอโทษนะ” ธีรักษ์เห็นท่าว่าขืนปล่อยเจ้าหล่อนเดินตามไปเองวันนี้เขาคงไม่ได้ทำงาน จึงใช้มือข้างที่ว่างฉวยข้อมือบางของคนที่ยืนบิดไปบิดมา ลากให้ไปเดินไปด้วยกัน
การกระทำของคุณหมอหนุ่มเรียกสายตาสนอกสนใจของประชาสัมพันธ์สาวที่นั่งอยู่ด้านหน้ารวมถึงพยาบาลสาวๆที่ผ่านไปมา เพราะปกติไม่เคยมีใครเห็นคุณหมอธีรักษ์เสวนากับสาวที่ไหนนอกเวลาปฏิบัติหน้าที่ อย่าว่าแต่จับมือถือแขนเลย แค่ชายตามองยังไม่มี เห็นไปไหนมาไหนแต่กับคุณหมอกรเทพเท่านั้น จนสาวๆและหนุ่มๆบางคนเข้าใจไปว่าคุณหมอธีรักษ์จะไปเข้าแกงค์ชายเหนือชาย แต่นี่มีจับมือถือแขนแถมจูงพากันขึ้นห้อง จึงไม่น่าแปลกใจว่าพอคุณหมอคล้อยหลังปุ๊บ สองสาวประชาสัมพันธ์ก็เริ่มเม้าท์ทันที
“ไหนใครว่าคุณหมอธีเป็นเกย์ไงแล้วทำไมถึงได้จูงไม้จูงมือกับผู้หญิงแบบนี้ล่ะ”
“เกย์ที่ไหน ใครบอกหล่อนยะ”
“อ้าวก็ตั้งแต่หนูมาทำงานที่นี่สองสามปีแล้วไม่เคยเห็นคุณหมอธีควงใครเลยอ่ะ เห็นไปไหนมาไหนแต่กับคุณหมอกรไงอ่ะ ไอ้เราก็นึกเป็นอ่ะนะ”
“บ้า คุณหมอธีอ่ะแมนย่ะ คุณหมอกรก็ด้วย”
“อ้าว”
“ไม่อ้งไม่อ้าวหรอกย่ะ เมื่อสองสามปีก่อนยังมีข่าวว่าไปทำสาวท้องอยู่เลย”
“จริงเหรอพี่”
“จริงซิยะ ข่าวดังจะตาย”
“แล้วเรื่องเป็นไงอ่ะพี่”
“แหมชั้นไม่อยากจะเม้าท์นะเธอ แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า”
“กริ๊ง”
ยังไม่ทันจะต่อให้จบประโยคเสียงโทรศัพท์ก็เข้ามาขัดจังหวะการสนทนาเสียก่อน สองสาวประชาสัมพันธ์จึงต้องพักเรื่องการนินทาเจ้านายไว้เพียงเท่านี้
__ ^^ A Little Strip To Tease Your Heart...ถอดทีละนิดพิชิตใจ (ถอด...ชิ้นที่สิบ ลูกแมวจอมฉวยโอกาส) ^^ ____
สุขสันต์ สุขศรี ตลอดปี ตลอดไปค่ะ
ปีใหม่หนูนวลก็มาพร้อมกับตอนใหม่ค่า ถอด...ชิ้นที่สิบมาแล้วค่า (เป็นการถอดที่ยาวนานมาก ถอดข้ามปี ไม่นับเวลาเขียนจริงนะนี่อิอิ)
สำหรับท่านที่พลาด การถอด...ชิ้นที่เก้า ไม่รับ ไม่ปฏิเสธ ^^ http://www.pantip.com/topic/13110924
ถ้าอ่านแล้ว มาพบกับตอนที่สิบได้เลยค่ะ หวังว่าหนูมิลค์และคุณธีขาจะนำรอยยิ้มมาสู่ทุกคนนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
ถอด...ชิ้นที่สิบ
เพียงลงมาถึงส่วนประชาสัมพันธ์ของตึกโรคหัวใจ ธีรักษ์ก็แทบไม่ต้องเสียเวลามองหาคนที่เขาลงมารับ เพราะภาพของลูกแมวเจ็ดสีจอมป่วนนั่งจุ้มปุ๊กบนเก้าอี้ท่ามกลางกองกระเป๋าเล็กกระเป๋าน้อยหลากสีสันรอบตัวเป็นภาพที่โดดเด่นอยู่ไม่น้อย ร่างสูงก้าวยาวๆตรงไปหามนต์อัปสร ใบหน้าคุณหมอหนุ่มเรียบเฉย แววตามีความเหนื่อยหน่ายคนที่ทำให้เขาต้องเสียเวลางาน
