ชุดที่ 1 เกี่ยวกับ Windows Explorer เส้นทางคือ User Configuration > Administrative Template > Windows Components > Windows Explorer
1. Folder Options หาย แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Removes the Folder Options menu item from the Tools menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
2. ไม่มีปุ่ม Search ปรากฏใน Windows Explorer หรือ My Computer แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Search button from Windows Explorer แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
3. คลิกขวาที่ My Computer แล้วไม่มี Manage หรือ Map Network Drive หรือ Disconnect Network Drive ให้เลือก แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove "Map Network Drive" and "Disconnect Network Drive" แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
4. มองไม่เห็น Drive ใน My Computer แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Hide these specified drives in My Computer แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
ชุดที่ 2 เกี่ยวกับ Start Menu and Taskbar เส้นทางคือ User Configuration > Administrative Template > Start Menu and Taskbar
1. มองไม่เห็นปุ่ม Run หรือปุ่ม Logoff หรือปุ่ม Shut Down ที่ Start Menu แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Run menu from Start Menu และบรรทัด Remove Logoff on the Start Menu และบรรทัด Remove and prevent access to the Shut Down command แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
2. คลิกขวาที่ Taskbar แล้วเลือก Properties ไม่ได้ แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Prevent changes to Taskbar and Start Menu Settings แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
3. คลิกขวาที่ Taskbar แล้วไม่เห็นอะไรเลย แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove access to the context menus for the taskbar แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
4. ข้อความ Group similar taskbar buttons หายไป แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Prevent grouping of taskbar items แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
5. ข้อความ Lock Taskbar เป็นสีเทา แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Lock the Taskbar แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
6. เปลี่ยน Start Menu เป็นแบบ XP-Style ไม่ได้นอกจากแบบ Classic-Style เท่านั้น แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Force classic Start Menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
7. โปรแกรมที่เพิ่งใช้งานไม่ปรากฏใน Start Menu แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove frequent programs list from the Start Menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
8. ปุ่ม All Programs หายจาก Start Menu แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove All Programs list from the Start menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
1. Desktop โล่ง แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Hide and disable all items on the desktop แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
2. My Documents หรือ My Computer หรือ Recycle Bin หายจาก Desktop แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove My Documents icon on the desktop และบรรทัด Remove My Computer icon on the desktop และบรรทัด Remove Recycle Bin icon from desktop แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
3. คลิกขวาที่ My Documents แล้วไม่มี Properties ให้เลือก แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Properties from the My Documents context menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
4. คลิกขวาที่ My Computer > Properties แล้วไม่แสดงผล แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Properties from the My Computer context menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
