เพิ่งจะมีการเปิดตัวไปที่งาน CES หรืองานแสดงสินค้าอิเล็คทรอนิคส์ประจำปีที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อต้นปีหมาดๆ ผ่านมาสองเดือน เอเซอร์ก็ได้จัดส่งแท็บเล็ตตัวล่าสุดจากตระกูล ICONIA มาให้เราได้สัมผัสตัวจริงกันเบบทันใจ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณเอเซอร์ไว้ ณ ทีนี้ด้วย
สำหรับ Acer ICONIA TAB A200 ตัวนี้ หลักๆ แล้วมีหน้าตาไม่แตกต่างจากรุ่นพี่อย่าง A500 หรือ A501 ที่ออกมาเปิดตลาดก่อนหน้านี้มากเท่าไหร่นัก แต่จุดที่ทำให้ A 200 น่าสนใจมากที่สุด นั่นก็คือ ประสิทธิภาพที่เอเซอร์ใส่มาเต็มอัตราสูบ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของสนนราคาที่อยู่ในระดับหมื่นนิดๆ, มั่นใจได้ว่ากิน Ice Cream sandwich หรือ แอนดรอยด์ 4.0, ชิฟประมวลผลระดับดูอัลคอร์ รวมถึงพอร์ท USB มาตราฐานที่จะทำให้การใช้งานสะดวกสบายมากขึ้น

Acer ICONIA TAB A200 ถูกบรรจุอยู่ภายใต้กล่องขนาดกลางประมาณแมกาซีน ดูสะอาดเรียบร้อยด้วยพื้นหลังสีขาว ตัดกับสีเขียวสดใส โดดเด่นด้วยรูปตัวเครื่องตรงกลางกล่อง พร้อมโลโก้แบรนด์กำกับที่มุมบน และเสริมความมั่นใจให้กับผู้ใช้มากขึ้นด้วยข้อความที่ระบุว่า สามารถอัพเกรดเป็นแอนดรอยด์ 4.0 ได้เมื่อมีการปล่อยให้ดาวน์โหลด ที่หน้ากล่อง

และเมื่อเปิดกล่องออกมา เราจะพบกับชุดอุปกรณ์สำหรับการใช้งาน อันประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง
- ชุดคู่มือและใบรับประกัน
- อะแดปเตอร์พร้อมขาเสียบหัวกลม
- สาย USB โดยหัวข้างหนึ่งจะเป็น USB แบบมาตราฐาน ส่วนอีกด้านจะเป็น Micro USB

สำหรับตัวเครื่องของ Acer ICONIA TAB A200 นั้นมาพร้อมกับหน้าจอแบบเว้นขอบขนาด 10.1 นิ้ว แสดงผลที่ความละเอียด 1280x 800พิกเซล บนตัวเครื่องไร้ปุ่มกดใดๆ อาศัยการทัชสกรีนจากหน้าจอ บอดี้มีขนาด 260x175x12.4 มิลลิเมตร มีน้ำหนักราว 700 กรัม ซึ่งก็ถือว่ามีน้ำหนักพอสมควร ส่วนเรื่องของการดีไซน์ เอเซอร์ได้ออกแบบให้ A200 เมื่อวางคว่ำหน้าจะมีลักษณะโค้งลาดลง (ดังจะเห็นได้จากรูปภาพด้านล่าง) ซึ่งการออกแบบ แบบนี้ส่วนตัวคิดว่า ทำให้เวลาหยิบขึ้นมาใช้งานสะดวกกว่าเครื่องที่เป็นระนาบเดียว

ส่วนทางด้านซ้ายของตัวเครื่อง เอเซอร์ได้ออกแบบให้ฝั่งนี้ เป็นแหล่งรวมที่อยู่ของบรรดาพอร์ทการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปุ่มเปิด-ปิด, ช่องเสียบหูฟัง, พอร์ท Micro USB และพอร์ท USB แบบมาตราฐาน สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลจาก Flash drive ได้โดยตรง เรียกว่าอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่มีข้อมูลเยอะเลยทีเดียว และสุดท้ายเป็นช่องสำหรับใส่การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเติมได้สูงสุดถึง 32 กิกะไบต์ ส่วนภายในตัวเครื่องมีความจำมาให้ที่ 8 กิกะไบต์ (สำหรับ A200 มาพร้อมกับสองรุ่นความจุให้เลือกซื้อคือ 8 และ 16 กิกะไบต์)

