เวลาใครมาทำอะไรให้เราไม่พอใจ
เราก็จะเป็นไปกับเขา...
เป็นไปตามการพูด การกระทำ ของเขา
ก็คือ คิดปรุงแต่ง ...ยิ่งคิด ยิ่งปรุงความไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ
นั่นคือธรรมชาติของคนเรา
ถ้าเราย้อนกลับมามองตัวเอง
โดยการแค่ "รู้สึกตัว"
ก็จะรับรู้ได้เลยว่า จิตใจของเราตอนนี้มันเป็นยังไง
มันยินร้าย หรือคิดอะไรอยู่
รู้สึกตัวเฉยๆ แบบไม่วิพากษ์วิจารณ์
ไม่ต้องสนใจกับความรู้สึกนึกคิดนั้น
ผ่อนคลาย เคลื่อนไหว ไม่ต้องให้ความสำคัญกับความคิด
ความรู้สึกอันนั้น มันก็จะคลาย หรือหายไปเอง
เพราะจิตเราอยู่กับความรู้สึกตัว...ไม่ได้อยู่กับความคิด
ความคิดมันก็หมดแรงไปเอง
แล้วเราก็จะรู้ว่า อ๋อ...ที่แท้ สุขทุกข์ มันเกิดที่ไหน
เกิดที่ใจเรา หรือที่การพูด การกระทำของคนอื่น
ถ้าเรารู้สึกตัวอยู่ จิตไม่เอาอะไรเข้ามาสู่ใจแล้ว
มันก็ไม่ทุกข์ ...มันทุกข์เพราะเราหลงความคิด
ถูกความคิด ความยินร้ายครอบงำ
ทีนี้ ใครจะพูดอะไร จะทำอะไร ก็เรื่องของเขา
เราไม่เกี่ยว คือไม่ไหลไปตามการกระทำของเขา
เขาก็เป็นอย่างนั้นของเขา
แต่เราก็มีหน้าที่ของเรา มีอะไรต้องแก้ไข ต้องทำ ก็ทำไป
ทำด้วยจิตที่ไม่โดนอิทธิพลของอะไรครอบงำ
ก็เหลือแต่ความคิดที่จะจัดการกับเรื่องราวนั้นๆ จริงๆ ....
ที่เป็นความคิดที่ไม่เจือด้วยอารมณ์
เรียกว่า มีปัญญา ครับ
และจะมีเมตตาตามมาด้วย เพราะความที่เราเข้าใจคนอื่น
หมั่นรู้สึกตัวไว้....เราจะได้เรียนรู้ตัวเรา
และเรียนรู้คนอื่นด้วย
การไม่มองออกนอกตัว เรียกว่า ทวนกระแส
มันจะไม่ค่อยทุกข์และ มีปัญญา จริงๆ ครับ....
****** คนเรามีธรรมชาติมองออกนอกตัว ******
เราก็จะเป็นไปกับเขา...
เป็นไปตามการพูด การกระทำ ของเขา
ก็คือ คิดปรุงแต่ง ...ยิ่งคิด ยิ่งปรุงความไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ
นั่นคือธรรมชาติของคนเรา
ถ้าเราย้อนกลับมามองตัวเอง
โดยการแค่ "รู้สึกตัว"
ก็จะรับรู้ได้เลยว่า จิตใจของเราตอนนี้มันเป็นยังไง
มันยินร้าย หรือคิดอะไรอยู่
รู้สึกตัวเฉยๆ แบบไม่วิพากษ์วิจารณ์
ไม่ต้องสนใจกับความรู้สึกนึกคิดนั้น
ผ่อนคลาย เคลื่อนไหว ไม่ต้องให้ความสำคัญกับความคิด
ความรู้สึกอันนั้น มันก็จะคลาย หรือหายไปเอง
เพราะจิตเราอยู่กับความรู้สึกตัว...ไม่ได้อยู่กับความคิด
ความคิดมันก็หมดแรงไปเอง
แล้วเราก็จะรู้ว่า อ๋อ...ที่แท้ สุขทุกข์ มันเกิดที่ไหน
เกิดที่ใจเรา หรือที่การพูด การกระทำของคนอื่น
ถ้าเรารู้สึกตัวอยู่ จิตไม่เอาอะไรเข้ามาสู่ใจแล้ว
มันก็ไม่ทุกข์ ...มันทุกข์เพราะเราหลงความคิด
ถูกความคิด ความยินร้ายครอบงำ
ทีนี้ ใครจะพูดอะไร จะทำอะไร ก็เรื่องของเขา
เราไม่เกี่ยว คือไม่ไหลไปตามการกระทำของเขา
เขาก็เป็นอย่างนั้นของเขา
แต่เราก็มีหน้าที่ของเรา มีอะไรต้องแก้ไข ต้องทำ ก็ทำไป
ทำด้วยจิตที่ไม่โดนอิทธิพลของอะไรครอบงำ
ก็เหลือแต่ความคิดที่จะจัดการกับเรื่องราวนั้นๆ จริงๆ ....
ที่เป็นความคิดที่ไม่เจือด้วยอารมณ์
เรียกว่า มีปัญญา ครับ
และจะมีเมตตาตามมาด้วย เพราะความที่เราเข้าใจคนอื่น
หมั่นรู้สึกตัวไว้....เราจะได้เรียนรู้ตัวเรา
และเรียนรู้คนอื่นด้วย
การไม่มองออกนอกตัว เรียกว่า ทวนกระแส
มันจะไม่ค่อยทุกข์และ มีปัญญา จริงๆ ครับ....