“คุณ”
พอได้ยินเสียงทุ้มดุคุ้นหูมนต์อัปสรรีบเหลียวซ้ายแลขวามองหาที่มาของเสียงทันใด
“คุณธีรักษ์ขามาแล้ว อุ้ย” พอเจอปุ๊บเจ้าหล่อนก็เด้งตัวลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงอุทานด้วยความตกใจ เมื่อกระเป๋าใส่คล้องมือใส่ของจุกจิกใบน้อยที่เจ้าหล่อนวางบนตักกลิ้งตกไปบนพื้นพร้อมเทกระจาดสมบัติของมนต์อัปสรกระจายเกลื่อนพื้น
ธีรักษ์เห็นคนละล้าละลังเก็บข้าวของที่กลิ้งออกมาจากกระเป๋าแล้วก็ได้แต่ปลง
“ทำอะไรไม่ระวัง”
แม้ปากจะดุ แต่พอเห็นท่าทางหงอยๆก้มหน้าก้มตาเก็บของของคนถูกดุ คุณหมออหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะช่วยแม่ตัวปัญหาเก็บสมบัติประดามีของเจ้าหล่อนจนครบ
“หนูมิลค์ขอบคุณคุณธีรักษ์ขามากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณธีรักษ์ขาหนูมิลค์คงแย่” จะพูดแต่ปากก็กลัวว่าคุณหมอหนุ่มจะไม่เชื่อ จึงเสริมคำพูดด้วยการกระทำว่าเจ้าหล่อนน่ะสำนึกในความใจดีของคนตรงหน้าขนาดไหน ตามประสาคนมือไม้อ่อน เจ้าตัวจึงกระพุ่มมือไหว้บนอกแกร่งที่วันนี้มาในมาดคุณหมอผู้เคร่งครึม มนต์อัปสรไม่ได้คิดอะไรเกินเลยจริงๆนะ แต่ที่ต้องค้างมือไว้บนอกก็เพราะเหนื่อยจากการเก็บของจนไม่แรงจะขยับมือ แล้วอกก็อุ้นอุ่น ไหนกลิ่นหอมอ่อนของอกล่ำในเสื้อกาวน์ คนแพ้ความล่ำไหว้ไปก็เคลิ้มไป
“คุณรักษากริยาหน่อย” ธีรักษ์ที่หลบไม่ทันทำเสียงเย็นใส่
“หนูมิลค์แค่อยากขอบคุณคุณธีรักษ์ขาเท่านั้นเองนะคะ” คนพูดทำเสียงเล็กเสียงน้อยทั้งออดทั้งอ้อน แต่ยังไม่ยอมผละจากอกแกร่ง
ธีรักษ์จับแขนของแม่ลูกแมวจอมฉวยโอกาสที่ชอบมาหาเศษหาเลยกับเขาแม้ใจอยากจะผลักไส แต่ก็ทำไม่ลง ได้เพียงทำเสียงดุปรามใส่
“คนมองเห็นไหม”
‘เอ....คนมอง กรี๊ด คุณธีขาของหนูมิลค์ พูดออย่างนี้แปลว่าถ้าไม่มีคนมองคุณธีอนุญาตให้หนูมิลค์ แอร๊ยแค่คิดก็สยิวกิ้ว หนูมิลค์เขิ้นเขิล’ คนช่างตีความเข้าข้างสิ่งที่ตัวเองต้องการคิดไปไกล แต่ก็ยอมผละออกจากอ้อมอกล่ำนั่นแต่โดยดี ทำหน้าเคลิ้มฝันสุดชีวิต
ธีรักษ์เห็นแล้วได้แต่ถอนใจ เดาได้ล่ะว่าเจ้าหล่อนคงตีความคำพูดเขาไปอีกอย่าง
“คุณทีหลังไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ บอกเฉยๆห่างๆผมก็รู้แล้ว จะไปได้หรือยังผมยังมีงานต้องทำอีกเยอะ” คนตั้งใจจะดุทำได้แค่นี้จริงๆ
“ได้ค่ะ” มนต์อัปสรรับคำแต่อดไม่ได้ที่จะจินตนาการบรรเจิด ‘ขึ้นไปในห้องที่มีแต่สองเรา กรี๊ด คุณธีขาไม่ต้องรีบก็ได้นะคะหนูมิลค์เขิล’