และเมื่อทางด้านซ้ายเป็นที่รวมพอร์ทใช้งานไปแล้ว ด้านขวาจึงมาแบบโล่งๆ มีเพียงช่องสำหรับการเสียบสายชาร์ตแบตเตอรี่ที่ด้านบนสุดเท่านั้น ส่วนขอบด้านข้างของตัวเครื่องทำจากวัสดุอลูมิเนียมที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเครื่องมากขึ้น สำหรับงานประกอบก็ถือได้ว่าเรียบร้อยและแน่นหนาตามสไตล์เอเซอร์

และสำหรับด้านบนของตัวเครื่อง มุมซ้ายสุดจะเป็นตำแหน่งของปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง และสลักสำหรับล็อคหน้าจอกันการหมุนอัตโนมัติ ส่วนตรงกลางเล็กๆ เยื้องกล้องหน้า (ลูกศรชี้) จะเป็นปุ่มสำหรับการรีเซ็ตเครื่อง หากเกิดอาการค้าง สำหรับกล้องหน้าจะมีความละเอียดอยู่ที่ 2 ล้านพิกเซล

ส่วนด้านหลังของ Acer ICONIA TAB A200 เอเซอร์ได้เลือกใช้วัสดุยางกึ่งมัน และออกแบบให้เป็นลายจุดเล็กๆ คล้ายแผ่นกันลื่นรอบตัวเครื่อง จึงให้ความรู้สึกจับถือได้ถนัดมือ แต่ทว่าในความที่เป็นวัสดุกี่งมัน จึงทำให้บางครั้ง อาจเกิดรอยนิ้วมือระหว่างการใช้งานได้ นอกจากนี้เอเซอร์ยังจัดความบันเทิงทางด้านเสียงมาให้เต็มสูบ ด้วยลำโพงคู่ประกบซ้าย- ขวา ส่วนเรื่องของระยะเวลาการใช้งาน A200 ตัวนี้ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3,260 มิลิแอมป์ และจุดน่าผิดหวังปนอึ้งนิดๆ ก็คือการที่มันไม่มีกล้องหลัง!
ซอฟท์แวร์
สำหรับA200 ตัวที่เราได้รับมานี้ มาพร้อมกับแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 4.0 เรียบร้อย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ตัวยูเซอร์อินเทอร์เฟส มีการเปลี่ยนแปลงไปไม่มากนักจากเวอร์ชั่น Honeycomb ก่อนหน้า ยังคงมีวิดเจ็ตให้เลือกใช้ มีแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ติดตั้งมาพร้อมใช้งาน รวมถึงซอฟท์แวร์เอกสิทธิ์เฉพาะของเอเซอร์ Clear.fi ที่ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ของเอเซอร์ด้วยกันได้ง่ายขึ้น