5. คลิกขวาที่ Recycle Bin แล้วไม่มี Properties ให้เลือก แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Properties from the Recycle Bin context menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
ชุดที่ 4 เกี่ยวกับ Control Panel เส้นทางคือ User Configuration > Administrative Template > Control Panel
1. เข้า Control Panel ไม่ได้ แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Prohibit access to the Control Panel แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
2. เปลี่ยนการแสดงผล Control Panel คืนเป็นแบบ XP-Style ไม่ได้นอกจากแบบ Classic-Style เท่านั้น แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Force classic Control Panel Style แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
ชุดที่ 9 ดับเบิ้ลคลิกที่ Drive แล้วขึ้น Open With หรือ Search หรือโปรแกรมอื่นๆ เช่น ACDSee
เจ้าอาการนี้เกิดจากไวรัสมันเคยสั่งให้ Windows เปิดด้วยโปรแกรมที่มันจัดไว้ให้ แต่หลังจากที่ไวรัสนั้นโดนฆ่าให้ตาย ในขณะเดียวกันเจ้าโปรแกรมที่ว่านั้นก็ถูกกำจัดออกไปจากเครื่องด้วย แต่ใน Drive ยังคงมีไฟล์ Autorun.inf ค้างไว้อยู่ เจ้า Windows ก็พยายามหาโปรแกรมที่เขียนบอกไว้ในไฟล์ Autorun.inf แต่ก็หาไม่เจอ (เพราะถูกลบทิ้งไปแล้ว) งงตัวเองไปพักนึง จึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ว่าแล้วก็เลยสั่งให้เปิดหน้าต่าง Open With ขึ้นมาแทน
แก้โดยการลบไฟล์ที่ชื่อ Autorun.inf นี้ทิ้งไปเสีย ชีวิตก็คงเป็นปกติขึ้น หรือไม่ก็ต้องเข้าไปที่ Start Menu > Run… จากนั้นพิมพ์ข้อความ regsvr32 /i shell32.dll แล้ว Enter (ตามรูป)
แล้วจะปรากฏหน้าต่างข้อความ “DllRegisterServer and DllInstall in shell32.dll succeeded” (ตามรูป) เพื่อยืนยันว่าตอนนี้เจ้า Windows มันหายงงแล้ว
อีกอันนึงที่ใครต่อใครมักจะเจอคือ ชุดที่ 10 เวลาเปิด IE คือ ที่ Title bar มีข้อความปรากฏขึ้นเป็นชื่อต่างๆ กัน เช่น Hacked by 1Byte หรือ Hacked by แล้วตามด้วยชื่ออื่นๆ แล้วแต่ผู้เขียนไวรัสกำหนดไว้ วิธีการเอาออกก็คือ เข้าไปที่ Start Menu > Run… จากนั้นพิมพ์ข้อความ regedit (ตามรูป)
แล้วเข้าไปที่ HKEY_CURRENT_USER > Software > Microsoft > Internet Explorer > Main จากนั้น Delete ที่บรรทัด Window Title ตอบ Yes เพียงเท่านี้ ข้อความแปลกๆ ที่ปรากฏบน Title bar ของ IE ก็จะหายไปแล้ว
TIP-TODAY – จะเช็ดขี้ไวรัส แล้วตัดซากเน่าออกจาก XP ได้อย่างไร
(เรียบเรียงโดย นายบิ๊กเสี่ยว BIGSIAW)
ถ้าคุณทำได้ทั้ง 3 ข้อนี้ รับรองว่า “การมีเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณก็จะทำให้คุณมีความสุขกับมันเป็นแน่แท้”... มาว่ากันทีละข้อเลยดีกว่าครับ
ทำอย่างไรจึงจะป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราให้ห่างจาก “ไวรัส”
เทคนิคของผมไม่มีอะไรมากครับ
ถ้าโดนไวรัสแล้วจะทำอย่างไร
จะแก้อาการเครื่องให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างไร
นี่คือหน้าตาเจ้า ASO v2.01.4
ไฟล์รูปภาพ : (192 Kb.)
PIC_A45_K4MDK2.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
หลังจากที่ติดตั้งเจ้า ASO แล้ว เมื่อเรียกใช้ครั้งแรก มันจะทำ Backup Registry ก่อนเสมอ ผมแนะนำว่า “ต้องทำ” ครับ เพราะ Registry สำคัญมาก ถ้าตั้งค่าแบบมั่วๆ อาจจะทำให้บูตเครื่องแล้วเข้า Windows ไม่ได้เลยก็เป็นได้ ดังนั้นตอนเรียกครั้งแรก แล้วมันทำ Backup Registry ให้รอก่อนประมาณ 3-4 นาทีก็คงเสร็จเรียบร้อย
การกำจัดขยะใน System ให้ทำขั้นตอนตามรูปครับ
ไฟล์รูปภาพ : (288 Kb.)
PIC_A45_I4MTQ1.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
คลิก Next
ไฟล์รูปภาพ : (86 Kb.)
PIC_A45_GXYTI2.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
เลือก Drive ที่ต้องการกำจัดขยะ (ในที่นี้เลือกเฉพาะ C: เท่านั้น)
ไฟล์รูปภาพ : (87 Kb.)
PIC_A45_A2YTE1.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
เลือกนามสกุลที่จะให้โปรแกรมถือว่า “เป็นขยะ” ให้คลิก Next
หมายเหตุ ถ้านามสกุลที่มีใน List ไม่เพียงพอ สามารถกำหนดเพิ่มเติมได้ โดยคลิกที่ Add และใส่นามสกุลเพิ่มเติมตามต้องการ (ในที่นี้ไม่ได้เพิ่มเติม และไม่ได้เอาสิ่งใดออก)
ไฟล์รูปภาพ : (90 Kb.)
PIC_A45_K5YTQZ.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
คลิก Next ต่อได้เลย
ไฟล์รูปภาพ : (84 Kb.)
