ขอระบายค่ะ อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก

กระทู้สนทนา
ปกติเป็นฝ่ายตอบคำถาม (แต่ก็ไม่ได้ตอบบ่อยนัก) ตอนนี้ขอเป็นฝ่ายระบายบ้าง ขออนุญาตนะคะ ยาวหน่อย

บ้านเรามีปัญหาค่ะ

เท้าความก่อนว่าเราเรียนกฏหมาย (จบแล้ว กำลังต่อโท เกี่ยวเนื่องกับกฏหมาย แต่ไม่ใช่นิติศาสตร์) บ้านเราอยู่แบบบ้านนอกๆ หน่อย เราอยู่จังหวัดใหญ่ ไม่ได้อยู่บ้าน ติดต่อทางบ้านเฉลี่ยหนึ่งครั้งต่ออาทิตย์

วันหนึ่งเมื่อ 5 เดือนก่อน แม่โทรมาหาด้วยน้ำเสียงร้อนรน บอกว่าพ่อไปค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ญาติห่างๆ (ห่างมากกกกกกกก...) คนนึง ค้ำไปแล้วโดยที่ไม่มาปรึกษาเราเลยแม้แต่คำเดียว เรากับแม่ก็อกสั่นขวัญแขวนกันไป กลัวว่าเขาจะไม่จ่ายค่างวด บ้านเราก็ต้องเดือดร้อนอีก

คือญาติที่มาขอให้พ่อค้ำเป็นหลานพ่อ ญาติทางพ่อน่ะค่ะ บ้านเค้าเคยมีบุญคุณกับพ่อมาบ้างตอนพ่อเป็นเด็ก พอหลาน (อายุมากกว่าเราปีนึง) มาขอให้พ่อค้ำประกันรถให้ พ่อเลยทำให้อย่างไม่ลังเล พร้อมกับบอกว่าเชื่อใจ เขาไม่ทำให้เรามีปัญหาหรอก

เราพยายามบอกแม่ว่าขอคุยกับบริษัทว่าเปลี่ยนคนค้ำประกันได้มั้ย ถ้าทางบริษัทตกลงก็ยังเปลี่ยนคนค้ำได้ เราไม่อยากเสี่ยงใดๆ ทั้งนั้น แต่แม่บอกว่าผู้จัดการบริษัทมาพูดกับพ่อเราตรงๆ ที่บ้านเราว่า "ถ้าไม่ใช่พี่ (พ่อเรา) ผมไม่ปล่อยรถให้หรอก" แล้วพอเจรจาขอเปลี่ยนผู้ค้ำ (กะว่าจะให้พ่อของคนเช่าซื้อเป็นคนค้ำเอง เพราะทรัพย์สินเค้าก็มี) บริษัทก็ไม่ยอมเปลี่ยนจริงๆ เราก็ได้แต่กังวล

สี่เดือนต่อมาแม่โทรมาบอกความคืบหน้าว่ารถที่เช่าซื้อคงหายไปแล้ว คนเช่าซื้อบอกว่าจะเอาไปให้ลูกติดภรรยาเขา (ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน) ใช้ที่อีกจังหวัดหนึ่ง พอได้รถไปแล้วก็ไม่จ่ายค่างวด ไม่จ่ายเลยแม้แต่งวดเดียว บริษัทส่งคนไปติดตามหารถที่จังหวัดนั้นแล้วก็ไม่เจอ และมีคนอื่นๆ ที่เป็นญาติกันบอกว่า เขาคงส่งรถไปขายที่ฝั่งลาวแล้ว

ทีนี้เราก็เครียดสิคะ

พ่อเราเริ่มกระวนกระวาย เริ่มติดตามหาตัวหลานที่เป็นคนเช่าซื้อ แต่ว่าหลังจากเขาเช่าซื้อเรียบร้อยแล้วก็ไปทำงานที่ กทม. โทรติดต่อก็ไม่ได้ โทรไปหาภรรยาเขาก็ไม่ได้ ติดแต่ไม่มีคนรับเลย ไม่รับเบอร์ที่โทรไปทุกเบอร์ด้วย เหมือนต้องการหลบ

ทีนี้เหตุการณ์มันมาถึงที่สุดเมื่อมีโนติสจากบริษัทส่งไปบ้านเราค่ะ เป็นหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่า พร้อมเรียกค่าเสียหาย เรียกทรัพย์คืน รวมความแล้วคือบอกเลิกสัญญาเช่า ให้เอาเงินจำนวนเท่าราคารถบวกดอกเบี้ยไปจ่าย หรือไม่ก็คืนรถให้บริษัทไป ให้เวลา 30 วัน หนังสือเพิ่งมาถึงไม่กี่วันนี่เองค่ะ