แต่ที่เป็นไฮไลท์ของ A200 นั่นคือ เอเซอร์ได้นำแอนดรอยด์ 4.0 มาปรับปรุงเสริมแต่งให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น กับฟีเจอร์ Acer Ring ปุ่มวงกลมซ้อนสีเขียวสดใสตรงกลางหน้าจอ ซึ่งเจ้าปุ่มนี้เปรียบเสมือนเป็นทางลัดที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่การใช้งานมากยิ่งขึ้น สำหรับการเข้าสู่เมนูการตั้งค่า เปิดเบราเซอร์ เข้าแกลอรี่ หรือจับภาพหน้าจอ รวมถึงปรับลด-เสียง นอกจากนี้ยังมีแถบแสดงหน้าเบราเซอร์ที่เปิดล่าสุดอีกด้วย
สรุป
สำหรับ A200 ตัวนี้ ถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นเล็กจากค่ายเอเซอร์ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพพื้นฐานถึงระดับกลางในราคาเพียงหนึ่งหมื่น แต่ก็มีข้อด้อยในเรื่องของการขาดกล้องหลัง, น้ำหนักตัวเครื่องที่มากไป แต่เมื่อหักลบกลบหนี้ ด้วยชิฟประมวลผลระดับดูอัลคอร์ที่ใส่มาให้, มีพอร์ท USB มารตราฐาน ก็ทำให้มันดูน่าสนใจและน่าใช้ยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณ : เอเซอร์ สำหรับผลิตภัณฑ์ทดสอบ
Acer ICONIA Tab A200 แท็บเล็ตตอบโจทย์ครบในราคาไม่ถึงหมื่น
เพิ่งจะมีการเปิดตัวไปที่งาน CES หรืองานแสดงสินค้าอิเล็คทรอนิคส์ประจำปีที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อต้นปีหมาดๆ ผ่านมาสองเดือน เอเซอร์ก็ได้จัดส่งแท็บเล็ตตัวล่าสุดจากตระกูล ICONIA มาให้เราได้สัมผัสตัวจริงกันเบบทันใจ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณเอเซอร์ไว้ ณ ทีนี้ด้วย
สำหรับ Acer ICONIA TAB A200 ตัวนี้ หลักๆ แล้วมีหน้าตาไม่แตกต่างจากรุ่นพี่อย่าง A500 หรือ A501 ที่ออกมาเปิดตลาดก่อนหน้านี้มากเท่าไหร่นัก แต่จุดที่ทำให้ A 200 น่าสนใจมากที่สุด นั่นก็คือ ประสิทธิภาพที่เอเซอร์ใส่มาเต็มอัตราสูบ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของสนนราคาที่อยู่ในระดับหมื่นนิดๆ, มั่นใจได้ว่ากิน Ice Cream sandwich หรือ แอนดรอยด์ 4.0, ชิฟประมวลผลระดับดูอัลคอร์ รวมถึงพอร์ท USB มาตราฐานที่จะทำให้การใช้งานสะดวกสบายมากขึ้น
Acer ICONIA TAB A200 ถูกบรรจุอยู่ภายใต้กล่องขนาดกลางประมาณแมกาซีน ดูสะอาดเรียบร้อยด้วยพื้นหลังสีขาว ตัดกับสีเขียวสดใส โดดเด่นด้วยรูปตัวเครื่องตรงกลางกล่อง พร้อมโลโก้แบรนด์กำกับที่มุมบน และเสริมความมั่นใจให้กับผู้ใช้มากขึ้นด้วยข้อความที่ระบุว่า สามารถอัพเกรดเป็นแอนดรอยด์ 4.0 ได้เมื่อมีการปล่อยให้ดาวน์โหลด ที่หน้ากล่อง
และเมื่อเปิดกล่องออกมา เราจะพบกับชุดอุปกรณ์สำหรับการใช้งาน อันประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง
- ชุดคู่มือและใบรับประกัน
- อะแดปเตอร์พร้อมขาเสียบหัวกลม
- สาย USB โดยหัวข้างหนึ่งจะเป็น USB แบบมาตราฐาน ส่วนอีกด้านจะเป็น Micro USB
สำหรับตัวเครื่องของ Acer ICONIA TAB A200 นั้นมาพร้อมกับหน้าจอแบบเว้นขอบขนาด 10.1 นิ้ว แสดงผลที่ความละเอียด 1280x 800พิกเซล บนตัวเครื่องไร้ปุ่มกดใดๆ อาศัยการทัชสกรีนจากหน้าจอ บอดี้มีขนาด 260x175x12.4 มิลลิเมตร มีน้ำหนักราว 700 กรัม ซึ่งก็ถือว่ามีน้ำหนักพอสมควร ส่วนเรื่องของการดีไซน์ เอเซอร์ได้ออกแบบให้ A200 เมื่อวางคว่ำหน้าจะมีลักษณะโค้งลาดลง (ดังจะเห็นได้จากรูปภาพด้านล่าง) ซึ่งการออกแบบ แบบนี้ส่วนตัวคิดว่า ทำให้เวลาหยิบขึ้นมาใช้งานสะดวกกว่าเครื่องที่เป็นระนาบเดียว
