เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ศาสนาอิสลามที่ผมนับถือเป็นศาสนาที่พระเจ้าประทานมาให้แก่มนุษย์ทุกๆเผ่าพันธุ์ ไม่ใช่เฉพาะ ลัทธินิกายหนึ่งนิกายเดียวเท่านั้น
มนุษย์ไม่มีสิทธิหรืออำนาจใดๆทั้งสิ้นในการ รวมกลุ่มกัน ตัดสินมุสลิมด้วยกันในเรื่องของความศรัทธาต่ออิสลาม, ทั้งนี้เพราะว่า เขาไม่อาจจะมองเข้าไปถึงจิตใจในความศรัทธาของผู้อื่นได้ ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ์ พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้นที่จะมีสิทธิในการที่จะตัดสินผู้ใดเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงหรือไม่?
ประเทศไทยไม่มีกฏหมายบังคับให้ผู้นับถือศาสนาอิสลามหรือศาสนาใดๆ ต้องจดทะเบียนเป็นสมาชิกของศาสนานั้นๆ
และหลักการของศาสนาอิสลามไม่มีการบังคับให้ต้องเชื่อ ฮาดีษ ใดๆที่ขัดต่อ อัลกุรอานหรือ ออกนอกขอบเขตของอัลกุรอาน
ถ้าอำนาจนี้เป็นของมนุษย์แล้ว,ลัทธินิกายที่ใหญ่กว่าจะบีบบังคับด้วยอำนาจป่าเถื่อน ให้มุสลิมเชื่อตามมุสลิมกลุ่มใหญ่ และ
เนื่องจากอิสลามให้สิทธิในการนับถือศาสนา อิสลามแก่มวลมนุษย์ทุกๆคนโดยเสมอภาค มุสลิมผู้อื่นจึงไม่อาจจะบังคับให้มุสลิมผู้ใด นับถือและศรัทธาตามหลักการของเขาได้
ตัวอย่างเช่นในขณะืที่มุสลิมนิกาย วะฮาบีย์ ปฏิเสธการเป็นมุสลิมนิกายชีอะต์
แต่วะฮาบีย์มุสลิมก็ไม่อาจจะ ใช้กำลังบังคับ ให้มุสลิมชีอะต์เปลี่ยนมานับถือและศรัทธาในรูปแบบของเขาได้
และในทำนองเดียวกัน มุสลิมชีอะต์ก็ไม่อาจจะบังคับให้ ซุนนีย์ วะฮาบีย์มุสลิม,ศรัทธา
ต่ออิมาม 12 ท่าน ได้
ในสายตาของมุสลิมนิกาย วะฮาบีย์,
มุสลิมชีอะต์ เป็นกาเฟร, แต่ในสายตาของพระเจ้า ชีอะต์ก็เป็นมุสลิม ที่มีศรัทธาต้่อพระเจ้าเท่าเทียมกัน
มนุษย์ไม่ได้มีอำนาจ
ที่จะตัดสินกันในเรื่องของความศรัทธาของมุสลิมต่อศาสนาอิสลาม
ไม่มีมุสลิมผู้ใดในโลกนี้ที่จะเข้าใจความศรัทธาของมุสลิมผู้ใดว่าเป็นการหน้าไหว้หลังหลอกหรือ นับถือศาสนาอิสลามด้วยลมปาก,แต่มีความประพฤติในสังคมและส่วนตัว ไม่สมกับลักษณะของมุสลิมที่มีศรัทธาต่อ อัลลออ์ตะอาลา
ทั้งนี้เพราะว่ามนุษย์ ไม่สามารถมองเห็นเข้าไปอยู่ในหัวใจของคนอื่นได้
พระองค์อัลลออ์ตะอาลาพระเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะมีสิทธิในการตัดสินและเป็นผู้พิพากษาในเรื่องของความศรัทธา,
มีอัลกุรอานหลายบัญญัติที่ยืนยันในเรื่องนี้
{21:112} เขากล่าวว่า "โอ้ พระเจ้าของข้าฯ! โปรดพิพากษาแก่พวกข้าฯด้วยความจริง และพระเจ้าของพวกข้าฯคือพระผู้ทรงเมตตา พระผู้ทรงเป็นที่พึ่ง ให้พ้นจากสิ่งที่พวกเธอกล่าวหา"
{22:69} อัลลอฮฺจะทรงพิพากษาระหว่างพวกเธอในวันฟื้นคืนชีพ ในเรื่องที่พวกเธอได้เคยขัดแย้งกัน
{5:50} ข้อตัดสินแห่งอานารยสมัยกระนั้นหรือ ที่พวกเขาปรารถนา? และผู้ใดเล่าที่จะมีข้อตัดสินดียิ่งกว่าอัลลอฮฺสำหรับกลุ่มชนที่เชื่อมั่น
{26:113} "บัญชีของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่ผู้ใดเลยนอกจากที่พระเจ้าของฉัน หากพวกท่านมีความรู้สึก"