เราใกล้สอบกลางภาค ต้องกลับมาที่บ้านเพื่อมาเคลียร์เรื่องนี้ เราไม่รู้จะพูดกับพ่อว่ายังไง ไม่อยากจะโทษพ่อเลย เพราะสีหน้าพ่อก็ไม่ดีอยู่แล้ว บ้านเราเครียดมาก เพราะเป็นผู้ค้ำ และเจ้าหนี้เลือกที่จะฟ้องพ่อเราแน่ๆ

เราตัดสินใจกันสามคนพ่อแม่ลูกว่าจะให้ทางบ้านของคนเช่าซื้อเขาช่วยด้วย เราทำหนังสือรับสภาพหนี้ไป เพื่อให้พ่อของคนเช่าซื้อเซ็น เพื่อเป็นการบีบให้เขาจ่ายเงินแทนลูกเขาด้วย ตอนนั้นเราไม่สนล่ะค่ะว่าพ่อไม่จำเป็นต้องจ่ายหนี้ให้ลูก (บรรลุนิติภาวะแล้ว) แต่เราต้องการทำยังไงก็ได้ให้ครอบครัวเราไม่ต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องนี้ให้มากที่สุด

ตอนแรกพ่อก็บอกว่าพ่อของคนเช่าซื้อเป็นคนดี เขาเข้าใจเราและคงต้องช่วยผ่อนภาระนี้อย่างแน่นอน คืนนั้นเราไปที่บ้านของคนเช่าซื้อกันที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน รองผู้ใหญ่บ้าน และญาติของทางฝ่ายนั้น (ซึ่งถ้านับกันจริงๆ ก็คือญาติห่างมากๆ ของเรา แต่เราไม่นับญาติด้วยเด็ดขาด)

ตรงนี้เราต้องบอกก่อนเลยว่า สภาพสังคมที่หมู่บ้านนั้น และคนในหมู่บ้านนั้นคือบ้านนอกอย่างแท้จริง แบบที่ไม่เข้าใจและไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

แรกๆ คุยกัน พ่อคนเช่าซื้อติดต่อลูกชายได้ ก็บอกให้เอารถมาคืน หรือไม่ก็เอาเงินมาให้ ไม่อย่างนั้นทางบริษัทจะเอาเรื่องถึงติดคุก แต่ลูกชายไม่ยอมเอารถมาคืน บอกแต่ว่าจะกลับบ้านตอนปลายปีนี้ และจะเอาเงินมาคืนแน่นอน พ่อเราคุยโทรศัพท์ด้วยก็บอกว่าขอให้กลับมาและมาชำระเงินซะ (เบ็ดเสร็จ 60,000 กว่าบาท) เพราะไม่อย่างนั้นทางบ้านเราจะเป็นคนเสียหาย และเพราะว่าพ่อเห็นว่าเขาเป็นหลาน ถึงยอมเชื่อใจ เขาไม่น่าจะทำกับพ่ออย่างนี้

พอจบเรื่องกับลูกชาย เราก็เปิดประเด็นว่าอยากให้เขาเซ็นหนังสือรับสภาพหนี้ไปก่อน เนื้อความหนังสือคือถ้าพ่อเราเป็นคนที่ต้องจ่ายเงินค่ารถ ทางเขาก็จะมีหนี้ต่อพ่อเราเท่าที่พ่อเราเสียไป แต่ถ้าทางพ่อเราไม่ได้จ่ายเงิน หนี้ก็ไม่เกิด

เขาไม่ยอมเซ็นค่ะ

ทั้งเขาและญาติเขาก็เริ่มปัดว่าไม่เซ็น ไม่ยอมผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น เขาจะไม่รับผิดชอบเรื่องลูกเขาอีกแล้ว เขาไม่ให้ ไม่เซ็น และไม่ขอรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่ตอนแรกพ่อเราบอกว่าทางนี้เห็นใจและยอมช่วย เพียงแต่ต้องการหลักประกันเท่านั้น เพราะลูกเขาประวัติเยอะเหลือเกิน เท่าที่ทราบมาล่าสุด มีการออกรถมอเตอร์ไซค์อีก 2 คันในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน และรถทั้ง 3 คัน (รวมคันที่พ่อเราค้ำประกัน) ก็หายไปโดยที่ไม่มีการจ่ายค่างวดใดๆ ทั้งสิ้น

