Review : SteelSeries Siberia Neckband Headset
หากเมื่อสักประมาณ 1-2ปีที่แล้วมีเดินมาถามผมว่ารู้จักอุปกรณ์เกมมิ่งซีรีย์ SteelSeries ไหม? ผมก็คงยืดอกตอบอย่างมั่นใจว่า “ไม่รู้จัก” และถามกลับว่ามันคืออะไร? แต่ก็นั่นละครับเพราะสิ่งที่เอ่ยถึงนั้นคืออดีตในปัจจุบันเล้วใครเล่าจะไม่รู้กับกับอุปกรณ์เกมมิ่งชั้นดีอย่าง SteelSeries ที่กลายมาเป็นอุปกรณ์คู่ใจของโปรเกมเมอร์ทั่วโลกแนวในขณะนี้
SteelSeries เป็นแบรนด์ของฮาร์ดแวร์เกมมิ่งสัญชาติเดนมาร์กที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2001 เป็นต้นมา จุดเด่นของ SteelSeries อยู่ที่การออกแบบผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นที่เน้นไปที่การใช้งานและความทดทานมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก อีกทั้งจุดเด่นอีกอย่างที่ไม่มีใครเหมือนก็คือการออกผลิตภัณฑ์แบบ Custom ส่วนตัวของผู้เล่นที่ต้องการอุปกรณ์รุ่นพิเศษที่เหมาะกับตนได้ผ่านการติดต่อกับทีมพัฒนา (ในกรณีที่คุณเป็นเพลย์เยอร์มีเชื่อเสียงพอน่ะนะ...) และนอกจากนั้น SteelSeries ก็ยังเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมเกมเมอร์ชั้นนำหลายๆ ทีม

สิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายก็คือSteelSeries นั้นได้เขามาทำตลาดในประเทศไทยช้าไปสักหน่อย... แต่อย่างไรก็ตามผมก็เป็นหนึ่งในเหล่าคนที่สามารถยืนยันได้ว่าลำดับนั้นไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพที่ได้รับ ด้วย Gaming Headset SteelSeries Siberia Neckband Headset ที่ผมจำนำมารีวิวในวันนี้ครับ
Unboxing !
สารภาพเลยว่านี่เป็นการแกะกล่องและรีวิวสินค้าตระกูล SteelSeries เป็นครั้งแรก และด้วยความที่ Siberia Neckband นั้นเป็นสินค้าที่ผ่านมือชายมานักต่อนักแล้ว (แต่ผมชอบเลยไปขอมารีวิว) สภาพกล่องก็เลยเป็นอย่างที่เห็น (กล่องใหม่ๆ สวยมากครับ) แต่ตัวหูฟังและของแถมนั้นยังคงสวยงามและครบถ้วนตามเดิมทุกประการดังรูป

งานประกอบไม่ว่าจะทุกส่วนของ Siberia Neckband นั้นจัดได้ว่าสวยงามค่อนข้างทนทานสมราคา ไล่ตั้งแต่ Ear Pad ขนาดใหญ่สีขาวที่ใช้วัสดุประกอบและออกแบบได้ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดี ซึ่ง Siberia Neckband นั้นจะใช้ผ้าเป็นตัวบุระหว่างผู้ใช้และหูฟัง (ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่จะกล่าวในภายหลัง) ขนาดและความกว้าง Ear Pad ของ Siberia Neckband นั้นก็ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แถมยังมีความลึกขนาดคนที่หูกางมากๆ อย่างผมใส่ได้โดยที่ไม่ถูกกดใบหูอีกด้วยละ

เริ่มต้นด้วยการใช้ Siberia Neckband ฟังเพลงผ่านเพลย์เยอร์พกพาส่วนตัวของผม Walkman X Series (NWZ-X1050 B) ด้วย Setting ที่ผมใช้เป็นประจำด้วยการตั้งค่าแบบCustom EQ (Clear Bass +1, +0 +0 +0 +1 +1), Clear Stereo ON, DSEE ON และ Dynamic Normalizer OFF และเริ่มต้นด้วยเพลง Jazz ในอัลบั้มที่ผมคลั่งไคล้ (อยู่ในขณะนี้) นั่นก็คือ Take Love Easy ของนักร้องสาวสวยชาวรัสเซีย Sophie Milman (ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกที่เมื่อ Section “Album Review” เปิดตัวเมื่อไรผมจะเริ่มบรรเลงรีวิวทันที) กับเพลงที่มีการเรียบเรียงเด็ดดวงที่สุดในอัลบั้มตามความคิดของผม “I Can't make you love