สำรวจขุมอำนาจใหม่เครือข่ายทีม"ไทยคู่ฟ้า"ขุมพลังปึ้ก!ใต้ปีก"ยิ่งลักษณ์"........ไทยรัฐออนไลน์

กระทู้ข่าว
สำรวจขุมอำนาจใหม่เครือข่ายทีม"ไทยคู่ฟ้า"ขุมพลังปึ้ก!ใต้ปีก"ยิ่งลักษณ์"

ตลอดห้วง 1 ปีกับอีก 5 เดือน ต้องยอมรับในพัฒนาการของ
นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยกระดับจาก “ละอ่อนทางการเมือง”
ที่ใช้เวลาแค่ 49 วันก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก
ในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ผ่านมาถึงวันนี้หลายเสียงยกให้
“ยิ่งลักษณ์” คือตัวจริงเสียงจริง

พวกเขี้ยวลากดินยังต้องออกอาการแหยง “นางสิงห์” ก็อย่างที่เห็น
ในเชิงบริหารราชการ จากมือใหม่หัดขับที่มีปัญหาในการสั่งการ
ข้าราชการ ใช้เวลาไม่นาน ตามปรากฏการณ์ในการแต่งตั้งบิ๊ก
ข้าราชการหน่วยต่างๆจะถูกเรียกตัวไปสัมภาษณ์ตรงที่ทำเนียบรัฐบาล
แสดงตนให้รู้ว่าใครคือคนตั้ง ต้องต่อสายสั่งตรงได้

ในมุมของการเมือง วัดจากการปรับ ครม.2 ครั้งที่คนสายตรงของ
นายกฯยิ่งลักษณ์ถูกวางตัวไว้ที่กระทรวงยุทธศาสตร์ ทั้งเก้าอี้
รมว.คลัง ตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ในขณะที่สายตรงนายใหญ่
ถือตั๋วนายหญิง เด็กเจ๊ เด็กเฮีย ไม่ได้ตามรายการคุณขอมา จั่วลม
ไปตามๆกัน

“ยิ่งลักษณ์” เดินหมาก กระชับเกมอำนาจได้เร็ววัน

แน่นอนลำพังผู้นำหญิงผู้ด้อยพรรษาการเมืองคงทำไม่ได้ขนาดนี้
แต่ปัจจัยเสริมมันอยู่ที่ขุมกำลังข้างกายผู้นำนารีที่ถูกตั้งฉายาว่าทีม
“ไทยคู่ฟ้า” ที่เสริมปีกนายกฯยิ่งลักษณ์ ซึ่งล้วนแต่เป็นมือทำงานของ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนสนิทที่คุณหญิงพจมาน
ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ความไว้วางใจ บางส่วนก็เป็น
คนที่นายกฯยิ่งลักษณ์เลือกจากกลุ่มก๊วนคนสนิทที่รู้จักผ่านคนใกล้ชิด

รวมทีมมือประสานอำนาจและผลประโยชน์ตระกูลชินฯได้อย่างลงตัว.

พ่อบ้านตึกไทยฯ

ชื่อติดกระดาน มีภาพอยู่ร่วมช็อตกับนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกสื่อถี่
เลยก็แล้วกัน กับชื่อของนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล
รมต.ประจำสำนักนายกฯ

ถ้าเป็นแฟนสถานีโทรทัศน์ “ไอทีวี” ในอดีตก็คงจำได้ เพราะเขาคือคน
คนเดียวกับ “นิวัฒน์ บุญทรง” ที่มีชื่อบนตัววิ่งในจอหลังรายการทุกรายการ
ในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไอทีวี

และย้อนไปสืบประวัติในวิกิพีเดีย ตามโปรไฟล์ของนายนิวัฒน์ธำรง
เคยนั่งเก้าอี้ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมิวนิเคชั่น
จำกัด และดูแลบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(ไอบีซี) บริษัท ชินวัตร ไดเร็คทอรี่ส์ จำกัด บริษัท มูฟวิ่งซาวด์ จำกัด
บริษัท ชินวัตร แซทเทลไลท์ จำกัด บริษัท เอสซี แมทช์บ็อกซ์ จำกัด