PIC_A45_CWNTA5.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
ถ้าไม่ต้องการให้ ASO ค้นหาขยะใน Folder ใด ก็สั่งโปรแกรมได้ โดยคลิกที่ Add จากนั้นระบุ Folder ที่ไม่ต้องการให้มันค้นหาขยะ (ในที่นี้ไม่ได้สั่งเพิ่มเติม) ถ้าให้มันค้นหาทุก Folder ก็คลิก Next ได้เลย
ไฟล์รูปภาพ : (84 Kb.)
PIC_A45_EWNZC2.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
รอจนครบ 100%
ไฟล์รูปภาพ : (83 Kb.)
PIC_A45_MXMDI2.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
หลังจากค้นหาจนครบ 100% แล้วมันจะรายงานผลว่า เจอสิ่งใดบ้าง ถ้าต้องการดูรายละเอียดตัวใด ให้ดับเบิ้ลคลิกที่บรรทัดนั้น ในที่นี้ไม่ดูให้คลิกที่ Next ได้เลย
ไฟล์รูปภาพ : (87 Kb.)
PIC_A45_Q2MTMY.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
ถึงตอนนี้ ASO จะรายงานต่อว่า จะทำอย่างไรกับไฟล์ขยะที่ค้นหาเจอ ในที่นี้คือ ทิ้งมันลงสู่ Recycle Bin
ไฟล์รูปภาพ : (88 Kb.)
PIC_A45_A2NZU2.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
รอจนครบ 100% แล้วคลิก Finish
ไฟล์รูปภาพ : (83 Kb.)
PIC_A45_A1NTG3.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
การกำจัดขยะใน Registry ให้ทำขั้นตอนตามรูป
ไฟล์รูปภาพ : (288 Kb.)
PIC_A45_M4MDG3.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
คลิก Next
ไฟล์รูปภาพ : (92 Kb.)
PIC_A45_AXMJA4.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
คลิก Next
ไฟล์รูปภาพ : (88 Kb.)
PIC_A45_YWMJG2.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
คลิก Next
ไฟล์รูปภาพ : (94 Kb.)
PIC_A45_Y2NJI1.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
รอให้ ASO ค้นหาจนเสร็จ
ไฟล์รูปภาพ : (89 Kb.)
PIC_A45_YZNDM2.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
ASO รายงานขยะใน Registry ที่ค้นหาเจอ
ตรงนี้สำคัญมาก ผมแนะนำว่าให้คลิกที่ข้อความ “Start System files Backup”
ไฟล์รูปภาพ : (87 Kb.)
PIC_A45_YZMZK1.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
รอให้ ASO ทำจนครบ 100%
ไฟล์รูปภาพ : (85 Kb.)
PIC_A45_M1NJQ2.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
เสร็จสิ้นกระบวนการกำจัดขยะใน Registry ให้คลิกที่ Finish
ไฟล์รูปภาพ : (84 Kb.)
PIC_A45_C3NJC2.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
ด้านล่างนี้เป็นของแถมของ ASO ครับ เพื่อปิด Autorun หรือ Auto start เวลาใส่แผ่น CD/DVD หรือเวลาเสียบ USB Memory หรือเวลาเสียบ HDD External เพื่อกันไวรัสที่มากับแผ่นคาราโอเกะ แผ่นหนัง หรือไวรัสที่มากับ Thumb/Flash/Handy Drive/USB Memory/ HDD External โดยคลิกตามรูป
ไฟล์รูปภาพ : (282 Kb.)
PIC_A45_M2MZQ4.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
ไฟล์รูปภาพ : (85 Kb.)
PIC_A45_U4NZQW.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
ติ๊กพวก Auto start ออกให้หมด เพียงเท่านี้ ก็จะหมดห่วงเรื่องการเรียกเล่นแบบอัตโนมัติ (Autorun) จาก Thumb/Flash/Handy Drive/USB Memory/ HDD External แล้ว ฉะนั้นโอกาสการติดไวรัสก็จะลดน้อยลงไปอีก
ก่อนที่จะ Backup Registry ก็ควรจะ Defrag Registry เสียก่อน ด้วย ASO เช่นเคยครับ คลิกตามรูป
ไฟล์รูปภาพ : (283 Kb.)
PIC_A45_KZMJQZ.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
คลิก Next
คลิก Start
รอให้ ASO ทำ Defrag ในส่วนของ Registry (สีพื้นจะเปลี่ยนเป็นสีเทา จนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ)
ไฟล์รูปภาพ : (125 Kb.)
PIC_A45_IYYTC4.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
ก่อนที่จะคลิก Restart ต้องมั่นใจก่อนว่า ไม่มีงานที่ทำค้างอยู่และยังไม่ได้ Save นะ เดี๋ยวเหนื่อยต้องมาทำซ้ำอีกรอบ จะหาว่าไม่เตือน หากมั่นใจก็คลิก Restart ได้เลย เพราะการ Defrag จะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อมีการ Restart เครื่องเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น
การ Backup Registry ให้ทำตามรูป
ไฟล์รูปภาพ : (290 Kb.)
PIC_A45_I5YDK2.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
คลิกตามรูป
ไฟล์รูปภาพ : (80 Kb.)
PIC_A45_Q2NTE5.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
คลิก Start Backup
คลิก Start
รอจนเสร็จ (สีพื้นจะเปลี่ยนเป็นสีเทา จนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ)
ไฟล์รูปภาพ : (177 Kb.)
PIC_A45_C5YTYZ.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
หลังจากเสร็จก็จะมีการรายงานว่า “Backup Completed Successfully” และตำแหน่งที่เก็บไฟล์ที่ทำ Backup คือ C:WINDOWSrepair
การ Restore Registry ให้ทำตามรูป
ไฟล์รูปภาพ : (290 Kb.)
PIC_A45_E3NZI2.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
คลิกตามรูป
ไฟล์รูปภาพ : (80 Kb.)
PIC_A45_U4YTQ4.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
เลือก Registry ที่ต้องการ ในที่นี้เลือก Nov, 15 2007 เวลา 01:08 PM จากนั้น คลิกที่ Start Restore
จะมีหน้าต่างเตือนขึ้นมา ต้องมั่นใจว่าไม่มีงานที่ทำค้างไว้อีกเช่นกัน จากนั้นคลิกที่ Yes แล้วรอสักครู่ เครื่องจะ Restart แล้วจัดการคืนค่ารีจิสตรี้ (Restore Registry) ตามไฟล์ที่มีการ Backup ไว้ในวันที่ Nov, 15 2007 เวลา 01:08 PM
ไฟล์รูปภาพ : (81 Kb.)
PIC_A45_CYYTA3.png
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
ขั้นตอนง่ายๆ ของการใช้งานเจ้า ASO ก็ได้กล่าวไปบ้างแล้ว แต่ถ้าหากค้นกันจริงๆ แล้วจะพบว่า ASO มันยังมีอะไรต่อมิอะไรให้เลือกเล่น เลือกใช้งานอีกเยอะทีเดียว เจ้า ASO นี้ ในสายตาของผมแล้ว ถือว่าเป็น “สุดยอดของโปรแกรม System & Registry Manager” เลย ใครว่างๆ ก็หาลองมาใช้ดูนะครับ แล้วจะได้มั่นใจในระดับหนึ่งว่า “คุณจะสามารถกู้ระบบคืนกลับมาได้อย่างง่ายดายจริงๆ” และขอย้ำอีกนิดนะครับว่า เจ้า ASO นี่ไม่ใช่โปรแกรมเทพคุ้มครองท่าน ยังไงเสีย คุณก็ยังต้องอาศัย 10 ข้อ (การป้องกัน) ร่วมกันผนึกกำลังทำงานเป็นทีมอยู่ดี เพื่อการใช้งานที่ราบรื่น และสุดแสนจะรื่นรมย์เวลาได้จับเมาส์
ผมก็ขอกล่าวซ้ำอีกนะครับว่า ผมไม่ได้เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องคอมพิวเตอร์หรือเรื่องไวรัสเลย ดังนั้นเวลาโดนไวรัส หรือโดนของแปลก จึงตอบได้ไม่ชัดเจนนัก และได้ลองค้นหาวิธีการแก้ค่า Registry กลับคืนมาดังเดิม ตามอาการแปลกๆ ที่เจอกันบ่อยๆ ดังนี้ครับ
คำสั่งที่จะเข้าไปจัดการตั้งค่า Configuration ของเครื่อง ซึ่งจะมีผลโดยตรงกับ Registry ที่ถูกแก้ไขโดยไวรัสที่สำคัญๆ ได้แก่
ทั้ง 4 บรรทัดนี้สามารถ พิมพ์ที่ Start Menu > Run… ได้เลย
ในที่นี้จะขอกล่าวถึง “gpedit.msc” ก่อนดังนี้
ถ้าที่ Start Menu ไม่มีปุ่ม Run… ก็อาจจะเปลี่ยนตำแหน่งไปเรียกไฟล์ gpedit.msc โดยตรงที่ C: > WINDOWS > system32 ตามรูป
ไฟล์รูปภาพ : (106 Kb.)
PIC_A45_KXMTK5.jpg
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
หลายคนหลายท่านได้ใช้โปรแกรมกำจัดไวรัสทิ้งไปแล้ว แต่อาการแปลกๆ ของ Windows ยังคงเหลืออยู่ ทั้งนี้ก็เนื่องมากจากเจ้าวายร้ายไวรัสก็จะเข้ามาจัดการตรงส่วนนี้ด้วยนั่นเอง
เราลองมาไล่ดูอาการแปลกๆ ที่ Hot-Hit ติดอันดับกันบ้างว่ามีอะไรกันบ้าง โดยในที่นี้ผมได้แยกออกเป็นส่วนๆ ตามการตั้งค่าใน User Configuration > Administrative Template ดังนี้
ชุดที่ 1 เกี่ยวกับ Windows Explorer
เส้นทางคือ User Configuration > Administrative Template > Windows Components > Windows Explorer
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Removes the Folder Options menu item from the Tools menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Search button from Windows Explorer แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove "Map Network Drive" and "Disconnect Network Drive" แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Hide these specified drives in My Computer แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Hardware tab และบรรทัด Remove Security tab แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Do not move deleted files to the Recycle Bin แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Display confirmation dialog when deleting files แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
หลังจากตั้งค่าทั้ง 7 ข้อนี้แล้วจะได้ผลลัพธ์ดังรูป
ไฟล์รูปภาพ : (97 Kb.)
PIC_A45_E2MDG3.jpg
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
หมายเหตุ ปกติแล้ว ทุกค่าใน Configuration จะถูกตั้งไว้ที่ “Not configured”
ชุดที่ 2 เกี่ยวกับ Start Menu and Taskbar
เส้นทางคือ User Configuration > Administrative Template > Start Menu and Taskbar
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Run menu from Start Menu และบรรทัด Remove Logoff on the Start Menu และบรรทัด Remove and prevent access to the Shut Down command แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Prevent changes to Taskbar and Start Menu Settings แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove access to the context menus for the taskbar แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Prevent grouping of taskbar items แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Lock the Taskbar แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Force classic Start Menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove frequent programs list from the Start Menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove All Programs list from the Start menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
หลังจากตั้งค่าทั้ง 8 ข้อนี้แล้วจะได้ผลลัพธ์ดังรูป
ไฟล์รูปภาพ : (109 Kb.)