{22:56} อํานาจในวันนั้นเป็นของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงพิพากษาระหว่างพวกเขา ดังนั้นบรรดาผู้มีศรัทธาและกระทำความดีจะอยู่ในเหล่าสวนสวรรค์แห่งความโปรดปราน
{2:188} และจงอย่าแย่งชิงทรัพย์สินกันและกันโดยทุจริต และจงอย่าติดสินบนให้แก่ผู้พิพากษา เพื่อที่ว่าพวกเธอจะได้กินสมบัติบางส่วนของคนอื่นโดยทุริต ทั้ง ๆ ที่พวกเธอรู้ดีอยู่
{55:31} อีกไม่ช้าเราจะจัดการกับพวกเธอ ดูกร มนุษย์และญิน!
{60:3} ความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกเธอและลูกหลานของพวกเธอจะไม่อํานวยประโยชน์อันใดแก่พวกเธอในว้นฟื้นคืนชีพดอก พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเธอ และอัลลอหฺทรงสอดส่องในสิ่งที่พวกเธอกระทำ
{2:113} และพวกยิวกล่าวว่า "พวกคริสเตียนไม่ได้อยู่บนฐานอันใด" และพวกคริสเตียนก็กล่าวว่า พวก ยิวก็ไม่ได้อยู่บนฐานอันใด" ทั้ง ๆ ที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายก็อ่านคัมภีร์เล่มเดียวกัน9 และพวกที่ไม่มีความรู้เรื่องคัมภีร์ก็ยังกล่าวอ้างเช่นเดียวกันนั้น ดังนั้น อัลลอฮฺจะทรงพิพากษาเรื่องที่พวกเขาเคยขัดแย้งกัน ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ
. {3:55} จงรำลึกเมื่ออัลลอฮฺตรัสว่า "ดูกร อีซา! ฉันจะเป็นผู้รับเธอไป และจะเป็นผู้ยกเธอขึ้นไปยังฉัน และจะเป็นผู้ที่ชำระเธอให้สะอาดจากบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และจะเป็นผู้ให้บรรดาที่ปฏิบัติตามเธออยู่เหนือผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย จนกระทั่งถึงวันฟื้นคืนชีพ แล้วยังฉันนั้นคือที่กลับคืนของพวกเธอ แล้ว
ฉันจะพิพากษาระหว่างพวกเธอในสิ่งที่พวกเธอขัดแย้งกัน
{10:93} และโดยแน่นอน เราได้ให้วงศ์วานของอิสรออีล!พำนักอาศัยอยู่ ณ สถานที่อันดี และเราได้ให้ปัจจัยยังชีพที่ดีมากมายแก่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาไม่ได้แตกแยกกัน จนกระทั่งคัมภีร์ได้มายังพวกเขา แท้จริงพระเจ้าของเธอจะทรงพิพากษาระหว่างพวกเขา ในวันฟื้นคืนชีพ ในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน
{16:124} แท้จริง วันเสาร์ได้ถูกกําหนดขึ้นแก่บรรดาผู้ขัดแย้งกันในเรื่องของมัน และแท้จริงพระเจ้าของเธอจะพิพากษาระหว่างพวกเขาอย่างแน่นอนในวันฟื้นคืนชีพ ในสิ่งที่พวกเขาเคยขัดแย้งกัน
{6:114} "อื่นจากอัลลอฮฺกระนั้นหรือ ที่ฉันจะแสวงหาผู้ชี้ขาด ทั้ง ๆ ที่พระองค์เป็นผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่พวกเธออย่างละเอียดถี่ถ้วน?" และบรรดาผู้ที่เราได้ให้คัมภีร์แก่พวกเขานั้น พวกเขารู้ดีว่า มันถูกประทานลงมาจากพระเจ้าของเธอ ด้วยความเป็นจริง ดังนั้นเธอก็จงอย่าอยู่ในหมู่ผู้สงสัย
จากบัญญัติเหล่านี้ ในเรื่องความศรัทธาต่อศาสนาอิสลามแล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่จะมีสิทธิที่จะตัดสินว่าผู้ใดคือผุ้ที่ศรัทธาต่อพระองค์อย่างแท้จริงหรือไม่?
