ตอนนี้เลือดสุนัขขาดแคลนถึงขั้นวิกฤตแล้วค่ะ ที่มาจากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ได้สัมภาษณ์สัตวแพทย์จาก โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
http://morning-news.bectero.com/เรื่องเล่าเช้านี้-ข่าวสังคม-อาชญากรรม/วิกฤตเลือดสุนัขขาดแคลนไม่พอยื้อชีวิตเจ้าตูบ-2012122410-3-1.htmlขอเชิญชวนทุกคนร่วมกันพา เจ้าตูบ และ เจ้าเหมียว ที่บ้านไปบริจาคเลือดกันค่ะ
ตอนนี้สามารถไปบริจาคได้ที่ โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนะคะ
คุณสมบัติของผู้บริจาค
1. สุนัขหรือแมวจะต้องมีสุขภาพดี อายุตั้งแต่ 1- 6 ปี ไม่จำกัดเพศและพันธุ์
2. น้ำหนักมากกว่า 20 กก.ในสุนัข และมากกว่า 5 กก.ในแมว
3. มีประวัติการทำวัคซีนครบ
4. ปราศจากโรคติดต่อทางเลือด เช่นโรคพยาธิเม็ดเลือด โรคแท้งติดต่อใน สุนัข พยาธิหนอนหัวใจและโรคติดเชื้อไวรัสในแมว เป็นต้น
5. ไม่เคยได้รับการผ่าตัดใหญ่ในระยะ 1- 2 เดือน
6. ไม่มีโรคประจำตัวที่ร้ายแรง กรณีที่มีโรคประจำตัวโปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนบริจาค
7. ในกรณีที่ทำวัคซีนประจำปี ควรเว้นระยะเวลาอย่างต่ำ 3 สัปดาห์ก่อนนำสุนัขมาบริจาค
8. ไม่มีเห็บหมัด หรือโรคผิวหนัง
9. สุขภาพฟันดี ไม่มีคราบหินปูน
วิธีการบริจาค
ในการบริจาค 1 ครั้ง จะเก็บเลือดประมาณ 350 มล. ซึ่งเท่ากับ 1 ยูนิต โดยปกติสัตว์เลี้ยงของเราสามารถให้เลือดได้ถึง 10 - 20 มล. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. และสามารถบริจาคได้ทุกๆ 5 เดือน
ก่อนที่จะบริจาค สัตวแพทย์จะตรวจสุขภาพ โดยซักประวัติการทำวัคซีนและเก็บเลือดไปตรวจสุขภาพในเบื้องต้น เมื่อทุกอย่างพร้อม คุณหมอจะโกนขนบริเวณคอและฆ่าเชื้อ (ในกรณีที่สุนัขขนยาวอาจมองไม่เห็นบริเวณที่โกนเลยก็ได้) โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุนัข
หลังจากบริจาคเลือดแล้ว สุนัขจะได้รับสารน้ำทดแทนในปริมาณใกล้เคียงกับที่สูญสียน้ำไป (หรืออาจไม่จำเป็นต้องรับก็ได้)
* หมายเหตุ : ก่อนนำสุนัขหรือแมวของท่านมาบริจาคเลือด กรุณางดอาหารเช้าก่อนการบริจาค
ที่มา
http://hospital.vet.ku.ac.th/index_files/Page999.htmแก้ไขคำผิด
วิกฤต!!!! เลือดสุนัขขาดแคลน เชิญชวนทุกคนร่วมกันพาเจ้าตูบ เจ้าเหมียวที่บ้าน ไปบริจาคเลือดกันนะคะ
http://morning-news.bectero.com/เรื่องเล่าเช้านี้-ข่าวสังคม-อาชญากรรม/วิกฤตเลือดสุนัขขาดแคลนไม่พอยื้อชีวิตเจ้าตูบ-2012122410-3-1.html
ขอเชิญชวนทุกคนร่วมกันพา เจ้าตูบ และ เจ้าเหมียว ที่บ้านไปบริจาคเลือดกันค่ะ
ตอนนี้สามารถไปบริจาคได้ที่ โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนะคะ
คุณสมบัติของผู้บริจาค
1. สุนัขหรือแมวจะต้องมีสุขภาพดี อายุตั้งแต่ 1- 6 ปี ไม่จำกัดเพศและพันธุ์
2. น้ำหนักมากกว่า 20 กก.ในสุนัข และมากกว่า 5 กก.ในแมว
3. มีประวัติการทำวัคซีนครบ
4. ปราศจากโรคติดต่อทางเลือด เช่นโรคพยาธิเม็ดเลือด โรคแท้งติดต่อใน สุนัข พยาธิหนอนหัวใจและโรคติดเชื้อไวรัสในแมว เป็นต้น
5. ไม่เคยได้รับการผ่าตัดใหญ่ในระยะ 1- 2 เดือน
6. ไม่มีโรคประจำตัวที่ร้ายแรง กรณีที่มีโรคประจำตัวโปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนบริจาค
7. ในกรณีที่ทำวัคซีนประจำปี ควรเว้นระยะเวลาอย่างต่ำ 3 สัปดาห์ก่อนนำสุนัขมาบริจาค
8. ไม่มีเห็บหมัด หรือโรคผิวหนัง
9. สุขภาพฟันดี ไม่มีคราบหินปูน
วิธีการบริจาค
ในการบริจาค 1 ครั้ง จะเก็บเลือดประมาณ 350 มล. ซึ่งเท่ากับ 1 ยูนิต โดยปกติสัตว์เลี้ยงของเราสามารถให้เลือดได้ถึง 10 - 20 มล. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. และสามารถบริจาคได้ทุกๆ 5 เดือน
ก่อนที่จะบริจาค สัตวแพทย์จะตรวจสุขภาพ โดยซักประวัติการทำวัคซีนและเก็บเลือดไปตรวจสุขภาพในเบื้องต้น เมื่อทุกอย่างพร้อม คุณหมอจะโกนขนบริเวณคอและฆ่าเชื้อ (ในกรณีที่สุนัขขนยาวอาจมองไม่เห็นบริเวณที่โกนเลยก็ได้) โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุนัข
หลังจากบริจาคเลือดแล้ว สุนัขจะได้รับสารน้ำทดแทนในปริมาณใกล้เคียงกับที่สูญสียน้ำไป (หรืออาจไม่จำเป็นต้องรับก็ได้)
* หมายเหตุ : ก่อนนำสุนัขหรือแมวของท่านมาบริจาคเลือด กรุณางดอาหารเช้าก่อนการบริจาค
ที่มา http://hospital.vet.ku.ac.th/index_files/Page999.htm
แก้ไขคำผิด