เรื่องเล่าจากเกม : จุดเริ่มต้นแห่งมหกรรมลูกหนังนองเลือด

กระทู้สนทนา

เรื่องเล่าจากเกม : จุดเริ่มต้นแห่งสงครามลูกหนังนองเลือด
          ในที่สุด SB ครั้งที่ 44 ก็จบลงไปแล้ว จริงที่ว่าแฟนๆอเมริกันเกมหลายๆคนอาจจะผิดหวัง (เท่าที่สังเกตดู รู้สึกว่าแฟนๆชาวไทยจะชอบเด็กเท็กซัสนะ) แต่ไม่ว่าคุณจะผิดหวังหรือสมหวัง ผมเชื่อว่า SB ครั้งที่ 44 คงจะกลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าจดจำสำหรับคออเมริกันเกมครับ (เป็นหนึ่งในเกมที่ดูสนุกครับ เกมไม่ยืด และเวลาเดินเกือบตลอด) แต่เอาเถอะ แม้ว่า The Saints จะเริ่มได้ฉลองวันหยุดช่วงปิดฤดูกาลกันหมดแล้วแต่เรื่องเล่าจากเกมของเราก็ไม่หยุดตามแน่นอน
          และก็เพื่อเกาะกระแส SB ครั้งที่ 44 ผมจะพาทุกคนย้อนอดีตไปชมจุดเริ่มต้นของสงครามลูกหนังของเหล่าเกมเมอร์กันครับ แน่นอนว่าคงเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกเสียจาก...
          BLOOD BOWL!!!
การค้นพบของ Mungk
          ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อนานแสนนานมาแล้ว ณ สนามรบแห่งหนึ่ง...
          สงครามสิ้นสุดลงโดยหลงเหลือแค่เพียงผืนดินที่ถูกทาบทับไปด้วยร่างได้วิญญาณและอาบไปด้วยเลือด สงครามครั้งนี้ยังไร้ซึ่งวี่แววของธิดาแห่งชัยชนะ และที่สำคัญกว่านั้น ความสูญเสียที่มากมายเกินกว่าสงครามครั้งใดๆเป็นผลทำให้ผู้นำของทั้งสองฝ่ายต้องเปลี่ยนความคิดของตนและเริ่มหันหน้าเข้าหากันเพื่อตกลงยุติข้อพิพาทด้วยสัญญาสงบศึก ด้วยเหตุนี้เอง กองกำลังของทั้งสองฝ่ายจึงต้องลดอาวุธของตนลงและเริ่มปักหลักตั้งค่ายชั่วคราวขึ้นบนสนามรบนั้นเอง
          Mungk และสหายของเขาออกเดินไปท่ามกลางสนามรบอันเต็มไปด้วยซากศพของออร์คและคนแคระ และในที่สุด พวกเขาก็เดินมาจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง มันก็คือซากปรักหักพังซึ่งดูมีอายุเก่าแก่และถูกสร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ดินแดนแห่งนี้ยังคงสงบสุขและไร้ซึ่งสงคราม และก็เป็นที่นี่เองที่ Mungk และสหายของเขาเลือกที่จะใช้เป็นที่พักผ่อนในช่วงเวลาพักรบอันสุดแสนจะน่าเบื่อนี้
          ความเบื่อหน่ายอันสุดทนทำให้พวกออร์คเริ่มต้นขุดคุ้ยผืนดินโชกเลือดเบื้องล่างเผื่อว่าจะพบหนอนน้อยสักสองสามตัวมาเคี้ยวแก้เซ็ง และขณะที่ Mungk กำลังขุดคุ้ยดินใต้เท้าของตนอยู่นั้นเอง...
          ก๊อก!! 
อาวุธของเขาที่เขาใช้ขุดดินกระทบเข้ากับอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นของแข็ง...
          Mungk ลองพยายามที่จะดึงของสิ่งนั้นขึ้นมา... 
แต่ทว่าก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด มันหนักเกินไป
          Mungk ลองพยายามอีกครั้งด้วยการเคาะ... 
แต่ทว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเดิม
          และท้ายที่สุดเขาก็ลองกดลงไปบนของสิ่งนั้น...
          คลิก!!!
          ดูเหมือนว่าจะได้ผล เขาได้ยินเสียงกลไกบางอย่างเคลื่อนไหว
          และทันใดนั้นเอง...
          ผนังส่วนหนึ่งของซากปรักหักพังเก่าแก่ก็เปิดออก และสิ่งที่ถูกซ่อนไว้อยู่เบื้องหลังผนังนั้นก็คือห้องเก็บของที่มืดสนิทและเหม็นอับ
          แม้จะดูไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไหร่ แต่ทว่า Mungk ก็ก้าวผ่านเข้าไปในห้องนั้น เขาหวังอยู่ลึกๆว่าจะได้พบอะไรที่พอมีประโยชน์บางอย่าง เช่น ชุดเกราะหรือไม่ก็อาวุธ เขากำลังประสบปัญหาอย่างหนักเกี่ยวกับอาวุธยุโธปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการรบ คงจะดีถ้าเขาค้นพบอะไรบางอย่างในห้องนี้ อะไรก็ได้ที่ช่วยให้เขาไม่ต้องใส่ผ้าเตี่ยวตัวเดียวออกรบ
          และก็เช่นที่เขาหวังเอาไว้ ภายในห้องนั้นเองเขาค้นพบเกราะรูปร่างประหลาดที่ไม่เคยเห็นจากที่ใดมาก่อนแขวนอยู่บนผนังโดยรอบของห้องทรงโดมแห่งนี้ อันที่จริงเขาก็ควรจะดีใจ แต่ทว่า... 
ที่กลางห้องทรงโดมแห่งนี้เองที่ Mungk ค้นพบสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าชุดเกราะรอบๆตัวของเขา สิ่งที่น่าสนใจบางอย่างนั้นก็คือบันทึกเล่มหนึ่ง...
          บันทึกของเหล่านักรบแห่ง Amorica
 
สนามรบศักดิ์สิทธิ์
          เกือบจะในทันทีที่ Mungk ค้นพบบันทึกลึกลับ เหล่าผู้นำกองกำลังของทั้งสองฝ่ายก็หันมาสนใจกับเอกสารที่เพิ่งจะถูกค้นพบนี้ในทันที แต่ดูเหมือนว่าบันทึกเล่มนี้จะถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาโบราณที่ยากจะแปลความ พวกเขาจึงต้องวิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อค้นหาผู้ที่สามารถแปลความบันทึกเล่มนี้ได้
          และผู้ที่สามารถไขปริศนาที่ถูกบันทึกไว้ในเอกสารได้ก็คือคนแคระผู้หนึ่ง เขาคือผู้ที่อ้างว่าสามารถแปลความได้ทุกภาษาไม่ว่าจะเป็นภาษาที่ใช้ในปัจจุบันหรือภาษาโบราณที่ใครก็ไม่อาจแปลความได้แล้ว และด้วยเหตุที่ว่าไม่มีตัวเลือกอื่นใดที่ดีกว่า ผู้นำของกองกำลังทั้งสองจึงมอบหมายหน้าที่ให้คนแคระผู้เก่งกาจด้านภาษาผู้นี้ทำหน้าที่แปลความเอกสารนี้ไป
          หลังจากการแปลความผ่านไปได้สามวันเต็มๆ คนแคระก็สามารถแปลความเอกสารทั้งหมดได้สำเร็จและกล่าวรายงานต่อผู้นำของกองกำลังทั้งสอง ใจความที่ได้ก็คือ...
          บันทึกถูกเขียนขึ้นโดยภาษาของนักรบโบราณที่เรียกตนเองว่า Amorica เอบให้แด่เทพผู้ยิ่งใหญ่ในครั้งอดีตนามว่า Nuffle ภายในเล่มได้กล่าวถึงพิธีกรรมบางอย่างภายใต้การนำของเหล่านักบวชที่เรียกตนเองว่า Coach
          Coach คือหัวหน้านักบวชผู้ที่ทำหน้าที่เลือกนักรบผู้แข็งแกร่งมาสิบเอ็ดคน และนำนักรบผู้แข้งแกร่งเหล่านั้นมาต่อสู้กันบนลานประลองศักดิ์สิทธิ์ แต่ละฝ่ายจะมีเขตแดนของตน และสิ่งที่เหล่านักรบต้องทำก็คือต่อสู้เพื่อแย่งชิงกระเพาะปัสสาวะของหมู และนำกระเพาะปัสสาวะของหมูนั้นส่งไปให้ถึงสุดเขตแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งฝ่ายที่ทำได้ก็จะได้รับสิ่งที่เรียกว่า Points และเมื่อหมดเวลาการต่อสู้ ฝ่ายใดที่มี Points มากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ
          บางทีเทพ Nuffle คงต้องการช่วยพวกเราแก้ปัญหา นี่คือวิธีแก้ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ คนแคระผู้ที่ทำหน้าที่แปลเอกสารออกความเห็น
          และนี่เองก็คือจุดเริ่มต้นของการแข่งขันนัดแรกของ The Nuffle Amorica Football ยากมากที่จะบอกว่า ออร์ค หรือ คนแคระที่เป็นผู้ชนะในการแข่งขันนัดนั้นเพราะไม่ได้มีการบันทึกไว้อย่าเป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ แต่ที่รู้กันแน่ชัดก็คือ นี่ล่ะคือจุดเริ่มต้นของสงครามลูกหนังที่รู้จักกันดีในนาม
          Blood Bowl!!!!! 
กว่าที่จะเป็น Blood Bowl ในยุคปัจจุบัน
          แรกเริ่มเดิมทีนั้น  การแข่งขัน Blood Bowl ยังคงไม่ได้มีกฎเกณฑ์มากมายเช่นปัจจุบัน หรือถ้าจะให้ว่ากันตรงๆแล้ว เกมกีฬา Blood bowl ในช่วงแรกๆยังไม่มีรูปแบบของสนามอย่างเป็นทางการที่ถูกต้องตามกฎด้วยซ้ำ แต่ทว่าภายใต้การนำของ Roze-El ผู้นำลัทธิ THE NAF (หรือก็คือคนแคระผู้แปลบันทึกนั่นล่ะ) เกมกีฬา Blood Bowl ได้รับการปรับปรุงและพัฒนามาเรื่อย และความเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลที่สุดนั้นก็เกิดขึ้นจากฝีมือของ Jorge Hellhound
          Jorge Hellhound คือผู้ที่เสนอให้สมาคมผู้วิเศษช่วยกันคิดค้นเวทมนตร์ที่ช่วยให้ผู้คนมากมายทั่วทั้ง The New World สามารถที่จะรับชมการแข่งขัน Blood Bowl ได้ทั่วถึง และแน่นอนว่าเหล่าผู้วิเศษไม่ทำให้ Hellhound ผิดหวังแม้แต่น้อย เวทมนตร์ที่ผู้วิเศษคิดค้นขึ้นนั้นก็คือเวทมนตร์ที่รู้จักกันดีในนาม The Camra ซึ่งเป็นเวทมนตร์ที่จับยัดเอาวิญญาณตนหนึ่งเข้าไปไว้ในกล้องเพื่อเก็บภาพการแข่งขันเอาไว้ภายใน และหลังจากที่ได้ภาพมาแล้ว ผู้วิเศษก็จะทำหน้าที่แปลงภาพเหล่านั้นส่งเข้าสู่สมองของผู้รับโดยตรง
          แน่นอนว่าไอเดียสุดบรรเจิดของ Hellhound นั้นเป็นผลทำให้เกมกีฬา Blood Bowl ได้รับความนิยมแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ซึ่ง The Camra ก็ได้สร้างรายได้มหาศาลให้แก่ Hellhound สูงถึง 714 เหรียญทองนับตั้งแต่การถ่ายทอดครั้งแรก
          และในช่วงปี 2480 ซากปรักหักพังที่ถูกค้นพบโดย Mungk ก็ได้รับการปรับปรุงและสร้างใหม่เพื่อใช้เป็นสนามแข่งขันสำหรับการชิงแชมป์ The Blood Bowl Trophy รวมไปถึงการสร้าง The Hall of Frame ด้วย ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี กีฬา Blood Bowl ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว แต่ละเผ่าต่างก็มีทีมของตัวเอง และ The NAF ก็กอบโกยรายรับได้มากมายจากเหล่าสปอร์นเซอร์ที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่า...
          ในการแข่งขัน The Blood Bowl Trophy รอบชิงชนะเลิศระหว่าง The Darkside Cowboys กับ The Reikland Reavers ผู้นำของ The NAF ณ เวลานั้นซึ่งก็คือ Nikk Three Horn ได้ยักยอกเอาทรัพย์สินทั้งหมดของ The NAF ไปและหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับเชียร์ลีดเดอร์ของทีม The Cowboys ทั้งทีม หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็น Nikk Three Horn อีกเลย ว่ากันว่า Nikk ได้ขนทรัพย์สินที่ยักยอกไปทั้งหมด (รวมถึงเหล่าเชียร์ลีดเดอร์ด้วย) เอาไปเก็บไว้ในปราการลับของเขาที่ The World Edge Mountain แต่ทว่าข่าวลือก็ยังคงเป็นข่าวลือ เพราะไม่มีใครที่เคยคิดจะไปพิสูจน์ความจริงในข้อนี้
หลังเกิดเหตุการณ์คอรัปชั่นครั้งใหญ่ สมาคม The NAF ก็มาถึงจุดวิกฤตเพราะไม่ได้รับความไว้วางใจจากเหล่าผู้ให้การสนับสนุนอีกต่อไปก่อนที่จะล่มสลายไปในที่สุดเพราะวิกฤตทางการเงิน และด้วยเหตุที่ว่า The NAF คือผู้ให้การสนับสนุนหลักของทีมในลีกหลายๆทีม ทีมซึ่งเป็นลูกข่ายของ The NAF ก็ต้องประสบปัญหาวิกฤตทางการเงินไปตามๆกัน
และท่ามกลางวิกฤตทางการเงินนี้เอง ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ The Blood Bowl Trophy ก็ได้เริ่มต้นขึ้น NBC (Necromancers Broadcasting Circle) และ Orcidas ซึ่งเป็นสมาคมผู้ทำหน้าที่ถ่ายทอดสดเกม Blood Bowl รายใหญ่ที่สุดได้ร่วมมือกันก่อตั้งลีกการแข่งขัน The Chaos Cup Open Tournament ขึ้น และ Open Tournament นี้เองก็คือความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกมกีฬา Blood Bowl แปรสภาพกลายเป็นเช่นปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นระบบ Play-Off หรือ Three Weeks Tournament ก็เกิดขึ้นมาจาก Open Tournament ในครั้งนี้ทั้งนั้น แน่นอนว่ารวมไปถึงกฎเกณฑ์การเล่นอย่างเป็นทางการของเกมกีฬา Blood Bowl ด้วย
หลังจากที่ The Chaos Cup Open Tournament ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดีและสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้แก่ NBC และ Orcidas สถาบันการเงินต่างๆและสมาคมผู้สื่อข่าวต่างๆก็เริ่มก่อตั้ง Open Tournament ของตัวเองบ้าง และนี่เองก็คือจุดเริ่มต้นของยุคทองของเกมกีฬา Blood Bowl ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่