ดังนั้นมุสลิมจึงไม่บังควรที่ใช้อำนาจโดยพละการกระทำการฝ่าฝืนบัญญัติของงพระเจ้า ในการตัดสินความศรัทธาของมุสลิมด้วยกัน
ด้วยเหตุนี้การ ที่มีผู้ข่มขู่และด่าทอผมด้วยความหยาบคายจึงเป็นการกระทำที่ ล้ำอำนาจของพระเจ้า และแสดงเป็นอันธพาลในการข่มขู่ผมไม่ให้เรียกศาสนาที่ผมนับถือว่า "อิสลาม"
ผมไม่มีความจำเป็นจะต้องตอบคำถามใดๆเกี่ยวกับข้อเขียนของผมที่ได้อธิบายกันจบไปแล้ว, ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องมาทำตามคำร้องของใคร,หรือจะต้องรับปากพร่ำเพรื่อ, ถ้าไม่เช่นนั้น ทุกครั้งที่มุสลิมผู้ใด ไม่พอใจอะไรผม, เขาก็จะนำมันขึ้นมากล่าวอีก ก็ต้องมาวุ่นวายซ้ำซากกันอีกไม่มีวันจบสิ้น
"อิสลาม" ก็ศาสนาของ "ตู" เช่นกัน
ศาสนาอิสลามที่ผมนับถือเป็นศาสนาที่พระเจ้าประทานมาให้แก่มนุษย์ทุกๆเผ่าพันธุ์ ไม่ใช่เฉพาะ ลัทธินิกายหนึ่งนิกายเดียวเท่านั้น
มนุษย์ไม่มีสิทธิหรืออำนาจใดๆทั้งสิ้นในการ รวมกลุ่มกัน ตัดสินมุสลิมด้วยกันในเรื่องของความศรัทธาต่ออิสลาม, ทั้งนี้เพราะว่า เขาไม่อาจจะมองเข้าไปถึงจิตใจในความศรัทธาของผู้อื่นได้ ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ์ พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้นที่จะมีสิทธิในการที่จะตัดสินผู้ใดเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงหรือไม่?
ประเทศไทยไม่มีกฏหมายบังคับให้ผู้นับถือศาสนาอิสลามหรือศาสนาใดๆ ต้องจดทะเบียนเป็นสมาชิกของศาสนานั้นๆ
และหลักการของศาสนาอิสลามไม่มีการบังคับให้ต้องเชื่อ ฮาดีษ ใดๆที่ขัดต่อ อัลกุรอานหรือ ออกนอกขอบเขตของอัลกุรอาน
ถ้าอำนาจนี้เป็นของมนุษย์แล้ว,ลัทธินิกายที่ใหญ่กว่าจะบีบบังคับด้วยอำนาจป่าเถื่อน ให้มุสลิมเชื่อตามมุสลิมกลุ่มใหญ่ และ
เนื่องจากอิสลามให้สิทธิในการนับถือศาสนา อิสลามแก่มวลมนุษย์ทุกๆคนโดยเสมอภาค มุสลิมผู้อื่นจึงไม่อาจจะบังคับให้มุสลิมผู้ใด นับถือและศรัทธาตามหลักการของเขาได้
ตัวอย่างเช่นในขณะืที่มุสลิมนิกาย วะฮาบีย์ ปฏิเสธการเป็นมุสลิมนิกายชีอะต์
แต่วะฮาบีย์มุสลิมก็ไม่อาจจะ ใช้กำลังบังคับ ให้มุสลิมชีอะต์เปลี่ยนมานับถือและศรัทธาในรูปแบบของเขาได้
