XFX GeForce 210 - กราฟฟิกการ์ด \"เล็กพริกขี้หนู\" ราคาสบายกระเป๋า

กระทู้สนทนา

ถ้าจะกล่าวถึงชื่อเสียงของ XFX หลายคนโดยเฉพาะเหล่าบรรดาเกมเมอร์ฮาร์ดคอร์หัวใจสีเขียวคงรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะค่ายนี้เป็นค่ายที่อยู่คู่กับ NVIDIA มาช้านาน (ถึงช่วงหลังๆ จะมีใจให้กับรายอื่นเล็กน้อยก็เถอะ แฮะๆ) ซึ่งด้วยเอกลักษณ์การออกแบบการ์ดที่ดูดุดันตามสไตล์เกมเมอร์ ทำให้กราฟฟิกการ์ดแบรนด์นี้สามารถทำตลาดโดยเฉพาะในวงการเกมพีซีได้ค่อนข้างโดดเด่นมาก แต่ทั้งนี้ใช่ว่าทาง XFX จะมุ่งเน้นพัฒนาแต่กราฟฟิกการ์ดเพื่อคอเกมเมอร์ที่มีราคาค่าตัวสูงๆ เพียงอย่างเดียว เพราะปัจจุบันกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปรวมถึงกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์มาทำเป็น Home Theater ขนาดย่อมนั้นมีมากพอกับกลุ่มฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ ทำให้ทาง XFX หันมาผลิตการ์ดขนาดเล็กราคาย่อมเยาจาก NVIDIA บ้าง อย่างวันนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านทุกท่านไปชมการ์ดรุ่นเล็กแบบ Low Profile นามว่า GeForce 210 กันครับ

Specifications

จากข้อมูลด้านบนจะพบว่าเจ้ากราฟฟิกการ์ด XFX GeForce 210 เป็นการ์ดที่มี Shaders Core เพียง 16 ยูนิตเท่านั้น อีกทั้งหน่วยความจำบนตัวการ์ดยังให้มาเป็น DDR2 512 MB (แต่มีระบบ TurboCache ที่สามารถแชร์หน่วยความจำระบบมาได้ถึง 1 GB) และสุดท้าย GPU Clock ให้มาถึง 589 MHz

ซึ่งถ้าให้ผมสรุปตั้งแต่เมื่อผมอ่านสเป็กของเจ้าการ์ดตัวนี้จบ ผมบอกได้คำเดียวครับว่า การ์ดตัวนี้เป็นการ์ดขนาดย่อมจริงๆ เพราะถ้านำไปเล่นเกมสามมิติสเป็กสูงๆ คงมีปัญหาแน่นอน แต่ทั้งนี้ถ้าเราสังเกตดีๆ ใน GPU-Z ได้บอกไว้ว่ากราฟฟิกการ์ดตัวนี้มีระบบ CUDA และ DirectCompute 4.1 แนบมาให้ด้วย ซึ่งก็หมายความว่า ผู้ใช้งานที่ใช้งานโปรแกรมที่รองรับระบบดังกล่าวอย่าง Adobe Photoshop CS4 หรือ Badaboom ก็สามารถเรียกใช้ระบบเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน

Unbox

รูปหน้ากล่องยังคงมาพร้อมเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ XFX คือเน้นสีเขียวและดำเป็นหลัก

ด้านหลังกล่องมีรายละเอียดของคุณสมบัติตัวการ์ดต่างๆ มากมาย

อุปกรณที่ให้มากับตัวการ์ดจากซ้าย: แผ่นไดร์วเวอร์ติดตั้งจำนวน 1 แผ่น, คู่มือการใช้งานจำนวน 2 เล่มและใบรับประกับจำนวน 1 ใบ

ตัวการ์ดมีขนาดเล็ก และมีลักษณะเป็นแบบ Low Profile ซึ่งสามารถใส่ในเคสขนาดเล็กกว่ามาตราฐานได้ อกีทั้งพัดลมที่ให้มาก็มีแรงลมค่อนข้างแรงเลยทีเดียว

ตัวการ์ดมีขนาดเล็ก และมีลักษณะเป็นแบบ Low Profile ซึ่งสามารถใส่ในเคสขนาดเล็กกว่ามาตราฐานได้
อีกทั้งพัดลมที่ให้มาก็มีแรงลมค่อนข้างแรงเลยทีเดียว

แผ่น PCB ของการ์ดตัวนี้ยังคงเอกลักษณ์ XFX ไว้คือใช้สีดำด้านเป็นหลัก

Connector Output ต่างๆ ให้มาตอบสนองกลุ่ม HTPC อย่างมากเพราะมีทั้ง D-Sub (Analog) , HDMI และ DVI

กราฟฟิกการ์ดตัวนี้ใช้เม็ดแรมจาก SAMSUNG จำนวน 4 ตัว

ขอโชว์ความบางของตัวการ์ดอีกหนึ่งมุม

Benchmark

ชุดคอมพ์ที่ใช้ทดสอบ
CPU: Intel Core 2 Duo E7300 2.66 GHz @ 4.00 GHz
CPU Cooler: Thermalright Ultra 120 Extreme
Mainboard: ASUS Striker Extreme
VGA Card: XFX GeForce 210
RAM: 4GB Kingston ValueRAM
HDD: Western Digital Caviar Blue 640GB
PSU: Tagan Bz Series 700W
OS: Windows 7 x64

Programs Benchmark

3DMark 05

Score = 4,732

3DMark 06

Score = 2,214 / SM 2.0 Score = 813 / HDR-SM 3.0 = 750 / CPU Score = 3,580

Adobe Photoshop CS4 CUDA Benchmark

ทดสอบระบบ CUDA พบว่าการใช้งานค่อนข้างลื่นไหลบนภาพที่มีความละเอียดไม่มาก แต่ถ้าความละเอียดของภาพมากกว่า 5MP ขึ้นไปอาจมีอาการหน่วงและค้างบ้างเป็นบางครั้ง

ทดสอบระบบ CUDA พบว่าการใช้งานค่อนข้างลื่นไหลบนภาพที่มีความละเอียดไม่มาก แต่ถ้าความละเอียดของภาพมากกว่า
5MP ขึ้นไปอาจมีอาการหน่วงและค้างบ้างเป็นบางครั้ง

Blu-Ray Benchmark with MPEG 4 AVC (1920x1080 - 28.70 Mbps) and NVIDIA PureVideo HD Technology

การชมภาพยนตร์ลื่นไหลเป็นอย่างมาก ไม่มีปัญหารับประกันเล่นได้แน่นอน ชัวร์!!!

Games Benchmark

ก่อนจะเข้าสู่การทดสอบเกมออฟไลน์ 3 มิติผมขอบอกกันตรงๆ ก่อนเลยครับว่า กราฟฟิกการ์ดตัวนี้ค่อนข้างมีข้อจำกัดในการแสดงผลเกมส์ออฟไลน์สามมิติในปัจจุบันมาก แต่ก็ใช่ว่าจะเล่นไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นผลการทดสอบที่ท่านจะได้ชมต่อไปนี้จะเป็นในลักษณะทดสอบเพื่อหาค่าที่เหมาะสมที่สุดที่สามารถรันเกมได้อย่างราบลื่น ซึ่งถ้าท่านผู้อ่านท่านใดใช้กราฟฟิกการ์ดรุ่นดังกล่าวอยู่ก็สามารถปรับแต่งตามกระผมได้เลยครับ

Colin McRae\'s DiRT 2
1280x800, 1440x900

สำหรับผู้อ่านที่ต้องการใช้ความละเอียดจอระดับนี้ผมว่าท่านควรปรับ Choose Preset ไปที่ Ultra Low อย่างเดียวครับ แล้วท่านผู้อ่านจะได้เฟรมเรทที่ประมาณ 28 fps ซึ่งลื่นไหลพอที่ท่านจะเล่นได้ตลอดทั้งเกม แต่ถ้าท่านผู้อ่านปรับค่า Choose Preset ตั้งแต่ Low ขึ้นไป ท่านผู้อ่านจะต้องพบกับคำว่ากระตุกจนเวียนหัวอย่างแน่นอน

1024x768, 800x600

สำหรับความละเอียดหน้าจอขนาดนี้ท่านผู้อ่านสามารถปรับ Choose Preset ไปที่ Medium ได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะได้เฟรมเรทประมาณ 19-22 fps ซึ่งยังคงกระตุกอยู่แต่ก็ยังสามารถเล่นได้ไม่น่าเกลียดมากนัก

Left4Dead 2

1440x900 Shader Very High, Other Settings are Max Setting

สำหรับเกม Left4Dead 2 การตั้งความละเอียดที่สูงถึง 1440x900 พวกกับค่า Graphic Option ที่สูงทั้งหมดบนการ์ดตัวนี้จะทำให้ได้เฟรมเรทอยู่ที่ Min=13 fps, Max=23 fps, และ Avg=18 fps ซึ่งบอกได้เลยครับว่าเล่นไม่ได้อย่างแน่นอน

1440x900 Shader Medium, Other Settings are Max Setting

ลองลดตัว Shader ลงมาเป็น Medium นอกนั้นปรับสูงสุดทั้งหมดพบว่าคะแนนเฟรมเรทจะพุ่งสูงขึ้นมาอยู่ที่ Min=24 fps, Max=42 fps, และ Avg=31 fps ซึ่งสามารถเล่นได้ราบลื่น ไม่มีปัญหาใดๆ

1280x768 Shader Very High, Other Settings are Max Setting

สำหรับการตั้งค่านี้ผมบอกได้เลยครับว่าเป็นการตั้งค่าที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่อยากใช้กราฟฟิกการ์ดตัวนี้เล่นเกมนี้แบบ All Very High เพราะด้วยค่าเฟรมเรทที่สูงถึง Min=18 fps, Max=34 fps, และ Avg=29 fps ซึ่งอาจเป็นค่าที่ไม่มากแต่ความลื่นอยู่ในระดับดีเลยทีเดียว

The Last Remnant Benchmark

1280x800

ด้วยการที่ตัวเกมไม่มีออฟชั่นปรับค่ากราฟฟิก ทำให้ที่ค่าความละเอียดกราฟฟิกระดับนี้ผมคงบอกได้คำเดียวว่าไม่ผ่านสำหรับกราฟฟิกการ์ดนี้ เพราะคะแนนเฟรมเรทเฉลี่ยที่ได้อยู่ที่ 16.66 fps แถมระหว่างการทดสอบยังพบแต่ความกระตุกจนเวียนหัวอีกด้วย เพราะฉะนั้นท่านผู้ใดกำลังคิดจะซื้อกราฟฟิกการ์ดตัวนี้มาเล่นเกมๆ นี้ที่ความละเอียดสูงๆ จงเลิกคิดไปได้เลยครับ

1024x768

สำหรับความละเอียดนี้เป็นความละเอียดเดียวที่สามารถรันตัว Benchmark นี้ผ่านอย่างสบายๆ เพราะด้วยเฟรมเรทเฉลี่ยที่อยู่ที่ 23 fps ที่เรียกได้ว่าถึงไม่ลื่นแต่ก็ไม่ขี่เหร่มากนัก ซึ่งถ้าต้องการความลื่นไหลมากกว่านี้ท่านผู้อ่านสามารถปรับความละเอียดให้ต่ำลงมากว่านี้ก็ได้ครับ

Devil May Cry 4

DX10 - 1280x800

DX10 - 1024x768

สำหรับเกม Devil May Cry 4 ผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาวเหมือนเกมอื่นๆ เพราะถ้าดูจากผลทดสอบรวมถึงสายตาของกระผม ผมบอกได้คำเดียวครับว่า ผ่านฉลุยหมดตั้งแต่ความละเอียด 1024x768 - 1280x 800 ที่ค่ากราฟฟิกแบบ All High Setting

TEMP

มาที่ในส่วนของอุณหภูมิของการ์ดระหว่างใช้งานบ้างจะพบว่า ระหว่างใช้งานทั่วๆ ไป เช่น ชมภาพยนตร์, พิมพ์เอกสาร, หรือฟังเพลง อุณหภูมิของการ์ดจะเฉลี่ยอยู่ที่ 48-52 องศาเซลเซียส ส่วนเมื่อใช้งานในโหมดสามมิติเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง อุณหภูมิของการ์ดจะอยู่ที่ 60-65 องศาเซลเซียสแบบนิ่งๆ ซึ่งจากผลทดสอบผมบอกได้คำเดียวครับว่า เจ้า XFX GeForce 210 ค่อนข้างเย็นเอาเรื่องทีเดียว

Conclusion

ก็อย่างที่ผมได้จั่วหัวไว้ว่า "เล็กพริกขี้หนู" ก็คงเหมาะสมอย่างยิ่งแล้วครับสำหรับเจ้าการ์ด XFX GeForce 210 เพราะด้วยราคาที่ไม่เกิน 2,000 บาท แต่ประสิทธิภาพที่ได้ถ้ารู้จักปรับแต่งก็สามารถใช้งานได้ไม่ต่างอะไรกับกราฟฟิกการ์ดราคาแพง ซึ่งถ้ามองในมุมมองของฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ การ์ดตัวนี้อาจจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครเป็นกลุ่มคนใช้งานทั่วไปหรือคนที่รักใน HTPC กราฟฟิกการ์ดตัวนี้คงจะถูกใจใช่เลย เพราะอย่างที่ทราบกันว่ากราฟฟิกการ์ดตัวนี้รองรับฟังค์ชั่น CUDA และ PureVideoHD อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจากการทดสอบก็สามารแสดงประสิทธิภาพในส่วนนี้ได้อย่างดีเยี่ยม และสุดท้ายถ้าถามว่าถ้าจะซื้อกราฟฟิกการ์ดตัวนี้มาใช้งานจะคุ้มไหม ผมก็ขอตอบเลยครับว่า ถ้าคุณเป็นพวกชอบเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจผมว่ามองข้ามไปได้เลยครับ แต่ถ้าเป็นคุณเป็นคนที่ชอบทำงานออฟฟิซหรือชอบชมภาพยนตร์ Hi-Def 1080p เป็นหลัก ผมว่ากราฟฟิกการ์ดตัวนี้ดูจะเหมาะสมเป็นคู่ของคุณอย่างแน่นอน

น้องเล็กจ๋าา..พี่ใหญ่จะปกป้องน้องเองนะ