ก่อนได้รับโปรโมตให้ขึ้นแท่นรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มชิน
คอร์ปอเรชั่น

ถือเป็นขุนศึก “ตระกูลชินฯ” ขนานแท้

แน่นอนไล่ตามประวัติ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่อดีตลูกจ้างใน
บริษัทก็ย่อมได้รับความไว้วางใจจากอดีต “เจ้าของบริษัท” ที่เคยรู้มือ
รู้ใจกันมาตั้งแต่ต้นนายนิวัฒน์ธำรงคือคนที่นายกฯยิ่งลักษณ์ต่อสาย
เรียกใช้งานตลอดเวลาทั้งงานใหญ่ งานจิปาถะ ตามประสา
“พ่อบ้านตึกไทยฯ” และขึ้นหม้อถึงขั้นที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตเสียบ
แทนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกฯและ รมว.มหาดไทย
ที่หลุดเก้าอี้ไป

โดยภารกิจหลักได้รับมอบหมายในการรับผิดชอบด้านภาพลักษณ์
และตีปี๊บประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาล ตามโปรไฟล์ที่เคยนั่งแท่น
บริหารสถานีโทรทัศน์ในเครือชินฯ

ทำงานให้แบบ “ลูกจ้าง” ที่ไม่มีวันเกษียณก็แล้วกัน.



พี่ใหญ่“ไวท์ไล”

“พี่โต้ง” สายแข็ง พิสูจน์ให้เห็นจากวีรกรรมร้อนๆ ที่นายกิตติรัตน์
ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ของรัฐบาล หลุดวาทกรรม “ไวท์ไล” ยอมรับ “แบบโต้งๆ” บนเวที
ปาฐกถาต่อหน้านักธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศเลยว่า
การบริหารเศรษฐกิจบางครั้งรัฐบาลอนุญาตให้พูดความไม่จริงได้
ในบางเรื่อง หรือที่เรียกว่าโกหกสีขาว โยงไปถึงการปั้นตัวเลขส่ง
ออกของไทยให้ดูดีไว้ก่อน

รู้กันทั่วโลก เล่นเอานักลงทุนต่างชาติสะอึก นักลงทุนไทยผวา

ในอารมณ์ที่เจ้าตัวแก้ลำแบบคนไร้เดียงสาทางการเมือง อ้างหลักสากลทั่วไป
แต่เบื้องหลังผลของอาการพลาดอย่างแรง “เดอะโต้ง”
ต้องบินด่วนไปให้นายใหญ่เฉ่งปี๋ที่เมืองนอก ฐานบ้องตื้นเรียกงานเข้าให้รัฐบาล

ตามอาการร่อแร่ เก็งกันว่าเป็นดีหนึ่งประเภทหนึ่งที่จะหลุด ครม.

แต่เอาเข้าจริง นิ่ง ถึงเวลาขยับยกเครื่อง ครม. “ยิ่งลักษณ์ 3”
นายกิตติรัตน์ยังเหนียวอยู่ในตำแหน่งรองนายกฯควบขุนคลัง
นายกฯยิ่งลักษณ์ยังล็อกเก้าอี้ให้นั่งข้างๆตลอดเวลา

เรื่องของเรื่อง แม้งานด้านการเมืองจะอ่อนหัด ไม่ประสีประสา
แต่ในสถานะพิเศษส่วนตัวเป็นที่รู้กันวงในว่า
นายกิตติรัตน์คือคีย์แมนที่อยู่เบื้องหลังดีลสำคัญในคิวที่ “ป๋าเปรม”
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
รับเทียบเชิญมาร่วมฟังคอนเสิร์ตเพลงคลาสสิกที่ทำเนียบรัฐบาล
<
<
<

ตัวชนพันธุ์ดุ

จาก รมว.วิทยาศาสตร์ สู่เก้าอี้รองนายกฯ ก็พอการันตี “ความปึ้ก”
ของ “ปลอดประสพ สุรัสวดี” ใน “รัฐบาลปู–ยิ่งลักษณ์” ได้เป็นอย่างดี
แถมวันนี้ยังเป็นรองนายกฯ ควบตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร
จัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเมกะโปรเจกต์
งานออกแบบก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและแก้ปัญหา
อุทกภัยฯ คุมงบประมาณก้อนโต 3.5 แสนล้านบาท!

ที่มาของความไว้วางใจที่ “นายกฯปู” มีให้ “บิ๊กปลอด” ก็อาจเป็นเพราะ
ถูกใจสไตล์โผงผาง บู๊ระห่ำ เอาจริงเอาจัง เหมาะที่จะดึงมาเป็น
“กันชน”

เพราะตั้งแต่เข้ามาร่วมลุยรับมือสถานการณ์อุทกภัย ในฐานะรอง ผอ.ศปภ.
รายนี้โชว์ออฟด้วยลูกขึงขัง ยืนจังก้าสู้มหันตภัยน้ำ เป็น “ตัวช่วย”
ของผู้นำหญิงที่เวลานั้นยังจับทิศทางไม่ถูก

ถึงจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง “ปากไว” ในกรณีคำเตือนอพยพที่มาก่อนเหตุการณ์ ทำให้คนแตกตื่น แต่สุดท้ายสิ่งที่ “บิ๊กปลอด” เตือนนั้นก็เป็นจริง
แม้แต่สนามบินดอนเมืองที่ตั้ง ศปภ.ยังเก็บของหนีน้ำแทบไม่ทัน!

และต้องบอกว่าทั่นรองนายกฯรายนี้ เด่นและดังมากับเรื่อง “น้ำ”
ตัวจริงเสียงจริงในยุคนี้!!
<
<
<

“ส”สตันท์แมน

มาแบบเงียบๆและค่อนข้างเซอร์ไพรส์กับจังหวะรีเทิร์นของ “เดอะปุ้ม”
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ จากก้าวแรกที่ขยับกลับเข้ามาช่วยงานเบื้องหลัง
ก่อนที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะตั้งให้เป็นโฆษกส่วนตัวในการชี้แจงแทนนายกฯในเรื่องทั่วไป โดยไม่เกี่ยวกับการตอบโต้ประเด็นทางการเมือง

แต่แค่นี้ก็ถูกกลุ่มต่างๆในพรรคเพื่อไทยจับตา ออกอาการเขม่น

นั่นก็เพราะ “เดอะปุ้ม” ถูกจัดเป็นพวกแปรพักตร์ หนีทัพ “นายใหญ่”
ไปตอนค่ายแตกระส่ำระสาย โดยช่วงหนึ่งก็กระโดดไปร่วมงานกับ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
ที่ถูก “นายใหญ่” ขึ้นบัญชีเพื่อนรักหักเหลี่ยม เดินงานการเมืองตาม
ยุทธศาสตร์ฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทยที่ต้องการสลายกำลัง
“ทักษิณ”

ด้วยข้อหานี้ “เดอะปุ้ม” แทบจะเดินตัวลีบในพรรคเพื่อไทย แต่ตรงกัน
ข้ามกับที่ทำเนียบรัฐบาล ตามจังหวะก้าวกระโดดพรวดพราดจากสถานะ
โฆษกส่วนตัว นายกฯยิ่งลักษณ์ดันหลังนายสุรนันทน์ขึ้นยึดเก้าอี้
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ล็อกสถานะ “นายกฯน้อย” คอยกำกับงานฉากหลังให้ผู้นำนารี บางทีก็เป็น
“สตันท์แมน” เล่นแทนเลย

ตามบทบาทที่ชื่อของนายสุรนันทน์มีเอี่ยวทั้งคิวปรับ ครม.
“ยิ่งลักษณ์ 3” ที่ถูกทีม ส.ส.เสื้อแดงออกมาโวยวาย แฉ “ส”
อยู่เบื้องหลังนายกฯสกัดแกนนำตัวพ่อคนเสื้อแดง นปช.อย่าง
“ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ ให้หลุดโพยรัฐมนตรีทั้งๆที่มีชื่อ
ติดโผเป็นตัวเต็งจ๋ามาตลอด