เราเริ่มเจรจา บอกว่าขอให้ช่วยเถอะ ทางเขาไม่ได้เขาคุกแน่ๆ (เพราะทางร้านไม่ได้แจ้งความยักยอกเอาไว้) และถึงแม้จะต้องมีใครเข้าคุกจริงๆ พ่อเราก็ต้องจ่ายเงินอยู่ดี แล้วบ้านเราทำไมต้องจ่ายเงินเกือบ 70,000 ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไร ยกเว้นอย่างเดียวคือเชื่อใจลูกชายเขาเท่านั้น และในสัญญานี้ก็บอกว่าถ้าพ่อเราไม่ได้ใช้เงินให้บริษัท ทางนี้ก็จะไม่มีหนี้ใดๆ ต่อพ่อเราทั้งนั้น ถ้าเขาจ่ายหนี้หรือเอารถมาคืนให้บริษัทเมื่อไหร่ หนังสือนี้ก็ไม่มีผล จะฉีกทิ้งเลยก็ยังได้ และคนที่ผิดคือลูกชายเขา

เราโดนรุมด่าเลยค่ะ จากผู้ใหญ่บ้านที่คิดว่าจะให้เขามาฟัง มาเป็นประธานไกล่เกลี่ยนี่แหละ กับญาติเขาอีกคน หาว่าเราจะบังคับขู่เข็ญให้เซ็นสัญญา หาว่าเราละลาบละล้วงผู้ใหญ่ ทั้งด่าทั้งเสียงดังใส่ทิ้งๆ ที่พ่อแม่เราก็อยู่ตรงนั้น เราอ้าปากพูดปุ๊ปโดนชี้หน้าตวาดปั๊บ จนพ่อแม่เราต้องไกล่เกลี่ยบอกว่าเราไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ใคร

เรายอมรับ ตอนโดนด่าและตอนโดนปฏิเสธว่ายังไงก็ไม่เซ็นนั้นเราเลือดขึ้นหน้าเลยค่ะ มันทุเรศทั้งคนที่ด่าเรา ทั้งพ่อของคนเช่าซื้อ เราไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่ไม่ยอมรับผิดชอบอะไรขนาดนี้ด้วย ทิ้งๆ ที่ลูกเขาเป็นคนผิดแท้ๆ และทางเราต้องมาเดือดร้อนเพราะความไว้ใจที่มีให้เขากับลูกแท้ๆ และผู้ใหญ่บ้านที่เราหวังพึ่งในความเป็นกลางกลับมาใส่เราแบบนี้อีก (ตอนหลังเราได้รู้ว่าผู้ใหญ่บ้าน ญาติเขา เป็นพวกเดียวกันค่ะ เท่ากับว่างานนี้คนกลางจริงๆ มีแค่รองผู้ใหญ่บ้านคนเดียวเท่านั้น)

เราเกือบจะด่าสวนกลับไปแล้ว แต่คิดถึงพ่อแม่ที่ยังนั่งอยู่ตรงนั้น พ่อแม่เรานิ่งมาก ชี้แจงแทนเราว่าเราไม่ได้คิดล่วงเกิน และเรารู้ว่าพ่อแม่เรายังหวังที่จะเจรจาอยู่ คิดถึงผลเสียที่จะเกิดหากเราด่ากลับไป คิดหลายๆ อย่างเราก็ฝืนใจยกมือไหว้ขอโทษทั้งผู้ใหญ่บ้าน ทั้งพ่อของคนเช่าซื้อ ให้เรื่องมันจบไปซะ

สุดท้ายวันนั้นจบโดยการนัดไกล่เกลี่ยกันที่บริษัทในวันรุ่งขึ้น

ก็อย่างที่เดานั่นแหละค่ะ วันรุ่งขึ้นพ่อเรากับพ่อเขาก็ไปเจอกันที่บริษัท พ่อเขาบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงิน บอกจะให้ลูกติดคุกๆ อย่างเดียว ทั้งๆ ยังไงๆ ก็ไม่เข้าคุกเพราะมันเป็นคดีแพ่ง ขนาดผู้จัดการบอกว่าถึงลูกชายจะเข้าคุก แต่พ่อเราก็ต้องเดือดร้อนจ่ายเงินอยู่ดี เขาก็ยังไม่ยอมช่วย พ่อเราเสนอช่วยครึ่งหนึ่ง ซึ่งทางผู้จัดการก็บอกเลยว่า ไม่สงสารพ่อเราบ้างหรือ ถ้าไม่เห็นว่าเป็นญาติพ่อเราก็คงไม่ต้องมาเดือดร้อนอย่างนี้ คนทำความเดือดร้อนคือลูกชายเขา เขาควรจะรับผิดชอบบ้าง แต่ก็ไม่สำเร็จค่ะ มันไม่จ่าย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่