และในทำนองเดียวกัน มุสลิมชีอะต์ก็ไม่อาจจะบังคับให้ ซุนนีย์ วะฮาบีย์มุสลิม,ศรัทธา
ต่ออิมาม 12 ท่าน ได้
ในสายตาของมุสลิมนิกาย วะฮาบีย์,
มุสลิมชีอะต์ เป็นกาเฟร, แต่ในสายตาของพระเจ้า ชีอะต์ก็เป็นมุสลิม ที่มีศรัทธาต้่อพระเจ้าเท่าเทียมกัน
มนุษย์ไม่ได้มีอำนาจ
ที่จะตัดสินกันในเรื่องของความศรัทธาของมุสลิมต่อศาสนาอิสลาม
ไม่มีมุสลิมผู้ใดในโลกนี้ที่จะเข้าใจความศรัทธาของมุสลิมผู้ใดว่าเป็นการหน้าไหว้หลังหลอกหรือ นับถือศาสนาอิสลามด้วยลมปาก,แต่มีความประพฤติในสังคมและส่วนตัว ไม่สมกับลักษณะของมุสลิมที่มีศรัทธาต่อ อัลลออ์ตะอาลา
ทั้งนี้เพราะว่ามนุษย์ ไม่สามารถมองเห็นเข้าไปอยู่ในหัวใจของคนอื่นได้
พระองค์อัลลออ์ตะอาลาพระเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะมีสิทธิในการตัดสินและเป็นผู้พิพากษาในเรื่องของความศรัทธา,
มีอัลกุรอานหลายบัญญัติที่ยืนยันในเรื่องนี้
{21:112} เขากล่าวว่า "โอ้ พระเจ้าของข้าฯ! โปรดพิพากษาแก่พวกข้าฯด้วยความจริง และพระเจ้าของพวกข้าฯคือพระผู้ทรงเมตตา พระผู้ทรงเป็นที่พึ่ง ให้พ้นจากสิ่งที่พวกเธอกล่าวหา"
{22:69} อัลลอฮฺจะทรงพิพากษาระหว่างพวกเธอในวันฟื้นคืนชีพ ในเรื่องที่พวกเธอได้เคยขัดแย้งกัน
{5:50} ข้อตัดสินแห่งอานารยสมัยกระนั้นหรือ ที่พวกเขาปรารถนา? และผู้ใดเล่าที่จะมีข้อตัดสินดียิ่งกว่าอัลลอฮฺสำหรับกลุ่มชนที่เชื่อมั่น
{26:113} "บัญชีของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่ผู้ใดเลยนอกจากที่พระเจ้าของฉัน หากพวกท่านมีความรู้สึก"
{22:56} อํานาจในวันนั้นเป็นของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงพิพากษาระหว่างพวกเขา ดังนั้นบรรดาผู้มีศรัทธาและกระทำความดีจะอยู่ในเหล่าสวนสวรรค์แห่งความโปรดปราน
{2:188} และจงอย่าแย่งชิงทรัพย์สินกันและกันโดยทุจริต และจงอย่าติดสินบนให้แก่ผู้พิพากษา เพื่อที่ว่าพวกเธอจะได้กินสมบัติบางส่วนของคนอื่นโดยทุริต ทั้ง ๆ ที่พวกเธอรู้ดีอยู่
{55:31} อีกไม่ช้าเราจะจัดการกับพวกเธอ ดูกร มนุษย์และญิน!