ไม่เว้นแม้แต่คิวทะยิ้มๆที่นายสุรนันทน์ได้รับมอบหมายจากนายกฯ
ยิ่งลักษณ์ให้นั่งหัวโต๊ะประชุมหน่วยความมั่นคงร่วมกับผู้บัญชาการ
เหล่าทัพและฝ่ายปกครอง ในการเคลียร์ปัญหาวิกฤติไฟใต้
ทั้งๆที่ดูแล้วเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจสั่งการแต่อย่างใด

ทั้งหมดทั้งปวงก็เหตุผลเดียวกับ “เดอะโต้ง” ที่ “ยิ่งลักษณ์” ทุ่มความ
ไว้วางใจให้

เพราะ “เดอะปุ้ม” เป็นอีก 1 ในก๊วนสนิท “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน.



ฝ่าย เสธ.เกมลึก

อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลไทยรักไทย “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย
ยังปักหลักอยู่กับเครือข่ายของนายใหญ่
นั่งมาดเท่อยู่บนเก้าอี้เลขาธิการพรรคเพื่อไทยในวันนี้

และที่จริง นับตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งจนถึงครั้งสถาปนาอำนาจรัฐบาลชุดนี้
อดีตมืองานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นอีก “สายตรง”
ที่ถูกส่งตัวมาช่วยประคับประคองรัฐบาล “น้องสาวนายใหญ่” มาแต่ต้น

โดยทำหน้าที่เป็นกุนซือลับๆ โดยเฉพาะในสายงานด้าน “มวลชน”
มีภารกิจสำคัญในการเดินงานนโยบาย “ประชานิยม” ขับเคลื่อนกองทุนต่างๆ
ทั้งกองทุนหมู่บ้านฯ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนเอสเอ็มแอล

แต่บทเด่นทางลับที่รู้กันของ “เสี่ยอ้วน” คือเป็น “มันสมองรัฐบาล”
ทำหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการ คิดอ่าน วางหมาก วางแผน
จัดกลเกมไว้ต่อกรทางการเมืองกับฝ่ายค้านฝ่ายต่อต้านรัฐบาล

ด้วยเหตุฉะนี้เอง เมื่อพ้นโทษจากบ้านเลขที่ 111 “เสี่ยอ้วน”
จึงถูกจับตาว่าจะถูกเรียกเข้ามาเสริมทัพ ครม. โดยมีชื่อติดโผเป็น
รมว.มหาดไทย แต่ที่สุดก็ถูกจับให้ไปรับผิดชอบงานที่ถนัดใน
ฐานะกุนซือหลังฉาก

โดยมีงานสำคัญที่อดีต “ครูใหญ่ของเอ็นจีโอ”
รายนี้ออกหน้าอย่างเป็นทางการในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
คือการบริหารจัดการภายในพรรค ปรับโครงสร้าง
รวมทั้งขยายฐานสมาชิกพรรคที่ตั้งเป้าไว้ถึง 1 ล้านคน
ตามแผนที่จะใช้ฐานมวลชนตรงนี้ไปเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล
รวมทั้งระดมเสียงในการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ

มิเพียงเท่านั้น ยังมีงาน “จ๊อบพิเศษ” ที่มีข่าวว่า “เสี่ยอ้วน”
คือกุนซือคนสำคัญของ “โอ๊ค พานทองแท้” ลูกชายนายใหญ่
ที่กำลังเปิดเกมรุกร้อนแรงในสงครามไซเบอร์บนโลกออนไลน์

รวมทั้งคอยหนุนเนื่องฝ่ายบริหาร ในภาวะที่นายกฯต้องเผชิญแรง
ต้าน “เสี่ยอ้วน” ก็ปักหลักช่วยแก้เกม โดยสอดประสานกับศูนย์กลาง
อำนาจทำเนียบฯ ผ่านเครือข่ายตึกไทยคู่ฟ้า

ทำหน้าที่ “เสธ.อ้วน” ที่นายกฯเชื่อมือ และไว้วางใจยิ่ง.