me” และหลังจากผมตั้งค่าอปุกรณ์พร้อมการเชื่อมต่อที่เรียบร้อยโดยเร่งโวลลุ่มแบบเผื่อๆ ไปที่ระดับประมาณ 20-23 / 30 และหลังจากที่กดเริ่มเล่นเพลง ความรู้สึกแรกที่ผมรูสึกก็คือ Siberia Neckband นั้นเป็น Gaming Headset ที่มีความเป็น Musical มากที่สุดตัวหนึ่งเท่าที่ผมเคยพบเจอมา แต่กระนั้นก็ตามมันก็ยังไม่เทียบเท่าหูฟังที่เกิดมาเพื่อฟังเพลงแบบเฉาพะเนื่องจากช่วงเสียงกลางและสูงที่ค่อนข้างอ่อนบาง และถูกกลบโดยเสียงเบส ในทางกลับกันเบสของ Siberia Neckband นั้นมีแรงประทะ (Impact) และความลึกที่มีคุณภาพและรูปร่างเข้าขั้นดี-ดีมาก ส่วน Sound Stage ของ Siberia Neckband นั้นได้ถูกจัดวางเป็นลักษณะโอบล้อมผู้ฟัง (โดยอาจจะเป็นการเอื้อความสามารถในการเล่นเกมตามความคิดของผม) ส่วนที่แย่ทีสุดของ Neckband ก็คือการแยกชิ้นและช่องว่างของดนตรีที่ทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย
แต่นอกจาก 2 ข้อเสียเล็กน้อยตามข้างนั้นแล้ว Siberia Neckband ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องติต่อไปอีก ความสามารถในการใช้งานเพื่อเล่นเกมของมันนั้นได้รับการพิสูจน์จากผมต่ออีกหลายคราด้วยเกมแนวต่างๆ ผลที่ได้นั้นก็ยังความยอดเยี่ยมเช่นเคย แต่เกณฑ์ที่ผมให้เจ้าSiberia Neckband เหนือกว่า Gaming Headset รายอื่นๆ นั้นก็คือการที่มันสามารถใช้งานเอนกประสงค์นอกเหยือจากการเน้นเล่นเกมได้ โดยเฉพาะจุดสำคัญอย่างเช่นการพกพาไปไหนต่อไหนอย่างง่ายดายและไม่ต้องทนอายกับสายตาคน ดังนั้นหากคุณกำลังลังเลหูฟังอรรถะประโยชน์ที่มีราคาสมน้ำสมเนื้อกับคุณภาพของที่ได้เล้วละก็ มองหา Siberia Neckband ที่ร้านค้าเถวบ้านได้เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน
Review : SteelSeries Siberia Neckband Headset
หากเมื่อสักประมาณ 1-2ปีที่แล้วมีเดินมาถามผมว่ารู้จักอุปกรณ์เกมมิ่งซีรีย์ SteelSeries ไหม? ผมก็คงยืดอกตอบอย่างมั่นใจว่า “ไม่รู้จัก” และถามกลับว่ามันคืออะไร? แต่ก็นั่นละครับเพราะสิ่งที่เอ่ยถึงนั้นคืออดีตในปัจจุบันเล้วใครเล่าจะไม่รู้กับกับอุปกรณ์เกมมิ่งชั้นดีอย่าง SteelSeries ที่กลายมาเป็นอุปกรณ์คู่ใจของโปรเกมเมอร์ทั่วโลกแนวในขณะนี้
SteelSeries เป็นแบรนด์ของฮาร์ดแวร์เกมมิ่งสัญชาติเดนมาร์กที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2001 เป็นต้นมา จุดเด่นของ SteelSeries อยู่ที่การออกแบบผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นที่เน้นไปที่การใช้งานและความทดทานมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก อีกทั้งจุดเด่นอีกอย่างที่ไม่มีใครเหมือนก็คือการออกผลิตภัณฑ์แบบ Custom ส่วนตัวของผู้เล่นที่ต้องการอุปกรณ์รุ่นพิเศษที่เหมาะกับตนได้ผ่านการติดต่อกับทีมพัฒนา (ในกรณีที่คุณเป็นเพลย์เยอร์มีเชื่อเสียงพอน่ะนะ...) และนอกจากนั้น SteelSeries ก็ยังเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมเกมเมอร์ชั้นนำหลายๆ ทีม
สิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายก็คือSteelSeries นั้นได้เขามาทำตลาดในประเทศไทยช้าไปสักหน่อย... แต่อย่างไรก็ตามผมก็เป็นหนึ่งในเหล่าคนที่สามารถยืนยันได้ว่าลำดับนั้นไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพที่ได้รับ ด้วย Gaming Headset SteelSeries Siberia Neckband Headset ที่ผมจำนำมารีวิวในวันนี้ครับ
Unboxing !