PIC_A45_K2MZKW.jpg
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
หมายเหตุ ปกติแล้ว ทุกค่าใน Configuration จะถูกตั้งไว้ที่ “Not configured”
ชุดที่ 3 เกี่ยวกับ Desktop
เส้นทางคือ User Configuration > Administrative Template > Desktop
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Hide and disable all items on the desktop แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove My Documents icon on the desktop และบรรทัด Remove My Computer icon on the desktop และบรรทัด Remove Recycle Bin icon from desktop แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Properties from the My Documents context menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Properties from the My Computer context menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Properties from the Recycle Bin context menu แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
หลังจากตั้งค่าทั้ง 5 ข้อนี้แล้วจะได้ผลลัพธ์ดังรูป
หมายเหตุ ปกติแล้ว ทุกค่าใน Configuration จะถูกตั้งไว้ที่ “Not configured”
ชุดที่ 4 เกี่ยวกับ Control Panel
เส้นทางคือ User Configuration > Administrative Template > Control Panel
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Prohibit access to the Control Panel แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Force classic Control Panel Style แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
หลังจากตั้งค่าทั้ง 2 ข้อนี้แล้วจะได้ผลลัพธ์ดังรูป
หมายเหตุ ปกติแล้ว ทุกค่าใน Configuration จะถูกตั้งไว้ที่ “Not configured”
ชุดที่ 5 เกี่ยวกับ Add or Remove Programs
เส้นทางคือ User Configuration > Administrative Template > Control Panel > Add or Remove Programs
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Add or Remove Programs แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Hide Change or Remove Programs page แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Hide Add/Remove Windows Components page แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
หลังจากตั้งค่าทั้ง 3 ข้อนี้แล้วจะได้ผลลัพธ์ดังรูป
หมายเหตุ ปกติแล้ว ทุกค่าใน Configuration จะถูกตั้งไว้ที่ “Not configured”
ชุดที่ 6 เกี่ยวกับ Display
เส้นทางคือ User Configuration > Administrative Template > Control Panel > Display
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Hide Add/Remove Windows Components page แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Hide Add/Remove Windows Components page แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Hide Add/Remove Windows Components page แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Hide Add/Remove Windows Components page แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
หลังจากตั้งค่าทั้ง 4 ข้อนี้แล้วจะได้ผลลัพธ์ดังรูป
หมายเหตุ ปกติแล้ว ทุกค่าใน Configuration จะถูกตั้งไว้ที่ “Not configured”
ชุดที่ 7 เกี่ยวกับ System
เส้นทางคือ User Configuration > Administrative Template > System
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Prevent access to the command prompt แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Prevent access to registry editing tools แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Turn off Autoplay แล้วตั้งค่าเป็น “Enabled” แล้วตอบ OK
หลังจากตั้งค่าทั้ง 3 ข้อนี้แล้วจะได้ผลลัพธ์ดังรูป
หมายเหตุ ปกติแล้ว ทุกค่าใน Configuration จะถูกตั้งไว้ที่ “Not configured”
ชุดที่ 8 เกี่ยวกับ Ctrl+Alt+Del Options
เส้นทางคือ User Configuration > Administrative Template > System > Ctrl+Alt+Del Options
แก้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Remove Task Manager แล้วตั้งค่าเป็น “Disabled” แล้วตอบ OK
หลังจากตั้งค่าในข้อนี้แล้วจะได้ผลลัพธ์ดังรูป
หมายเหตุ ปกติแล้ว ทุกค่าใน Configuration จะถูกตั้งไว้ที่ “Not configured”
ชุดที่ 9 ดับเบิ้ลคลิกที่ Drive แล้วขึ้น Open With หรือ Search หรือโปรแกรมอื่นๆ เช่น ACDSee
แก้โดยการลบไฟล์ที่ชื่อ Autorun.inf นี้ทิ้งไปเสีย ชีวิตก็คงเป็นปกติขึ้น หรือไม่ก็ต้องเข้าไปที่ Start Menu > Run… จากนั้นพิมพ์ข้อความ regsvr32 /i shell32.dll แล้ว Enter (ตามรูป)
แล้วจะปรากฏหน้าต่างข้อความ “DllRegisterServer and DllInstall in shell32.dll succeeded” (ตามรูป) เพื่อยืนยันว่าตอนนี้เจ้า Windows มันหายงงแล้ว
อีกอันนึงที่ใครต่อใครมักจะเจอคือ
ชุดที่ 10 เวลาเปิด IE คือ ที่ Title bar มีข้อความปรากฏขึ้นเป็นชื่อต่างๆ กัน เช่น Hacked by 1Byte หรือ Hacked by แล้วตามด้วยชื่ออื่นๆ แล้วแต่ผู้เขียนไวรัสกำหนดไว้ วิธีการเอาออกก็คือ เข้าไปที่ Start Menu > Run… จากนั้นพิมพ์ข้อความ regedit (ตามรูป)
แล้วเข้าไปที่ HKEY_CURRENT_USER > Software > Microsoft > Internet Explorer > Main จากนั้น Delete ที่บรรทัด Window Title ตอบ Yes เพียงเท่านี้ ข้อความแปลกๆ ที่ปรากฏบน Title bar ของ IE ก็จะหายไปแล้ว
ไฟล์รูปภาพ : (83 Kb.)
PIC_A45_U2YTGY.jpg
>> คลิกเพื่อเปิดดูรูป <<
ปล. ยินดีที่ได้แบ่งปัน
บิ๊กเสี่ยว
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