ส่วนทางด้านซ้ายของตัวเครื่อง เอเซอร์ได้ออกแบบให้ฝั่งนี้ เป็นแหล่งรวมที่อยู่ของบรรดาพอร์ทการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปุ่มเปิด-ปิด, ช่องเสียบหูฟัง, พอร์ท Micro USB และพอร์ท USB แบบมาตราฐาน สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลจาก Flash drive ได้โดยตรง เรียกว่าอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่มีข้อมูลเยอะเลยทีเดียว และสุดท้ายเป็นช่องสำหรับใส่การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเติมได้สูงสุดถึง 32 กิกะไบต์ ส่วนภายในตัวเครื่องมีความจำมาให้ที่ 8 กิกะไบต์ (สำหรับ A200 มาพร้อมกับสองรุ่นความจุให้เลือกซื้อคือ 8 และ 16 กิกะไบต์)
และเมื่อทางด้านซ้ายเป็นที่รวมพอร์ทใช้งานไปแล้ว ด้านขวาจึงมาแบบโล่งๆ มีเพียงช่องสำหรับการเสียบสายชาร์ตแบตเตอรี่ที่ด้านบนสุดเท่านั้น ส่วนขอบด้านข้างของตัวเครื่องทำจากวัสดุอลูมิเนียมที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเครื่องมากขึ้น สำหรับงานประกอบก็ถือได้ว่าเรียบร้อยและแน่นหนาตามสไตล์เอเซอร์
และสำหรับด้านบนของตัวเครื่อง มุมซ้ายสุดจะเป็นตำแหน่งของปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง และสลักสำหรับล็อคหน้าจอกันการหมุนอัตโนมัติ ส่วนตรงกลางเล็กๆ เยื้องกล้องหน้า (ลูกศรชี้) จะเป็นปุ่มสำหรับการรีเซ็ตเครื่อง หากเกิดอาการค้าง สำหรับกล้องหน้าจะมีความละเอียดอยู่ที่ 2 ล้านพิกเซล
ส่วนด้านหลังของ Acer ICONIA TAB A200 เอเซอร์ได้เลือกใช้วัสดุยางกึ่งมัน และออกแบบให้เป็นลายจุดเล็กๆ คล้ายแผ่นกันลื่นรอบตัวเครื่อง จึงให้ความรู้สึกจับถือได้ถนัดมือ แต่ทว่าในความที่เป็นวัสดุกี่งมัน จึงทำให้บางครั้ง อาจเกิดรอยนิ้วมือระหว่างการใช้งานได้ นอกจากนี้เอเซอร์ยังจัดความบันเทิงทางด้านเสียงมาให้เต็มสูบ ด้วยลำโพงคู่ประกบซ้าย- ขวา ส่วนเรื่องของระยะเวลาการใช้งาน A200 ตัวนี้ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3,260 มิลิแอมป์ และจุดน่าผิดหวังปนอึ้งนิดๆ ก็คือการที่มันไม่มีกล้องหลัง!
ซอฟท์แวร์
สำหรับA200 ตัวที่เราได้รับมานี้ มาพร้อมกับแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 4.0 เรียบร้อย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ตัวยูเซอร์อินเทอร์เฟส มีการเปลี่ยนแปลงไปไม่มากนักจากเวอร์ชั่น Honeycomb ก่อนหน้า ยังคงมีวิดเจ็ตให้เลือกใช้ มีแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ติดตั้งมาพร้อมใช้งาน รวมถึงซอฟท์แวร์เอกสิทธิ์เฉพาะของเอเซอร์ Clear.fi ที่ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ของเอเซอร์ด้วยกันได้ง่ายขึ้น
แต่ที่เป็นไฮไลท์ของ A200 นั่นคือ เอเซอร์ได้นำแอนดรอยด์ 4.0 มาปรับปรุงเสริมแต่งให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น กับฟีเจอร์ Acer Ring ปุ่มวงกลมซ้อนสีเขียวสดใสตรงกลางหน้าจอ ซึ่งเจ้าปุ่มนี้เปรียบเสมือนเป็นทางลัดที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่การใช้งานมากยิ่งขึ้น สำหรับการเข้าสู่เมนูการตั้งค่า เปิดเบราเซอร์ เข้าแกลอรี่ หรือจับภาพหน้าจอ รวมถึงปรับลด-เสียง นอกจากนี้ยังมีแถบแสดงหน้าเบราเซอร์ที่เปิดล่าสุดอีกด้วย
สรุป
สำหรับ A200 ตัวนี้ ถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นเล็กจากค่ายเอเซอร์ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพพื้นฐานถึงระดับกลางในราคาเพียงหนึ่งหมื่น แต่ก็มีข้อด้อยในเรื่องของการขาดกล้องหลัง, น้ำหนักตัวเครื่องที่มากไป แต่เมื่อหักลบกลบหนี้ ด้วยชิฟประมวลผลระดับดูอัลคอร์ที่ใส่มาให้, มีพอร์ท USB มารตราฐาน ก็ทำให้มันดูน่าสนใจและน่าใช้ยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณ : เอเซอร์ สำหรับผลิตภัณฑ์ทดสอบ