กุนซือส่วนตัว

ปิดท้ายด้วยนักธุรกิจใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน
ผู้บริหารแสนสิริกรุ๊ป คืออีกสมาชิกคนสำคัญของทีมตึกไทยคู่ฟ้าที่ไม่
ค่อยเป็นที่รับรู้ในวงกว้าง

เพียงเคยปรากฏนามทางหน้าสื่อ ถูกเอ่ยชื่อเกี่ยวโยงกรณี “ภารกิจลับ”
ของผู้นำ ในประเด็น “ว.5 โฟร์ซีซั่นส์” ที่ฮือฮา นอกนั้นบอสใหญ่แสนสิริ
ไม่ค่อยเปิดเผยตัวในวงการการเมืองทั้งที่เป็นประเภทโลว์โปรไฟล์
แต่ไฮโปรฟิต คือคู่คิดคนสำคัญในฐานะ “กุนซือส่วนตัวนายกฯหญิง”

พูดถึงที่มาของ “เศรษฐา” นอกจากมีสายสัมพันธ์กับ
“กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกฯ และ รมว.คลัง ระดับเพื่อนเลิฟ
แล้ว ยังแนบแน่นกับเลขาธิการนายกฯ “ปุ้ม-สุรนันทน์” จนเรียก
ขานว่าเป็น “แก๊งออฟโฟร์ตึกไทยฯ”

ส่วนนายกฯหญิงนั้น “เศรษฐา” รู้จักมาตั้งแต่สมัยยังเป็นซีอีโอ
บริษัทเอสซีแอสเสท ที่แม้จะธุรกิจไลน์เดียวกันต้องแข่งขันกัน
แต่เมื่อพบปะกันบ่อยครั้งจากกิจกรรมเพื่อสังคมก็ทำให้สนิทสนม
ในที่สุด

ปูมประวัติของ “กุนซือส่วนตัวนายกฯ” รายนี้ เป็นทายาทตระกูล “ทวีสิน”
ที่เป็นเครือญาติกับอีกหลายตระกูลเจ้าสัวเมืองไทย โดยเฉพาะกับอดีต
“พ่อมดการเงิน” ปิ่น จักกะพาก นอกจากเป็นลูกพี่ลูกน้องกันแล้ว
ยังเคยได้ร่วมงานกันในมหาอาณาจักรเอกธนกิจอันโด่งดังในอดีต

รวมทั้งยังโยงไปได้ว่า “เศรษฐา” คือเครือญาติห่างๆกับ “กรณ์ จาติกวณิช”
อดีตขุนคลังรัฐบาลประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ทั้งนั้นระดับความสนิทสนมกับนายกฯหญิงยิ่งลักษณ์ยังยิ่งลึกไปกว่า
ที่เห็น ชนิดที่ปรับ ครม. ล่าสุด “นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์” ได้เข้ามาเป็น
รมว.สาธารณสุข แรงผลักดันสำคัญมาจาก “เศรษฐา” หุ้นส่วนที่ดีลธุรกิจ
กับ รมต.มาก่อน

รวมทั้งที่มีกระแสข่าว “เศรษฐา” ถูกวางตัวเป็นดีดีการบินไทย แต่เจ้าตัว
ปฏิเสธ ขอบริหารธุรกิจต่อดีกว่า

เหตุผลมากกว่านั้นคือ เป็น “กุนซือส่วนตัว” นายกฯก็พอแล้ว.

“ทีมการเมือง”ไทยรัฐออนไลน์
  
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/317157

ไม่รูจริงเท็จ มากน้อยแค่ไหน  คนเขียนอาจจะใส่ไข่ไปบ้าง
แต่าดูแล้ว  ทีมงานที่เป็นนักธุรกิจ  หากมาช่วยบริหารบ้านเมือง
แบบ บริหารธุรกิจของตัวเอง  น่าจะดีกว่า เอานักกฎหมาย
ทนาย  ...นักวิชาการมากกว่า ...
มีบาง  ช่วงบางตอน  ตามไปอ่านต่อจาก link ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่