“มาผมช่วยถือ” ธีรักษ์เห็นข้าวของมนต์อัปสรแล้วกลัวว่ากว่าเจ้าหล่อนจะจัดการเสร็จเขาคงไม่ต้องเป็นอันได้ทำอะไร จึงคว้ากระเป๋าใบใหญ่สีชมพูสด กับกระเป๋าใบย่อมสีสดใสอีกใบไว้ ปล่อยให้คนสำภาระเยอะงุ่มงามจัดการเป้สะพายหลังสีสดใส และกระเป๋าคล้องมือใส่ของจิกจุกไปตามเรื่องตามราว ซึ่งกว่าเจ้าหล่อนจะจัดการเสร็จกระเป๋าที่วางรอบตัวเมื่อครู่ก็อยู่ในมือของธีรักษ์หมดแล้ว
“อุ้ย คุณธีรักษ์ขาไม่ต้องช่วยหนูมิลค์ก็ได้นะคะ หนูมิลค์ถือไหว”
“ไม่เป็นไร”
“แต่”
“ผมบอกว่าไม่เป็นไรไง” คนพูดทำเสียงดุใส่ แต่คราวนี้แทนที่ลูกแมวเจ็ดสีจะหงอ กลับกลายเป็นว่าเจ้าหล่อนทำหน้าเคลิ้มฝันสุดฤทธิ์ จนธีรักษ์ชักไม่ไว้ใจคนตรงหน้า เกรงว่าจะทำอะไรแผลงๆอีก “ไปเถอะคุณ” พูดจบ ก็ทำท่าจะเดินนำไป
‘แหม คุณธีสุภาพบุรุษที่สุด คนอะไรทั้งล่ำทั้งดี แต่แหมมาเร่งเร้าให้เค้าขึ้นห้อง เค้าเขินนะตะเอง’
“คุณ ขอโทษนะ” ธีรักษ์เห็นท่าว่าขืนปล่อยเจ้าหล่อนเดินตามไปเองวันนี้เขาคงไม่ได้ทำงาน จึงใช้มือข้างที่ว่างฉวยข้อมือบางของคนที่ยืนบิดไปบิดมา ลากให้ไปเดินไปด้วยกัน
การกระทำของคุณหมอหนุ่มเรียกสายตาสนอกสนใจของประชาสัมพันธ์สาวที่นั่งอยู่ด้านหน้ารวมถึงพยาบาลสาวๆที่ผ่านไปมา เพราะปกติไม่เคยมีใครเห็นคุณหมอธีรักษ์เสวนากับสาวที่ไหนนอกเวลาปฏิบัติหน้าที่ อย่าว่าแต่จับมือถือแขนเลย แค่ชายตามองยังไม่มี เห็นไปไหนมาไหนแต่กับคุณหมอกรเทพเท่านั้น จนสาวๆและหนุ่มๆบางคนเข้าใจไปว่าคุณหมอธีรักษ์จะไปเข้าแกงค์ชายเหนือชาย แต่นี่มีจับมือถือแขนแถมจูงพากันขึ้นห้อง จึงไม่น่าแปลกใจว่าพอคุณหมอคล้อยหลังปุ๊บ สองสาวประชาสัมพันธ์ก็เริ่มเม้าท์ทันที
“ไหนใครว่าคุณหมอธีเป็นเกย์ไงแล้วทำไมถึงได้จูงไม้จูงมือกับผู้หญิงแบบนี้ล่ะ”
“เกย์ที่ไหน ใครบอกหล่อนยะ”
“อ้าวก็ตั้งแต่หนูมาทำงานที่นี่สองสามปีแล้วไม่เคยเห็นคุณหมอธีควงใครเลยอ่ะ เห็นไปไหนมาไหนแต่กับคุณหมอกรไงอ่ะ ไอ้เราก็นึกเป็นอ่ะนะ”
“บ้า คุณหมอธีอ่ะแมนย่ะ คุณหมอกรก็ด้วย”
“อ้าว”
“ไม่อ้งไม่อ้าวหรอกย่ะ เมื่อสองสามปีก่อนยังมีข่าวว่าไปทำสาวท้องอยู่เลย”
“จริงเหรอพี่”
“จริงซิยะ ข่าวดังจะตาย”
“แล้วเรื่องเป็นไงอ่ะพี่”
“แหมชั้นไม่อยากจะเม้าท์นะเธอ แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า”
“กริ๊ง”
ยังไม่ทันจะต่อให้จบประโยคเสียงโทรศัพท์ก็เข้ามาขัดจังหวะการสนทนาเสียก่อน สองสาวประชาสัมพันธ์จึงต้องพักเรื่องการนินทาเจ้านายไว้เพียงเท่านี้