สารภาพเลยว่านี่เป็นการแกะกล่องและรีวิวสินค้าตระกูล SteelSeries เป็นครั้งแรก และด้วยความที่ Siberia Neckband นั้นเป็นสินค้าที่ผ่านมือชายมานักต่อนักแล้ว (แต่ผมชอบเลยไปขอมารีวิว) สภาพกล่องก็เลยเป็นอย่างที่เห็น (กล่องใหม่ๆ สวยมากครับ) แต่ตัวหูฟังและของแถมนั้นยังคงสวยงามและครบถ้วนตามเดิมทุกประการดังรูป
งานประกอบไม่ว่าจะทุกส่วนของ Siberia Neckband นั้นจัดได้ว่าสวยงามค่อนข้างทนทานสมราคา ไล่ตั้งแต่ Ear Pad ขนาดใหญ่สีขาวที่ใช้วัสดุประกอบและออกแบบได้ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดี ซึ่ง Siberia Neckband นั้นจะใช้ผ้าเป็นตัวบุระหว่างผู้ใช้และหูฟัง (ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่จะกล่าวในภายหลัง) ขนาดและความกว้าง Ear Pad ของ Siberia Neckband นั้นก็ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แถมยังมีความลึกขนาดคนที่หูกางมากๆ อย่างผมใส่ได้โดยที่ไม่ถูกกดใบหูอีกด้วยละ
เริ่มต้นด้วยการใช้ Siberia Neckband ฟังเพลงผ่านเพลย์เยอร์พกพาส่วนตัวของผม Walkman X Series (NWZ-X1050 B) ด้วย Setting ที่ผมใช้เป็นประจำด้วยการตั้งค่าแบบCustom EQ (Clear Bass +1, +0 +0 +0 +1 +1), Clear Stereo ON, DSEE ON และ Dynamic Normalizer OFF และเริ่มต้นด้วยเพลง Jazz ในอัลบั้มที่ผมคลั่งไคล้ (อยู่ในขณะนี้) นั่นก็คือ Take Love Easy ของนักร้องสาวสวยชาวรัสเซีย Sophie Milman (ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกที่เมื่อ Section “Album Review” เปิดตัวเมื่อไรผมจะเริ่มบรรเลงรีวิวทันที) กับเพลงที่มีการเรียบเรียงเด็ดดวงที่สุดในอัลบั้มตามความคิดของผม “I Can't make you love me” และหลังจากผมตั้งค่าอปุกรณ์พร้อมการเชื่อมต่อที่เรียบร้อยโดยเร่งโวลลุ่มแบบเผื่อๆ ไปที่ระดับประมาณ 20-23 / 30 และหลังจากที่กดเริ่มเล่นเพลง ความรู้สึกแรกที่ผมรูสึกก็คือ Siberia Neckband นั้นเป็น Gaming Headset ที่มีความเป็น Musical มากที่สุดตัวหนึ่งเท่าที่ผมเคยพบเจอมา แต่กระนั้นก็ตามมันก็ยังไม่เทียบเท่าหูฟังที่เกิดมาเพื่อฟังเพลงแบบเฉาพะเนื่องจากช่วงเสียงกลางและสูงที่ค่อนข้างอ่อนบาง และถูกกลบโดยเสียงเบส ในทางกลับกันเบสของ Siberia Neckband นั้นมีแรงประทะ (Impact) และความลึกที่มีคุณภาพและรูปร่างเข้าขั้นดี-ดีมาก ส่วน Sound Stage ของ Siberia Neckband นั้นได้ถูกจัดวางเป็นลักษณะโอบล้อมผู้ฟัง (โดยอาจจะเป็นการเอื้อความสามารถในการเล่นเกมตามความคิดของผม) ส่วนที่แย่ทีสุดของ Neckband ก็คือการแยกชิ้นและช่องว่างของดนตรีที่ทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย
แต่นอกจาก 2 ข้อเสียเล็กน้อยตามข้างนั้นแล้ว Siberia Neckband ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องติต่อไปอีก ความสามารถในการใช้งานเพื่อเล่นเกมของมันนั้นได้รับการพิสูจน์จากผมต่ออีกหลายคราด้วยเกมแนวต่างๆ ผลที่ได้นั้นก็ยังความยอดเยี่ยมเช่นเคย แต่เกณฑ์ที่ผมให้เจ้าSiberia Neckband เหนือกว่า Gaming Headset รายอื่นๆ นั้นก็คือการที่มันสามารถใช้งานเอนกประสงค์นอกเหยือจากการเน้นเล่นเกมได้ โดยเฉพาะจุดสำคัญอย่างเช่นการพกพาไปไหนต่อไหนอย่างง่ายดายและไม่ต้องทนอายกับสายตาคน ดังนั้นหากคุณกำลังลังเลหูฟังอรรถะประโยชน์ที่มีราคาสมน้ำสมเนื้อกับคุณภาพของที่ได้เล้วละก็ มองหา Siberia Neckband ที่ร้านค้าเถวบ้านได้เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน