ผู้บาดเจ็บเหยื่อสลายม็อบเตรียมแจ้งจับเพิ่ม "มาร์ค-เทือก" ข้อหาพยายามฆ่าล็อตสองอีก 20 คน
วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 22:21:10 น.
ข่าวสดออนไลน์รายงานว่าเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2556 นายคารม พลพรกลาง ทนายความแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า หลังจากผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ไปแล้วตนจะนําผู้ได้รับบาดเจ็บชุดที่ 2 ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อเม.ย. - พ.ค.2553 ประมาณ 20 คนเข้าพบ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อแจ้งดําเนินคดีข้อหาพยายามฆ่าเพิ่มเติมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และผอ.ศอฉ. โดยผู้บาดเจ็บกลุ่มนี้อยู่ร่วมในเหตุการณ์วันสลายการชุมนุมจนได้รับบาดเจ็บสาหัส บางรายพิการไม่สามารถประกอบอาชีพต่อได้
นายวสุ สุริยะแก่นทราย หรือลุงวสุ อายุ 61 ปี อาชีพทํายาหม่องขาย เหยื่อกระบองเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 กล่าวว่า ปัจจุบันร่างกายของตนพิกลพิการ ต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิตจากการถูกเจ้าหน้าที่ตีศีรษะ วันนั้นตนพร้อมด้วยนางกูลกิจ สุริยะแก่นทราย ภรรยา และเพื่อนบ้านไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงเพื่อต่อต้านรัฐประหาร และคัดค้านม็อบพันธมิตรที่นำผ้าอนามัยใช้แล้วไปทำพิธีกรรมบริเวณฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 อันเป็นที่เคารพของคนไทยทั้งชาติ รวมถึงการบุกยึดสนามบินทําให้ประเทศชาติเสียหายย่อยยับ พวกตนไปรวมอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมจากจ.บุรีรัมย์ และศรีษะเกษที่ตั้งเต็นท์อยู่ใกล้สี่แยกคอกวัว
ลุงวสุกล่าวอีกว่า ต่อมาทราบข่าวว่านายอภิสิทธิ์ นายกฯ และนายสุเทพ ผอ.ศอฉ. มีคําสั่งให้ทหารเข้ายึดพื้นที่คืนจากผู้ชุมนุมทําให้คนเสื้อแดงลุกฮือไปปิดกั้นเส้นทางตามจุดต่างๆ รอบพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารบุกเข้ามาทําให้สถานการณ์ตึงเครียด พอถึงช่วงบ่ายมีเฮลิคอปเตอร์บินมาโปรยแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมบริเวณแยกคอกวัวจนมีผู้บาดเจ็บหลายคน ยิ่งทำให้ผู้ชุมนุมโกรธแค้นเจ้าหน้าที่มากขึ้น
"กระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. ทหารจํานวนมากพร้อมรถหุ้มเกราะกว่า 10 คัน ก็เริ่มเข้ามาประชิดผู้ชุมนุมบริเวณด้านโรงเรียนสตรีวิทยา ขณะนั้นผมเห็นคนเสื้อแดงจํานวนมากซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ชายฉกรรจ์กำลังยืนเผชิญหน้าผลักดันกับทหารอยู่บริเวณดังกล่าว ผมกลัวว่าจะเกิดเหตุรุนแรงและสถานการณ์บานปลายจึงเดินเข้าไปพูดกับทหารว่า "พวกคุณทำอย่างนี้ไม่ดี อย่าทำอย่างนี้ ลุงขอร้อง เราคนไทยด้วยกัน อย่าทำอย่างนี้เลย" พอพูดจบทหารก็ใช้ไม้กระบองฟาดเข้าศีรษะ ลำตัว ตามมาด้วยใช้เท้ากระทืบซ้ำหลายครั้งจนสลบไป ก่อนมีคนช่วยนําส่งโรงพยาบาลกลาง ฟื้นขึ้นมาในอีก 3 วันต่อมา" ลุงวสุกล่าวและว่า ผลจากการโดนตีศีรษะครั้งนั้นทำให้สมองซีกซ้ายได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง มีเลือดคั่งในสมอง ส่งผลให้จนถึงทุกแขนและขาขวาอ่อนแรงขยับไม่ได้ ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติต้องพิการและนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต
ลุงวสุกล่าวด้วยว่า แม้เหตุการณ์จะผ่านมาเกือบ 3 ปีก็ยังไม่เคยลืม พยายามให้ภรรยาพาไปร้องขอความเป็นธรรมตามหน่วยงานต่างๆ ล่าสุดร้องเรียนกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้เอาผิดเพิ่มกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ในฐานะผู้ออกคําสั่ง ข้อหาพยายามฆ่า
มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1357052571&grpid=&catid=01&subcatid=0100
ผู้บาดเจ็บเหยื่อสลายม็อบเตรียมแจ้งจับเพิ่ม "มาร์ค-เทือก" ข้อหาพยายามฆ่าล็อตสองอีก 20 คน
วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 22:21:10 น.