{60:3} ความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกเธอและลูกหลานของพวกเธอจะไม่อํานวยประโยชน์อันใดแก่พวกเธอในว้นฟื้นคืนชีพดอก พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเธอ และอัลลอหฺทรงสอดส่องในสิ่งที่พวกเธอกระทำ
{2:113} และพวกยิวกล่าวว่า "พวกคริสเตียนไม่ได้อยู่บนฐานอันใด" และพวกคริสเตียนก็กล่าวว่า พวก ยิวก็ไม่ได้อยู่บนฐานอันใด" ทั้ง ๆ ที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายก็อ่านคัมภีร์เล่มเดียวกัน9 และพวกที่ไม่มีความรู้เรื่องคัมภีร์ก็ยังกล่าวอ้างเช่นเดียวกันนั้น ดังนั้น อัลลอฮฺจะทรงพิพากษาเรื่องที่พวกเขาเคยขัดแย้งกัน ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ
. {3:55} จงรำลึกเมื่ออัลลอฮฺตรัสว่า "ดูกร อีซา! ฉันจะเป็นผู้รับเธอไป และจะเป็นผู้ยกเธอขึ้นไปยังฉัน และจะเป็นผู้ที่ชำระเธอให้สะอาดจากบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และจะเป็นผู้ให้บรรดาที่ปฏิบัติตามเธออยู่เหนือผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย จนกระทั่งถึงวันฟื้นคืนชีพ แล้วยังฉันนั้นคือที่กลับคืนของพวกเธอ แล้ว
ฉันจะพิพากษาระหว่างพวกเธอในสิ่งที่พวกเธอขัดแย้งกัน
{4:141} บรรดาผู้ที่คอยดูพวกเธออยู่นั้น ถ้าหากพวกเธอได้รับชัยชนะจากอัลลอฮฺ พวกเขาก็กล่าวว่า "เราไม่ได้ร่วมกับพวกท่านดอกหรือ?" และหากว่ามีส่วนได้ใด ๆ แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาก็กล่าวว่า "เราไม่ได้มีอํานาจเหนือพวกท่านดอกหรือ? และเราไม่ได้ป้องกันพวกท่านให้พ้นจากบรรดาผู้มีศรัทธากระนั้นหรือ?" อัลลอฮฺจะทรงพิพากษาระหว่างพวกเธอในวันวันฟื้นคืนชีพ และอัลลอฮฺจะไม่ทรงให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธามีทางใดเหนือบรรดาผู้มีศรัทธาเป็นอันขาด{10:93} และโดยแน่นอน เราได้ให้วงศ์วานของอิสรออีล!พำนักอาศัยอยู่ ณ สถานที่อัน
ดี และเราได้ให้ปัจจัยยังชีพที่ดีมากมายแก่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาไม่ได้แตกแยกกัน จนกระทั่งคัมภีร์ได้มายังพวกเขา แท้จริงพระเจ้าของเธอจะทรงพิพากษาระหว่างพวกเขา ในวันฟื้นคืนชีพ ในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน
{16:124} แท้จริง วันเสาร์ได้ถูกกําหนดขึ้นแก่บรรดาผู้ขัดแย้งกันในเรื่องของมัน และแท้จริงพระเจ้าของเธอจะพิพากษาระหว่างพวกเขาอย่างแน่นอนในวันฟื้นคืนชีพ ในสิ่งที่พวกเขาเคยขัดแย้งกัน
{6:114} "อื่นจากอัลลอฮฺกระนั้นหรือ ที่ฉันจะแสวงหาผู้ชี้ขาด ทั้ง ๆ ที่พระองค์เป็นผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่พวกเธออย่างละเอียดถี่ถ้วน?" และบรรดาผู้ที่เราได้ให้คัมภีร์แก่พวกเขานั้น พวกเขารู้ดีว่า มันถูกประทานลงมาจากพระเจ้าของเธอ ด้วยความเป็นจริง ดังนั้นเธอก็จงอย่าอยู่ในหมู่ผู้สงสัย
จากบัญญัติเหล่านี้ ในเรื่องความศรัทธาต่อศาสนาอิสลามแล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่จะมีสิทธิที่จะตัดสินว่าผู้ใดคือผุ้ที่ศรัทธาต่อพระองค์อย่างแท้จริงหรือไม่?
ดังนั้นมุสลิมจึงไม่บังควรที่ใช้อำนาจโดยพละการกระทำการฝ่าฝืนบัญญัติของงพระเจ้า ในการตัดสินความศรัทธาของมุสลิมด้วยกัน
ด้วยเหตุนี้การ ที่มีผู้ข่มขู่และด่าทอผมด้วยความหยาบคายจึงเป็นการกระทำที่ ล้ำอำนาจของพระเจ้า และแสดงเป็นอันธพาลในการข่มขู่ผมไม่ให้เรียกศาสนาที่ผมนับถือว่า "อิสลาม"
ผมไม่มีความจำเป็นจะต้องตอบคำถามใดๆเกี่ยวกับข้อเขียนของผมที่ได้อธิบายกันจบไปแล้ว, ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องมาทำตามคำร้องของใคร,หรือจะต้องรับปากพร่ำเพรื่อ, ถ้าไม่เช่นนั้น ทุกครั้งที่มุสลิมผู้ใด ไม่พอใจอะไรผม, เขาก็จะนำมันขึ้นมากล่าวอีก ก็ต้องมาวุ่นวายซ้ำซากกันอีกไม่มีวันจบสิ้น
ผมยินดีที่จะตอบคำถามถ้าผู้ใดสนใจว่าผมนับถือศาสนาอิสลามอย่างไร?