ข่าวสดออนไลน์รายงานว่าเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2556 นายคารม พลพรกลาง ทนายความแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า หลังจากผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ไปแล้วตนจะนําผู้ได้รับบาดเจ็บชุดที่ 2 ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อเม.ย. - พ.ค.2553 ประมาณ 20 คนเข้าพบ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อแจ้งดําเนินคดีข้อหาพยายามฆ่าเพิ่มเติมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และผอ.ศอฉ. โดยผู้บาดเจ็บกลุ่มนี้อยู่ร่วมในเหตุการณ์วันสลายการชุมนุมจนได้รับบาดเจ็บสาหัส บางรายพิการไม่สามารถประกอบอาชีพต่อได้
นายวสุ สุริยะแก่นทราย หรือลุงวสุ อายุ 61 ปี อาชีพทํายาหม่องขาย เหยื่อกระบองเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 กล่าวว่า ปัจจุบันร่างกายของตนพิกลพิการ ต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิตจากการถูกเจ้าหน้าที่ตีศีรษะ วันนั้นตนพร้อมด้วยนางกูลกิจ สุริยะแก่นทราย ภรรยา และเพื่อนบ้านไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงเพื่อต่อต้านรัฐประหาร และคัดค้านม็อบพันธมิตรที่นำผ้าอนามัยใช้แล้วไปทำพิธีกรรมบริเวณฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 อันเป็นที่เคารพของคนไทยทั้งชาติ รวมถึงการบุกยึดสนามบินทําให้ประเทศชาติเสียหายย่อยยับ พวกตนไปรวมอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมจากจ.บุรีรัมย์ และศรีษะเกษที่ตั้งเต็นท์อยู่ใกล้สี่แยกคอกวัว
ลุงวสุกล่าวอีกว่า ต่อมาทราบข่าวว่านายอภิสิทธิ์ นายกฯ และนายสุเทพ ผอ.ศอฉ. มีคําสั่งให้ทหารเข้ายึดพื้นที่คืนจากผู้ชุมนุมทําให้คนเสื้อแดงลุกฮือไปปิดกั้นเส้นทางตามจุดต่างๆ รอบพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารบุกเข้ามาทําให้สถานการณ์ตึงเครียด พอถึงช่วงบ่ายมีเฮลิคอปเตอร์บินมาโปรยแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมบริเวณแยกคอกวัวจนมีผู้บาดเจ็บหลายคน ยิ่งทำให้ผู้ชุมนุมโกรธแค้นเจ้าหน้าที่มากขึ้น
"กระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. ทหารจํานวนมากพร้อมรถหุ้มเกราะกว่า 10 คัน ก็เริ่มเข้ามาประชิดผู้ชุมนุมบริเวณด้านโรงเรียนสตรีวิทยา ขณะนั้นผมเห็นคนเสื้อแดงจํานวนมากซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ชายฉกรรจ์กำลังยืนเผชิญหน้าผลักดันกับทหารอยู่บริเวณดังกล่าว ผมกลัวว่าจะเกิดเหตุรุนแรงและสถานการณ์บานปลายจึงเดินเข้าไปพูดกับทหารว่า "พวกคุณทำอย่างนี้ไม่ดี อย่าทำอย่างนี้ ลุงขอร้อง เราคนไทยด้วยกัน อย่าทำอย่างนี้เลย" พอพูดจบทหารก็ใช้ไม้กระบองฟาดเข้าศีรษะ ลำตัว ตามมาด้วยใช้เท้ากระทืบซ้ำหลายครั้งจนสลบไป ก่อนมีคนช่วยนําส่งโรงพยาบาลกลาง ฟื้นขึ้นมาในอีก 3 วันต่อมา" ลุงวสุกล่าวและว่า ผลจากการโดนตีศีรษะครั้งนั้นทำให้สมองซีกซ้ายได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง มีเลือดคั่งในสมอง ส่งผลให้จนถึงทุกแขนและขาขวาอ่อนแรงขยับไม่ได้ ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติต้องพิการและนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต
ลุงวสุกล่าวด้วยว่า แม้เหตุการณ์จะผ่านมาเกือบ 3 ปีก็ยังไม่เคยลืม พยายามให้ภรรยาพาไปร้องขอความเป็นธรรมตามหน่วยงานต่างๆ ล่าสุดร้องเรียนกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้เอาผิดเพิ่มกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ในฐานะผู้ออกคําสั่ง ข้อหาพยายามฆ่า
มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1357052571&grpid=&catid=01&subcatid=0100